"อิทธิพร" นำ กกต.ใหม่รับสนองพระราชโองการฯ เริ่มงานวันแรก ยึดคาถาซื่อสัตย์-เป็นกลาง-ไม่ถูกครอบงำ จัดเลือกตั้งบริสุทธิ์ เที่ยงธรรม   พร้อมสานงาน กกต.ชุดเก่าทำไว้ ไม่ติดใจชิงตั้งผู้ตรวจเลือกตั้ง "วิษณุ" จ่อถกปมไพรมารีโหวต-แบ่งเขตเลือกตั้ง ก่อนชง คสช.เคาะ 

    ที่ศูนย์ราชการฯ แจ้งวัฒนะ เมื่อวันที่ 17 สิงหาคม  เวลา 09.00 น. นายอิทธิพร บุญประคอง ประธานกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) พร้อมกรรมการ กกต. 4 คน ประกอบด้วย นายสันทัด ศิระอนันต์ไพบูลย์, นายธวัชชัย เทอดเผ่าไทย, นายฉัตรไชย จันทร์พรายศรี และนายปกรณ์ มหรรณพ รวมทั้ง พ.ต.อ.จรุงวิทย์ ภุมมา เลขาธิการ กกต. และเจ้าหน้าที่ ได้สักการะองค์พระพรหม ณ บริเวณศาลพระพรหม อาคารรัฐประศาสนภักดี 
    ต่อมา เวลา 11.40 น. นายอิทธิพรและ กกต.อีก 4 คน เข้าร่วมพิธีรับสนองพระราชโองการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งประธานและกรรมการ กกต. ที่ห้องประชุมชั้น 2 ของสำนักงาน กกต. โดยมีเลขาธิการและพนักงาน กกต.ร่วมพิธี พร้อมมอบแจกันดอกไม้เพื่อแสดงความยินดีกับ กกต.ทั้ง 5 คน ในโอกาสเข้ารับตำแหน่ง โดย พ.ต.อ.จรุงวิทย์กล่าวว่า สำนักงานพร้อมสนับสนุนการทำงานของคณะกรรมการการเลือกตั้งอย่างเต็มที่ โดยเฉพาะการเตรียมการเลือกตั้ง ซึ่งได้มีการเตรียมพร้อมทั้งบุคลากร และในทุกด้าน เพื่อให้การเลือกตั้งประสบความสำเร็จ มีความสุจริตและเที่ยงธรรม 
    ขณะที่นายอิทธิพรกล่าวว่า พร้อมทำงานร่วมกับ กกต.อีก 4 คนอย่างเป็นเอกภาพ นับถือ ให้เกียรติซึ่งกันและกัน เดินหน้าไปด้วยกัน พวกเรา 5 คนจะทำงานร่วมกับสำนักงาน ที่ถือว่าองค์กรเป็นส่วนสำคัญ   อย่างซื่อสัตย์ สุจริต เดินหน้าไปด้วยกัน มีความเป็นกลาง ตรงไปตรงมา    
    ประธาน กกต.ให้สัมภาษณ์ว่า ในการประชุมวันอังคารที่ 21 ส.ค. จะมีการกำหนดวิสัยทัศน์ร่วมของ กกต.ทั้งชุด จากนั้นจะแจ้งรายละเอียดต่อสาธารณะ ส่วนตัวคิดว่าการทำงานทุกคนมีความมุ่งมั่นทำหน้าที่ตามกฎหมาย เพื่อเตรียมการเลือกตั้ง เพราะเป็นหน้าที่โดยตรง ซึ่งในพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ (พ.ร.ป.) ว่าด้วยคณะกรรมการการเลือกตั้งระบุชัดว่าต้องเป็นกลาง มีความกล้าหาญตัดสินใจ ไม่ถูกครอบงำจากอำนาจใดๆ เป็นคาถาหรือบทบัญญัติที่ กกต.ทุกคนรวมทั้งตนต้องยึดมั่นอย่างจริงจัง เพราะจะเป็นคาถาชี้นำไปสู่การทำงานที่ถูกต้อง แม้ไม่ง่ายในการปฏิบัติ แต่จะไม่เกิดปัญหาหากเรายึดมั่นในคาถานี้ เพราะคนที่เลือกเราเข้ามาก็มุ่งมั่นว่าจะได้บุคคลที่เชื่อถือได้เข้ามาทำงานเป็นกลาง ไม่เข้าข้างใคร ทำงานด้วยความซื่อสัตย์สุจริต ยึดกฎหมายเป็นหลัก
