กรณีศิลปินลูกทุ่งสาว นุช อาร์สยาม  หรือ วิลาวัลย์ สมบูรณ์ เจ้าของซิงเกิ้ล โสดโสตาย สังกัด ค่ายอาร์สยาม ถูกขู่ฆ่า และถูกขู่ทำร้ายร่างกายจากบุคคลที่อ้างว่าเป็นคนแต่งเพลงโสดโสตาย  ซึ่ง นุช วิลาวัลย์ ได้เข้าแจ้งความที่กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี(บก.ปอท.) เมื่อวันที่ 16 สิงหาคมที่ผ่านมา

          จากนั้นบุคคลดังกล่าวก็ยังไม่หยุดพฤติกรรม ได้ออกมาไลฟ์สดต่อว่านักร้องสาว ล่าสุด นุช วิลาวัลย์ ได้มาเปิดใจกับพร้อมนำหลักฐานเพลงโสดโสตาย ซึ่งอาจารย์จินนี่ ภูไทย เป็นผู้แต่งร่วมกัน เพื่อมายืนยันในรายการ  เจาะประเด็น ทาง ช่อง 8

          โดย นุช ซึ่งอยู่สังกัดอาร์สยามมานานถึง 8 ปี ได้เล่าถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นว่า “หลังจากที่หนูปล่อยเพลงโสดตาย วันที่ 12 เมษายน ก็เกิดเรื่อง โดย อ.จินนี่ ภูไท ซึ่งเป็นคนที่แต่งเพลงนี้ร่วมกับหนู และเรียบเรียงดนตรี เล่าให้ฟังว่ามีคนทักมาว่าได้เพลงนี้มาจากไหน ใครเอามาให้ อ.จินนี่ก็ตอบไปว่าเป็นคนแต่ง ส่วนนุชแต่งท่อนหมอลำ หลังจากนั้นเขาก็กลับไปโพสเฟซบุ๊กของเขาว่าใครเอาเพลงไปมาแสดงตัวหลังไมค์ และแอบอ้างว่าเพลงนี้เป็นเพลงของเขา

          ซึ่งนุชกับอ.จินนี่ร่วมกันแต่งเพลง แต่งมาจากชีวิตจริงหนูเอง ส่วนเนื้อหาในเพลงก็จะแตกต่างไปจากคนโสดอื่นๆ ที่หลังโดนแฟนทิ้งมักชอบทำร้ายตัวเอง แต่หนูอยากเป็นคนโสดยุคใหม่ ทิ้งเราใช่ไหม เดี๋ยวจะไปหาใหม่ ไปสนุกให้ดู แล้วอ.จินนี่เขามีเมโลดี้อยู่แล้วในหัว แกเลยเขียนและปรับช่วยกัน ท่อนไหนที่ไม่ใช่ ก็ช่วยกันแก้ไข หนูก็บอกอ.จินนี่เป็นฉากๆ ว่าท่อนนี่อยากได้ฟิลไหน ซึ่งถ้าเป็นหนูไม่ได้แต่งเพลง หนูก็จะไม่กล้าบอกคนอื่นว่าเป็นคนแต่ง  แล้วหลังจากทางนั้นโพสต์ข้อความว่าตัวเองเป็นคนแต่งเพลง อ.จินนี่ก็จะโพสเฟซฯและแท็กมาที่หนู ว่าเป็นคนแต่งเพลงนี้เองกับมือ พออีกฝั่งหนึ่งเห็นก็ตอบโต้กันไปมาค่ะ

          และจุดที่นุชทนไม่ไหว ต้องไปแจ้งความ คือ เขามาตู่เอาเพลงเรา ด่าเรายังไม่พอ ยังมีพูดขู่ฆ่าเรา ซึ่งที่หนูออกมาแจ้งความเพราะเพื่อความสบายใจของผู้ใหญ่ อีกอย่างพ่อกับแม่หนูอยู่ต่างจังหวัด แล้วหนูก็ทัวร์คอนเสิร์ตหลายจังหวัดด้วย ทางพ่อแม่ก็เป็นห่วงหนูมากๆ”

          ได้มีการสอบถาม ทนายรณณรงค์ แก้วเพ็ชร์ ประธานเครือข่ายรณรงค์ทวงคืนความยุติธรรมในสังคม ว่าหลักฐานที่นุชเตรียมมาวันนี้ สามารถยืนยันได้หรือไม่

