สาวอดีตพนักงานแบงก์เข้าร้องกองปราบฯ คลินิกเสริมความงามย่านสีลมฉีดฟิลเลอร์เสริมเต้าได้ไม่นานกลายเป็นหนองต้องดูดออก ต่อมาตั้งท้องผ่าคลอด แพทย์ตรวจพบสารฟิลเลอร์อยู่ในช่องท้องจำนวนมาก นอนรักษาเสียค่าใช้จ่ายเกือบ 5 แสน คลินิกช่วยเหลือ 1.5 แสน พร้อมจับเซ็นสัญญาไม่เอาความ เผยมาแจ้งเพราะเดือดร้อนหนัก ต้องออกจากงาน ให้นมลูกก็ไม่ได้
    เมื่อเวลา 10.30 น. วันที่ 20 สิงหาคมนี้ น.ส.นวรัตน์ คงบำรุง อายุ 27 ปี อดีตพนักงานธนาคารแห่งหนึ่ง พร้อมด้วย น.ส.ศรัณยา หวังสุขเจริญ ทนายความ เดินทางเข้าพบ ร.ต.อ.ศุภชัย ชาติมนตรี รองสารวัตร (สอบสวน) กก.1 กองบังคับการปราบปราม เพื่อแจ้งเอาผิดคลินิกเสริมความงามแห่งหนึ่งย่านสีลม ในข้อหา “ทำการประมาททำให้ผู้อื่นได้รับบาดเจ็บสาหัส” และ “ฉ้อโกงประชาชน” หลัง น.ส.นวรัตน์ได้ฉีดสารฟิลเลอร์ที่เต้านมที่คลินิกดังกล่าว ต่อมาเกิดเน่า ทำให้ได้รับความเสียหาย โดยนำเอกสารการตรวจร่างกายจากโรงพยาบาล และเอกสารที่เกี่ยวข้องมามอบให้กับพนักงานสอบสวนเพื่อประกอบการพิจารณา
    น.ส.ศรัณยากล่าวว่า เมื่อปี 2555 ผู้เสียหายได้ไปใช้บริการเสริมความงามที่คลินิกดังกล่าว โดยการฉีดสารฟิลเลอร์ที่เต้านมในราคา 120,000 บาท เนื่องจากทางคลินิกโฆษณาว่าสารดังกล่าวฉีดแล้วไม่มีอันตราย แต่เมื่อฉีดแล้วพบว่ามีความผิดปกติ และต่อมาปี 2557 เกิดอาการเจ็บปวดและบวมที่ช่องท้องน้อย จึงกลับไปพบหมอที่คลินิก หลังจากตรวจแล้ว พบว่ามีหนองและสารฟิลเลอร์ที่ช่องท้อง หมอจึงได้ทำการดูดออก พร้อมกับเสียค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม 60,000 บาท นอกจากนี้ ทางคลินิกยังแนะนำให้เสริมเต้านมซิลิโคนในราคา 100,000 บาท ซึ่ง น.ส.นวรัตน์ก็ได้ตกลงทำ 
    ต่อมา เมื่อปี 2560 ผู้เสียหายได้ตั้งครรภ์และผ่าคลอด ทางแพทย์ได้แจ้งว่ามีสารฟิลเลอร์อยู่ในช่องท้องจำนวนมาก จึงได้รักษาตัวกับโรงพยาบาลต่อเนื่อง หมดค่าใช้จ่ายไปเกือบ 500,000 บาท ซึ่งทางคลินิกได้มาเยี่ยมพร้อมมอบเงินช่วยเหลือจำนวน 150,000 บาท และมีการเซ็นสัญญาข้อตกลงในการไม่แจ้งความดำเนินคดี ซึ่งทางผู้เสียหายจำยอมรับเงินจำนวนดังกล่าว เนื่องจากจำเป็นต้องใช้เงินในการรักษา
    น.ส.นวรัตน์กล่าวว่า ในช่วงหลังคลอดลูกได้รับความเดือดร้อนมาก เนื่องจากสามารถให้นมลูกได้เพียงแค่ 1 เดือนเท่านั้น จากนั้นก็ต้องหยุด เนื่องจากต้องทำการรักษาตัวต่อ อีกทั้งตั้งแต่เกิดเรื่อง การใช้ชีวิตก็ไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป ทั้งยังต้องออกจากงานเพื่อมารักษาตัวจากกรณีดังกล่าว ส่วนสาเหตุที่ตัดสินใจทำศัลยกรรมกับคลินิกแห่งนี้ เนื่องจากเห็นว่าคลินิกค่อนข้างน่าเชื่อถือ มีดารานักแสดงหลายคนเข้าไปใช้บริการ ไม่คาดคิดว่าจะเกิดเรื่องแบบนี้กับตนเอง ทั้งนี้ อยากจะให้ทางเจ้าหน้าที่ที่ดำเนินคดีคลินิกให้ถึงที่สุด
    เบื้องต้น ร.ต.อ.ศุภชัยได้สอบปากคำผู้เสียหาย พร้อมรวบรวมหลักฐานที่ผู้เสียหายนำมามอบให้ ก่อนจะส่งเรื่องให้ผู้บังคับบัญชาพิจารณาสั่งการต่อไป.