    เมื่อถามว่า เป็นประธาน กกต.คนแรก ที่ไม่ได้มาจากสายศาล แต่มาจากนักการทูต จะทำให้ชี้แจงกับต่างประเทศได้ง่ายขึ้นหรือไม่ นายอิทธิพรกล่าวว่า เป็นเพียงประเด็นหนึ่งเท่านั้น ที่สำคัญคือการจัดการเลือกตั้งที่บริสุทธิ์ เที่ยงธรรม ให้ต่างประเทศยอมรับ  ซึ่ง กกต.ทุกคนพร้อมให้ความเชื่อมั่น ชี้แจงกับประชาคมระหว่างประเทศที่สนใจติดตามการเลือกตั้งของไทย ว่าจะเป็นไปตามที่กำหนดไว้ในกฎหมาย แม้ว่าพวกตนจะไม่ได้มีประสบการณ์จัดการเลือกตั้งมาก่อน แต่จะมุ่งมั่นแรงใจทุกอย่างที่มีเรียนรู้อย่างรวดเร็วถึงอำนาจหน้าที่เพื่อทำงานตามความรับผิดชอบ  โดยแต่ละคนมีประสบการณ์ที่แตกต่างกัน จะมีการเตรียมตัวกันแล้ว พร้อมที่จะทุ่มเทเพื่อให้สังคมมั่นใจว่าในฐานะผู้จัดการเลือกตั้งสามารถทำงานได้
    ส่วนกรณีที่ กกต.ชุดเก่าคัดเลือกผู้ตรวจการเลือกตั้ง 616 คน โดยไม่รอ กกต.ชุดใหม่นั้น นายอิทธิพร กล่าวว่า ไม่ติดใจในเรื่องนี้ คิดว่าเป็นอำนาจหน้าที่ ทั้งนี้ต้องรอดูว่าหลังจากประกาศรายชื่อผู้ได้รับการคัดเลือกให้ประชาชนรับทราบแล้ว จะมีรายใดถูกร้องเรียนจากประชาชนในพื้นที่หรือไม่ สำหรับวันจันทร์ที่ 20 ส.ค. ที่นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี จะมาหารือกับ กกต.นั้น ทราบว่าเป็นเรื่องของการจัดทำไพรมารีโหวต ซึ่งจะได้มีการคุยกับสำนักงาน กกต.  เพื่อเตรียมประเด็นไว้หารือกับนายวิษณุด้วย แต่ยังไม่ทราบว่าในวันดังกล่าวจะได้บทสรุปเลยหรือไม่ว่าจะเลือกแนวทางใดจาก 2 แนวทางที่นายวิษณุเสนอมา   
    จากนั้น เวลา 13.00 น. นายอิทธิพรพร้อม 4 กกต.ใหม่ ได้พบและหารือกับอดีต กกต. ซึ่งประกอบด้วยนายศุภชัย สมเจริญ อดีตประธาน กกต., นายบุญส่ง น้อยโสภณ, นายประวิช รัตนเพียร และนายธีรวัฒน์ ธีรโรจน์วิทย์ อดีต กกต. โดยในโอกาสนี้ นายศุภชัยได้มอบแจกันดอกไม้แสดงความยินดีกับ กกต.ชุดใหม่ พร้อมกับกล่าวว่า หากมีสิ่งใดที่จะให้ช่วยเหลือพร้อมสนับสนุน เพราะเราเข้ามาทำงานเพื่อประเทศชาติ ไม่ได้มากอบโกยผลประโยชน์ ขอให้ทำงานประสบความสำเร็จ ไม่มีอุปสรรค และยินดีที่จะให้คำปรึกษาในฐานะ กกต.รุ่นพี่ แต่จะไม่แทรกแซงการทำงาน 
    ด้านนายอิทธิพรกล่าวตอบว่า พวกเราขอใช้คลังสมองของอดีต กกต. เพราะที่อื่นก็มีระบบรุ่นพี่รุ่นน้อง จึงขอใช้ระบบนี้เช่นกัน โดยจะใช้องค์ความรู้ของอดีต กกต.ทั้ง 4 คนทำประโยชน์กับการทำงานของเราให้ได้มากที่สุด และจะเคารพสิ่งที่ท่านทำ และจะทำต่อไป 
    ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายอิทธิพรเริ่มงานแรกในฐานะประธาน กกต. ด้วยการเป็นประธานในพิธีปิดการอบรมหลักสูตรสืบสวนและไต่สวนระดับผู้บริหาร รุ่นที่ 2 ในช่วงบ่ายวันที่ 17 ส.ค. จากนั้นวันที่ 18-20 ส.ค. ประธาน กกต.พร้อมด้วย กกต.เข้าร่วมกล่าวมอบนโยบายและหลักการทำงานเบื้องต้นให้กับเจ้าหน้าที่ กกต. ในงานประชุมเชิงปฏิบัติการจัดทำแผนปฏิบัติการดำเนินการให้ได้มาซึ่ง ส.ว. และจัดทำแผนปฏิบัติการจัดการเลือกตั้ง ส.ส. ซึ่งสำนักงาน กกต.จัดที่โรงแรมพินนาเคิล แกรนด์ จอมเทียน รีสอร์ท จ.ชลบุรี  
    ขณะที่นายวิษณุกล่าวว่า ได้ประสานไปยัง กกต.ให้เลือกวันที่สะดวกในการพูดคุย จึงยังไม่ได้รับแจ้งอย่างเป็นทางการว่าเป็นวันไหน แต่จะมีการหารือกันในทุกเรื่องที่เกี่ยวกับการทำงานนับจากนี้ รวมไปถึงเรื่องที่สำคัญ เช่น การทำไพรมารีโหวต แบ่งเขตเลือกตั้ง อย่างไรก็ตาม เนื่องจากวันที่ 20 ส.ค. ตนมีวาระงานที่จะต้องลงพื้นที่ในการประชุม ครม.สัญจร จึงอาจมีเวลาพูดคุยกันได้ไม่มากนัก ดังนั้นอาจจะต้องมีการนัดคุยกันอีกครั้ง จากนั้นจึงจะนำผลการหารือมาเสนอให้ คสช.พิจารณา เช่นจะทำไพรมารีโหวตในรูปแบบใด 
    ส่วนการแบ่งเขตเลือกตั้งจะต้องดูข้อมูลต่างๆ  ประกอบกันว่ามีความพร้อมหรือไม่ ก่อนที่จะออกคำสั่งมารองรับ ซึ่งสามารถทำได้ในช่วง 90 วันภายหลัง พ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. และการได้มาซึ่ง ส.ว. ประกาศลงในราชกิจจานุเบกษา ซึ่งต้องบริหารเวลาดังกล่าวให้เป็นประโยชน์ เพื่อที่จะไม่ต้องไปเบียดกับเวลา 150 วัน ในการเตรียมการเลือกตั้ง อย่างไรก็ตาม หลังจากได้ข้อสรุปจากการหารือกับ กกต.ชุดใหม่แล้ว จะมีความชัดเจนว่าการประชุมร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องครั้งที่ 2 ที่มี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้า คสช.เป็นประธานนั้น จะเกิดขึ้นวันใดในเดือน ก.ย.
    สำหรับเรื่องผู้ตรวจการเลือกตั้งนั้น กกต.ชุดใหม่มีอำนาจที่จะพิจารณาว่าจะดำเนินการต่อ แต่การจะโละใหม่ทั้งหมดคงยาก เชื่อว่า กกต.ใหม่จะทำไปในเกณฑ์เดียวกับ กกต.ชุดเก่า โดยสามารถพิจารณาคุณสมบัติต่างๆ ของผู้ที่ได้รับเลือกทั้ง 616 คน หากเห็นว่าอะไรที่ควรจะเปลี่ยนแปลงเป็นเรื่องของ กกต.ใหม่
    เมื่อถามว่า นายสมชัย ศรีสุทธิยากร อดีต กกต. ระบุว่าจะไม่มีการเลือกตั้งเกิดขึ้นในเดือน ก.พ.62 เพราะรัฐบาลจะใช้เทคนิคทางกฎหมายเพื่อเลื่อนออกไปอีก นายวิษณุกล่าวว่า ไม่ทราบเรื่องที่นายสมชัยพูด แต่รัฐบาลยังยืนยันว่าการเลือกตั้งจะมีขึ้นในปี 62 ซึ่งนายสมชัยอาจมีข้อมูลลับที่รัฐบาลกับ คสช.ไม่มี.