5 แบงก์รัฐประสานเสียงตรึงดอกเบี้ยกู้ยาวถึงสิ้นปีนี้


เพิ่มเพื่อน    

 

5 แบงก์รัฐประสานเสียงตอกหมุดตรึงอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ยาวถึงสิ้นปี 2561 หวังช่วยเหลือลูกค้า 18 ล้านบัญชี หลังธนาคารพาณิชย์ทยอยขยับขึ้นดอกเบี้ยบ้าน-รถยนตร์ไปแล้ว


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ขณะนี้สถาบันการเงินเฉพาะกิจของรัฐ 5 แห่ง ได้แก่ ธนาคารออมสิน ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (ธพว.) และธนาคารเพื่อนการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (ธสน.) ได้ยืนยันพร้อมกันจะไม่ขึ้นอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ตลอดปีนี้ เพื่อดูแลประชาชน ผู้มีรายได้น้อย เกษตรกร และธุรกิจขนาดเล็ก ซึ่งเป็นลูกหนี้รวมกันกว่า 17-18 ล้านบัญชี ไม่ให้ได้รับผลกระทบจากทิศทางอัตราดอกเบี้ยขาขึ้น หลังที่ผ่านมาธนาคารพาณิชย์ได้ทยอยปรับขึ้นดอกเบี้ยเงินกู้สินเชื่อบ้าน รถยนต์ ไปแล้วหลายแห่ง 


นายชาติชาย พยุหนาวีชัย ผู้อำนวยการธนาคารออมสิน เปิดเผยว่า ปัจจุบันธนาคารมีลูกค้าเงินกู้ประมาณ 3 ล้านราย คิดเป็น 4 ล้านบัญชี ซึ่งธนาคารมีนโยบายตรึงดอกเบี้ยเงินกู้ให้นานที่สุดเท่าที่ทำได้ ซึ่งปัจจุบันต้นทุนการเงินของธนาคารยังไม่เปลี่ยนแปลงเพราะธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ยังไม่ปรับดอกเบี้ยนโยบาย จึงประเมินว่าจะคงดอกเบี้ยไปได้อย่างน้อยถึงสิ้นปี ฉะนั้นขอให้ลูกค้าสินเชื่อของออมสินสบายใจได้ว่าจะไม่โดนขึ้นดอกเบี้ย แม้ธนาคารพาณิชย์จะเริ่มขึ้นมานิดหน่อยก็ตาม  ซึ่งปัจจุบัน ดอกเบี้ยเงินกู้ขั้นต่ำประเภทเงินกู้ที่มีระยะเวลา (เอ็มแอลอาร์) อยู่ที่ 6.5%  ดอกเบี้ยเงินกู้ขั้นต่ำประเภทเงินเบิกเกินบัญชี (เอ็มโออาร์) และดอกเบี้ยเงินกู้ลูกค้ารายย่อยชั้นดี (เอ็มอาร์อาร์) อยู่ที่  7% เท่ากัน 


“ธปท. และภาครัฐคงดูเรื่องดอกเบี้ยนโยบายอยู่ให้มีความเหมาะสม ซึ่งหากจะขึ้นอย่างเร็วก็ปลายปีนี้ แต่ปีหน้าก็น่าจะขยับได้แน่ อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันท่าทีการขึ้นดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ก็เริ่มเบาลง เพราะหากขึ้นไวจะทำให้เงินไหลเข้าประเทศมากไปจนไปทำให้ดอลลาร์สหรัฐฯแข็งค่ามากเกิน ดังนั้นจึงไม่น่าจะเป็นปัจจัยกดดันมากนัก ส่วนปีหน้าธนาคารจะมีการพิจารณาถึงความเหมาะสมอีกครั้ง” นายชาติชาย กล่าว


