เล็งชงโครงการ กว่า2แสนล้าน รอครม.ตู่อนุมัติ


เพิ่มเพื่อน    

  “บิ๊กตู่” พบชาวระนอง-ชุมพร ดูพัฒนากลุ่มจังหวัด-บริหารจัดการน้ำ ครม.สัญจรภาคใต้ชุมพร ภาครัฐ เอกชน เสนอโครงการพัฒนารวมงบประมาณกว่า 2 แสนล้านบาท ถอน "เขื่อนท่าแซะ" หวั่น "ม็อบ" เคลื่อน พร้อมตั้ง 4 จุดรับเรื่องร้องเรียน "ป๊อก"  ยังท่องแก้จน-ลดเหลื่อมล้ำ  

    เมื่อวันที่ 17 ส.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) พร้อมคณะรัฐมนตรี  มีกำหนดการเดินทางไปตรวจราชการจังหวัดระนองและจังหวัดชุมพร ในการประชุมคณะรัฐมนตรีอย่างเป็นทางการนอกสถานที่ ครั้งที่ 6/2561 ระหว่างวันที่ 20-21 ส.ค.61 โดยวันที่ 20 ส.ค. เวลา 08.45 น. นายกรัฐมนตรีพบประชาชน ณ หอประชุมพระยาดำรงสุจริตมหิศรภักดี ศูนย์ราชการจังหวัดระนอง ตำบลบางริ้น อำเภอเมืองฯ จังหวัดระนอง โอกาสนี้ นายกรัฐมนตรีจะเป็นสักขีพยานพิธีมอบสมุดประจำตัวผู้ที่ได้รับการจัดที่ดินทำกินให้ชุมชน ตามนโยบายรัฐบาลในลักษณะแปลงรวม ในพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ “ป่าคลองลำเลียง-ละอุ่น” เนื้อที่ 511-3-33 ไร่ จำนวน 84 ราย 98 แปลง
    จากนั้นนายกรัฐมนตรีจะเดินทางไปต่อยังโรงพยาบาลระนอง ตำบลเขานิเวศน์ อำเภอเมืองฯ เพื่อเยี่ยมชมบ่อน้ำพุร้อนรักษะวาริน รวมทั้งเยี่ยมชมการดำเนินงานของศูนย์ฟื้นฟูสภาพด้วยการแพทย์ทางเลือก พร้อมรับฟังบรรยายสรุปและเยี่ยมชมศูนย์ธาราบำบัด และคลินิกแพทย์แผนไทยและฝังเข็ม ก่อนเดินทางต่อไปยังท่าเรือระนอง บ้านเขานางหงส์ ตำบลปากน้ำ อำเภอเมืองฯ เพื่อเยี่ยมชมการบริหารจัดการท่าเรือระนอง พร้อมรับฟังบรรยายสรุปทิศทางการพัฒนาท่าเรือระนอง และมอบปะการังเทียมให้แก่ผู้แทนประชาชน
    ช่วงบ่าย เวลา 15.30 น. เดินทางไปจังหวัดชุมพรเพื่อพบปะประชาชน และเยี่ยมชมการบริหารจัดการน้ำ พร้อมทั้งเยี่ยมชมโครงการแก้มลิงหนองใหญ่และสะพานไม้เคี่ยม ณ โครงการพัฒนาพื้นที่หนองใหญ่ตามพระราชดำริ ตำบลบางลึก อำเภอเมืองฯ จากนั้นสักการะอนุสรณ์สถานพลเรือ พระเจ้าบรมวงศ์เธอ   พระองค์เจ้าอาภากรเกียรติวงศ์ กรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ และเยี่ยมชมทิวทัศน์หาดทรายรี ณ ศาลกรมหลวงชุมพรฯ วันที่ 21 ส.ค. เวลา 08.30 น. เป็นประธานประชุมการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมกลุ่มจังหวัดภาคภาคใต้ฝั่งอ่าวไทย (ชุมพร สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช และพัทลุง) และกลุ่มจังหวัดภาคใต้ฝั่งอันดามัน (ระนอง พังงา กระบี่ ภูเก็ต ตรัง และสตูล) จากนั้นจะประชุมคณะรัฐมนตรีอย่างเป็นทางการนอกสถานที่ ณ ห้องประชุมชั้น 4 อาคารคณะวิศวกรรมศาสตร์ สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้า