ปิดฉาก “กองทุนเอฟทีเอ” พาณิชย์โอดถูกตัดงบเกลี้ยง


เพิ่มเพื่อน    

ปิดฉาก “กองทุนเอฟทีเอ” หลังถูกตัดงบประมาณปี 62 ไม่เหลือ แค่เหตุผลเบิกจ่ายล่าช้า “กรมการค้าต่างประเทศ” เผยจากนี้ไป จะไม่มีเงินช่วยเหลือเกษตรกร-ผู้ประกอบการปรับตัวให้พร้อมรับผลกระทบการเปิดเสรี ในขณะที่ไทยเดินหน้าเจรจาเอฟทีเอกับหลายประเทศไม่หยุด

นายอดุลย์ โชตินิสากรณ์ อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ เปิดเผยว่า ในปีงบประมาณปี 62 ซึ่งจะเริ่มตั้งแต่เดือนต.ค.61-ก.ย.62 กรมฯ ไม่ได้รับการจัดสรรงบประมาณเพื่อดำเนินโครงการกองทุนเพื่อการปรับตัวรองรับผลกระทบจากการเปิดเสรีทางการค้า หรือกองทุนเอฟทีเอ (กระทรวงพาณิชย์) ที่กรมฯ ได้ของบประมาณไป 20 ล้านบาท เพราะสำนักงบประมาณได้ตัดงบส่วนนี้ไป โดยให้เหตุผลว่ามีการเบิกจ่ายล่าช้ากว่ากำหนด โดยไม่เข้าใจถึงภารกิจของกองทุนเอฟทีเอที่ต้องช่วยเหลือผู้ได้รับผลกระทบจากการเปิดเสรีทางการค้าให้สามารถปรับตัวได้ และบางโครงการจำเป็นต้องใช้ระยะเวลาในการดำเนินการที่นานกว่าปกติ เนื่องจากการปรับตัว ไม่ใช่ทำได้แค่วันสองวัน หรือแค่ไม่กี่เดือน แต่ต้องใช้ระยะเวลาเป็นปี หรือต่อเนื่องหลายปี

ทั้งนี้ ผลจากการตัดงบประมาณดังกล่าว ส่งผลให้ในปีงบประมาณ 62 กรมฯ จะไม่สามารถช่วยเหลือเกษตรกร สหกรณ์ วิสาหกิจชุมชน หรือผู้ประกอบการให้สามารถปรับตัวรองรับผลกระทบจากการเปิดเสรีของไทยกับประเทศต่างๆ ได้ ในขณะที่นโยบายของรัฐบาลพยายามเดิมหน้าจัดทำความตกลงการค้าเสรี (เอฟทีเอ) กับประเทศต่างๆ อย่างต่อเนื่อง ทำให้ต่อไป จะไม่สามารถให้ความช่วยเหลือผู้ที่ได้รับผลกระทบได้อีก ทั้งๆ ที่กองทุนเอฟทีเอ จัดตั้งโดยมติ ครม. 

“กรมฯ ดำเนินโครงการกองทุนเอฟทีเอมานานถึง 10 ปี ได้รับงบประมาณเริ่มต้นที่ 100 ล้านบาท เพื่อช่วยเหลือเกษตรกร ผู้ประกอบการ ที่ได้รับผลกระทบจากการเปิดเสรีให้ปรับตัวรองรับผลกระทบได้ และให้สามารถอยู่รอดได้อย่างเข้มแข็งมาอย่างต่อเนื่อง โดยผู้ที่ต้องการได้รับความช่วยเหลือ ต้องเขียนโครงการเข้ามาว่าจะทำอะไร งบประมาณเท่าไร แล้วต้องศึกษาความเป็นไปได้ด้วย มีคณะกรรมการกองทุนฯ เป็นผู้พิจารณา ถ้าผ่านถึงจะอนุมัติงบให้ จากนั้นเป็นขั้นตอนของการให้ความช่วยเหลือ ต้องลงพื้นที่ไปช่วยปรับตัว ไปแนะนำ มีการติดตามความคืบหน้าการดำเนินการ ซึ่งการช่วยเหลือจะมีขั้นตอนทำงาน ตรงนี้เลยทำให้เกิดความล่าช้า เพราะกว่าโครงการจะจบ ไม่ใช่แค่ไม่กี่เดือน บางโครงการใช้เวลาเป็นปี ก็เลยจบโครงการได้ช้า เบิกเงินได้ช้า เพราะมันไม่ได้เหมือนการแจกเงิน ที่ให้แล้วจบเลย”นายอดุลย์กล่าว

อย่างไรก็ตาม ภายหลังจากที่กรมฯ ถูกตัดงบประมาณ และพอกระบวนการจัดทำงบประมาณจบ รัฐบาลได้เปิดช่องให้หน่วยงานต่างๆ ของบประมาณเพิ่มเติมได้ กรมฯ เลยเสนอของบกองทุนเอฟทีเอเข้าไปอีก 50 ล้านบาท แต่ก็ไปตกที่สำนักงบประมาณเช่นเคย ไม่ได้เข้าสู่ขั้นตอนแปรญัตติ ก็เลยไม่มีโอกาสได้ชี้แจง  

สำหรับกองทุนเอฟทีเอ กรมฯได้รับการจัดสรรงบประมาณลดลงทุกปี จากเริ่มต้นที่ 100 ล้านบาท แต่ล่าสุดปี 61 เหลือเพียง 5 ล้านบาท ทำให้ไม่เพียงพอที่จะช่วยเหลือผู้ได้รับผลกระทบ ทั้งๆ ที่ ที่ผ่านมา กองทุนเอฟทีเอ ประสบความสำเร็จในการช่วยเหลือผู้ได้รับผลกระทบจนสามารถปรับตัวรองรับผลกระทบ และทำธุรกิจได้อย่างเข้มแข็ง ทั้งในกลุ่มผู้เลี้ยงโคนม โคเนื้อ กลุ่มเกษตรกรผู้ปลูกหอม กระเทียม ส้ม ฯลฯ โดยผลงานที่เห็นชัดเจนที่สุด คือ ในช่วงต้นปี 61 สภาหัถตศิลป์โลก ประกาศรับรองให้จังหวัดสกลนครเป็น “นครหัตถศิลป์โลกเจ้าแห่งครามธรรมชาติ” ถือเป็นจังหวัดแรกของไทย และเป็นหนึ่งในเอเชียแปซิฟิกที่ได้รับการรับรองนี้

 


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"