          ซึ่งทนายรณรงค์ เผยว่า “ในเรื่องลิขสิทธิ์ของผลงาน ผู้สร้างสรรค์และเผยแพร่ครั้งแรก ถือว่าเป็นผู้ที่มีสิทธิ์ในลิขสิทธิ์นั้น  แต่ถ้าอีกฝ่ายมาอ้างว่าเป็นคนแต่ง แล้วเขามีหลักฐานหรือมีการเผยแพร่หรือไม่ คุณบอกว่าแต่ง แต่แต่งแล้วอยู่บ้าน แต่ทางคุณนุชเผยแพร่มาหลายเดือนแล้ว ดังนั้นลิขสิทธิ์เป็นของคุณนุช แต่คุณมาอ้างสิทธิ์เป็นการกล่าวอ้างลอยๆ จะมาอ้างสิทธิ์แบบนี้ไม่ได้”

          หลังจากนั้นทางรายการเปิดคลิปเสียงที่อีกฝั่งขู่ฆ่า นุช วิลาวัลย์ ซึ่งนักร้องสาวเผยว่า “คลิปเสียงที่ได้ฟังเป็นการไลฟ์สดของเขาค่ะ ปกติจะไม่ค่อยไปตามไปดู เพราะมันก็บั่นทอนจิตใจ หนูเป็นคนคิดมาก แค่เรื่องส่วนตัวก็รับผิดชอบหนักพออยู่แล้ว จนแฟนคลับเอามาให้เราดู เราเลยได้เข้าไปฟัง  พอได้ฟังแล้วก็รู้สึกกลัวนะคะ เพราะหนูเป็นหัวหน้าครอบครัวด้วย เราไม่สามารถจะเดาได้เลยว่าเขาจะทำแบบนั้นจริงๆ หรือเปล่า และถ้าหนูเกิดเป็นอะไรไป พ่อแม่จะอยู่ยังไง

          ซึ่งทางเขาก็มีหลายข้อความที่ต่อว่าเรา อย่างเช่นเพลงไม่มาเลยอยากโหนกระแสหรอ อยากทำให้มันดังหรอ หนูอยู่ของหนูดีๆ ไม่ได้ไปทำอะไรกับเขาเลย ไม่เคยรู้จักมาก่อน อยู่วงการไหนก็ไม่ทราบ ถามว่าทำไมหนูถึงไม่เข้าแจ้งความตั้งแต่ช่วงนั้นเพราะหนูรอค่ะ รอให้เขาเอาหลักฐานออกมาโชว์”

          ซึ่งในขณะออกรายการคู่กรณีก็ยังส่งข้อความมาต่อว่า นุช วิลาวัลย์ ทาง ทนายรณณรงค์ แก้วเพ็ชร์  ก็มีคำแนะนำในเรื่องนี้ว่า “เมื่อมีการข่มขู่ลักษณะนี้ พนักงานสอบสวนต้องเรียกตัวมาว่าเขาเป็นใคร อยู่ตรงไหน เพราะการข่มขู่ให้ผู้อื่นตกใจกลัว มีโทษตามกฎหมาย ไม่นับที่โพสต์มีการกล่าวอ้างที่ทำให้เสื่อมเสียชื่อเสียง กลไกทางกฎหมายอาจจะใช้เวลานาน แต่พอสุดท้ายแล้วคุณก็ต้องเข้าสู่กลไกทางกฎหมาย ถึงเวลานั้นคุณก็อาจจะไม่มีความสุขเหมือนวันนี้

          แต่ถ้าตอนนี้ตำรวจรู้ตัวว่าคนที่โพสต์เป็นใคร สามารถออกหมายเรียกได้เพื่อมารับทราบข้อกล่าวหาที่ทำความผิดเกิดขึ้น ไม่ว่าจะเป็นความผิดฐานหมิ่นประมาทด้วยการโฆษณา หรือ ขู่เข็ญทำให้ผู้อื่นตกใจกลัว ซึ่งถือว่าเป็นความผิดทางกฎหมายทั้งสิ้น ผมอยากเตือนถ้าใครที่ถูกข่มขู่ผ่านโลกออนไลน์ อย่างแรกที่ต้องทำ คือ อย่าไปอ่านคอมเมนท์ของคนพวกนี้  ถ้าเครียดจัดก็ลบเฟซบุ๊กออกไปก่อน ไม่เข้าไปเสพโลกโซเชียลสักพัก อย่าทำตัวเป็นเหยื่อให้ถูกกลั่นแกล้งเด็ดขาด ซึ่งจริงๆ คนพวกนี้ไม่มีความสามารถหรอก  ถ้าเขาเก่ง มีความสามารถต้องมายืนในที่สว่างแล้ว”

 ขอบคุณภาพบางส่วนจากอินสตาแกรม @nuch_wilawan_rsiam