เจ้าคุณทหารลาดกระบัง วิทยาเขตชุมพรเขตรอุดมศักดิ์ ตำบลชุมโค อำเภอปะทิว และช่วงบ่าย ร่วมกิจกรรมปล่อยลูกปูม้าจำนวน 10 ล้านตัว คืนสู่ทะเล เพื่อประกาศความอุดมสมบูรณ์ของทะเลและชายฝั่งภาคใต้ตอนบนร่วมกับพี่น้องชาวประมง กลุ่มอนุรักษ์ทรัพยากรทางทะเล กลุ่มท่องเที่ยวทางทะเล และชุมชน ณ บริเวณชายหาดพระจอมเกล้าฯ จากนั้นเดินทางไปเยี่ยมชมการดำเนินงานของวิสาหกิจชุมชนแปรรูปผลผลิตทางการเกษตร ตำบลทะเลทรัพย์ อำเภอปะทิว 
     ทางด้านนายสุพงศ์ เอื้ออารี ประธานหอการค้าจังหวัดชุมพร กล่าวว่า หลังจากได้ประชุมร่วมในข้อเสนอการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมกลุ่มจังหวัดภาคใต้ฝั่งอ่าวไทยและฝั่งอันดามัน ระหว่างภาครัฐและเอกชน ซึ่งการประชุมครั้งนี้ มีโครงการจาก 11 จังหวัดภาคใต้ รวมวงเงินประมาณ 2 แสนล้านบาท ในส่วนของจังหวัดชุมพรประมาณ 8 พันล้านบาท โครงการทั้งหมดจะนำเสนอเข้าพิจารณาในการประชุมคณะรัฐมนตรีสัญจร 
     นายสุพงศ์กล่าวว่า โครงการสำคัญที่จังหวัดชุมพรเสนอและได้รับการคัดเลือก ได้แก่ 1.โครงการก่อสร้างท่าเทียบเรืออเนกประสงค์ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของโครงการเชื่อมระเบียงเศรษฐกิจภาคใต้ (Southern Economic Corridor) หรือ SEC กับ ระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก (Eastern Economic Corridor) หรือ EEC และนิคมอุตสาหกรรมภาคตะวันออก นอกจากนี้ยังมีข้อเสนอโครงการก่อสร้างถนนและระบบรางจาก จ.ชุมพร-จ.ระนอง เพื่อเชื่อมต่อกับ ประเทศความริเริ่มแห่งอ่าวเบงกอล หรือ BIMSTEC  ที่ประกอบด้วยบังกลาเทศ อินเดีย ศรีลังกา ท่าเรือ อเนกประสงค์ยังมีประโยชน์ด้านการท่องเที่ยว ขนส่งสินค้า และการประมง อีกด้วย
     2.โครงการป้องกันและแก้ไขปัญหาอุทกภัยคลองชุมพร เป็นการก่อสร้างคลองผันน้ำ จากคลองชุมพรเดิมลงสู่ทะเล เพื่อป้องกันอุทกภัย ที่มักท่วมถนนสายเอเชีย 41 ใกล้สี่แยกปฐมพรเป็นประจำ เพื่อแก้ไขปัญหาน้ำท่วมแหล่งธุรกิจสำคัญ เขตตำบลวังไผ่ ซึ่งมีห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่และร้านค้าขนาดใหญ่จำนวนมาก นอกจากนี้ยังแก้ไขปัญหาน้ำท่วมบ้านเรือนราษฎรในที่ราบลุ่มของคลองชุมพรตลอดสายอีกด้วย 3.โครงการป้องกันอาชญากรรม ติดตั้งกล้อง CCTV ตามจุดสำคัญทั่วทั้งจังหวัด
     4.โครงการไทยแลนด์ริเวียร่า หรือถนนเลียบชายทะเล เส้นทางเพื่อการท่องเที่ยว ที่ประชุมเสนอให้ก่อสร้างจาก จ.ชุมพร-จ.สงขลา และเชื่อมต่อจังหวัดฝั่งอ่าวไทย เช่น จ.เพชรบุรี-จ.ประจวบคีรีขันธ์ 5.โครงการก่อสร้างถนนมอเตอร์เวย์ จากภาคกลางถึงจังหวัดชุมพร ซึ่งบางช่วงได้เริ่มโครงการไปแล้ว 6.เป็นโครงการที่ 11 จังหวัดภาคใต้เห็นร่วมกัน คือโครงการ พัฒนาปาล์มน้ำมันทั้งระบบ ตั้งแต่การพัฒนาพันธุ์จนถึงการแปรรูปเพื่อเพิ่มมูลค่า เนื่องจากพืชปาล์มน้ำมันเป็นพืชเศรษฐกิจหลักของภาคใต้ ส่วนโครงการก่อสร้างอ่างเก็บน้ำท่าแซะเป็นโครงการที่ทางจังหวัดชุมพรต้องเสนอข้อมูลเพิ่มเติม โครงการทั้งหมดจะนำเสนอเข้าพิจารณาในการประชุมคณะรัฐมนตรีนอกสถานที่อย่างเป็นทางการ หรือ ครม.สัญจร ที่จังหวัดชุมพร ในวันที่ 21 ส.ค.61 นี้
     ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับโครงการสร้างเขื่อนท่าแซะ มูลค่า 3,800 ล้านบาท ซึ่งอยู่ใกล้แนวชายแดนไทย-เมียนมานั้น ผู้ว่าราชการจังหวัดชุมพรได้ขอถอนเรื่องออกไป เนื่องจากมีกลุ่มผู้เดือดร้อนกว่า 200 คน มาชุมนุมประท้วงที่หน้าศาลากลางจังหวัดชุมพรเมื่อวันที่ 14-16 ส.ค.ที่ผ่านมา นอกจากนั้นนายกรัฐมนตรียังได้สั่งการให้จังหวัดชุมพรจัดตั้งศูนย์ดำรงธรรมส่วนหน้าไว้สำหรับรับเรื่องร้องเรียนจากกลุ่มองค์กรและประชาชน โดยกำหนดหลักและจุดรองไว้ 4 แห่งตามจุดที่ พล.อ.ประยุทธ์จะลงพื้นที่ ในโครงการพัฒนาพื้นที่หนองใหญ่ บริเวณอาคารทดสอบวัสดุ ของ สนง.โยธาธิการและผังเมืองชุมพร สถาบันเทคโนโลยีเจ้าคุณทหารลาดกระบัง วิทยาเขตชุมพร  บริเวณศูนย์ปฏิบัติการพืชสวนอาคาร (1) จุดรองบริเวณศาลกรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ ตำบลหาดทรายรี และจุดรองบริเวณวิสาหกิจชุมชนแปรรูปผลผลิตฯ ตำบลทะเลทรัพย์ อ.ปะทิว
     นายกฤษณ์ เชาว์บวร เลขาธิการสภาอุตสาหกรรมกลุ่มจังหวัดภาคใต้ฝั่งอ่าวไทย กล่าวว่า จะเสนอต่อ ครม.สัญจรทำภาคใต้เป็นเมืองปาล์มขยายผลต่อยอดให้ครบวงจร รวมถึงโครงการมอเตอร์เวย์หาดใหญ่-สะเดา และด่านสะเดา จ.สงขลา ชายแดนไทย-มาเลเซีย เร่งดำเนินการขยายท่าเรือน้ำลึกสงขลา และท่าเรือสงขลาที่ 2 เส้นทาง จ.ตรัง จ.สตูล  สร้างถนนเลียบลุ่มน้ำทะเลสาบสงขลา จ.พัทลุง  
    ขณะที่ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย  ในฐานะเลขานุการคณะกรรมการอำนวยการขับเคลื่อนการพัฒนาประเทศตามโครงการไทยนิยมยั่งยืน กล่าวว่า โครงการดังกล่าวคืบหน้าไปมาก เพราะเจ้าหน้าที่ลงพื้นที่แล้วกว่า 8,781 แห่ง ในทุกหมู่บ้าน รัฐบาลต้องการแก้ไขความยากจนแบบยั่งยืนให้สำเร็จ จึงเร่งทำงานเต็มที่ทุกฝ่าย ทั้งนี้ โครงการที่คาดว่าจะประสบความสำเร็จคือ “ชุมชนท่องเที่ยว OTOP นวัตวิถี” ตั้งเป้าทำรายได้จากการท่องเที่ยวแบบก้าวกระโดดปีละ 2-3 แสนล้านบาท และได้ทุ่มงบฯ กลางปี 61 กว่า 8,344 ล้านบาท เป็นการนำร่องแผนการท่องเที่ยวเพื่อเสริมสร้างความเข้มแข็งของคนในชุมชน ใน 3,273 หมู่บ้าน/ชุมชน และพัฒนาสินค้าอยู่ดีกินดีอีก 64,570 ผลิตภัณฑ์ มั่นใจว่าจะช่วยปลดล็อกความเหลื่อมล้ำทั่วไทยได้.
 


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"