นายสมศักดิ์ กังธีระวัฒน์ รองผู้จัดการธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) เปิดเผยว่า ธนาคารพร้อมจะตรึงดอกเบี้ยเงินกู้ไว้ในอัตราเดิม เพื่อช่วยเหลือเกษตรกรและเอสเอ็มอีเกษตรที่เป็นลูกค้ากับธ.ก.ส.กว่า 12 ล้านบัญชี ไว้ได้อย่างน้อยถึงสิ้นปีนี้ เพื่อเป็นการบรรเทาภาระค่าใช้จ่ายต่อเกษตรกร ซึ่งปัจจุบันธนาคารคิดดอกเบี้ยสินเชื่อแก่ลูกค้าเกษตรกรประมาณ 6% ต่อปี แต่ล่าสุด ครม.ได้มีมติให้ธ.ก.ส.ช่วยลดดอกเบี้ยให้ลูกหนี้ในส่วนของวงเงินกู้ 3 แสนบาทแรก อีก 3%  ซึ่งจะทำให้เกษตรกรเสียดอกเบี้ยแค่ 3% เป็นเวลา 1 ปีเท่านั้น  ส่วนดอกเบี้ยปัจจุบัน เอ็มอาร์อาร์  7%  เอ็มโออาร์ 7.125% เอ็มแอลอาร์ 5%


ด้านนายมงคล ลีลาธรรม กรรมการผู้จัดการธพว. เปิดเผยว่า ธนาคารจะไม่ขึ้นดอกเบี้ยเงินกู้ตลอดสิ้นปีนี้แน่นอน ตามนโยบายของรัฐบาล เพื่อต้องการดูแลธุรกิจรายย่อยและเอสเอ็มอีให้มีแหล่งเงินทุนดอกเบี้ยถูกในการทำธุรกิจ  ซึ่งปัจจุบันธนาคารมีฐานสินเชื่อเอสเอ็มอีประมาณ 1.1 แสนล้านบาท  ประมาณ 1 แสนรายที่เป็นลูกค้าซึ่งจะไม่ได้รับผลกระทบ และยังมีอีก 3 พันล้านบาท ที่มียอดอนุมัติไปแล้วและรอการเบิกใช้ นอกจากนี้ ธนาคารยังมีสินเชื่อ


นายฉัตรชัย ศิริไล กรรมการผู้จัดการธนาคารอาคารสงเคราะห์ เปิดเผยว่า ปัจจุบันธนาคารมีฐานสินเชื่อที่อยู่อาศัยรวมอยู่ประมาณ 1.1 ล้านล้านบาท และมีลูกค้ากู้ซื้อบ้านอยู่ประมาณ 1.1 ล้านคน  ซึ่งขอให้ลูกค้าสบายใจได้ว่าธอส.จะยังไม่ปรับขึ้นดอกเบี้ยสินเชื่อบ้านตามธนาคารพาณิชย์อื่นแน่ เพราะตามแผนธุรกิจยังคงไม่จำเป็นต้องปรับขึ้นไปถึงสิ้นปี ยกเว้นแต่ถ้าทางการขึ้นดอกเบี้ยนโยบายเร็ว ก็จะมาพิจารณาอีกครั้งหนึ่ง โดยดอกเบี้ยปัจจุบัน เอ็มอาร์อาร์  6.75%  เอ็มโออาร์ 7% เอ็มแอลอาร์ 6.25%


อย่างไรก็ตามที่ประชุมระดับผู้บริหารระดับซีอีโอ สถาบันการเงินเฉพาะกิจของรัฐได้มีการประชุมร่วมกันทุกเดือน โดยมีการจับตาความเคลื่อนไหวดอกเบี้ยในตลาดโลก และดอกเบี้ยในเมืองไทยอย่างใกล้ชิด เพื่อดูว่าจะมีการรับมืออย่างไรให้ทันท่วงที แต่ยังระบุไม่ได้ว่าสถาบันการเงินเฉพาะกิจของรัฐจะตรึงดอกเบี้ยได้นานแค่ไหน เพราะขึ้นอยู่กับแผนงานธุรกิจของแต่ละธนาคาร แต่ทว่าตามนโยบายของกระทรวงการคลังได้กำชับให้ดูแลดอกเบี้ยให้ขึ้นได้ช้าที่สุด


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"