ตัวแทนชาวชุมชนริมคลองลาดพร้าวชี้แจงตำรวจ สน.สายไหมกรณีศรีสุวรรณค้านโครงการบ้านมั่นคง
เขตสายไหม/ ผอ.พอช.ชี้แจงกรณีนายศรีสุวรรณ จรรยา ร้องเรียนบ้านมั่นคงริมคลองลาดพร้าว ยืนยันปฏิบัติตามมาตรการป้องกันและแก้ไขปัญหาของ สผ. ด้านชาวบ้านกลุ่มที่เข้าร่วมโครงการบ้านมั่นคงบุก สน.สายไหมชี้แจงข้อเท็จจริงต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจ แฉศรีสุวรรณมีเจตนาขัดขวางโครงการของรัฐบาลโดยเอาชาวบ้านที่ไม่เข้าร่วมโครงการมาร้องเรียนร่วมกับกลุ่มผู้เสียผลประโยชน์ ขณะที่ กทม.เตรียมเสนอผู้ว่า พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ใช้ ปว.44 กลุ่มบุกรุกคลองที่ไม่ยอมย้ายบ้านออกจากแนวก่อสร้างเขื่อน 470 หลัง
กรณีที่นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย พร้อมด้วยชาวชุมชนริมคลองที่ไม่เข้าร่วมโครงการบ้านมั่นคงส่วนหนึ่งได้ไปแจ้งความที่สถานีตำรวจนครบาลสายไหม เพื่อแจ้งความเอาผิดกับนายสมชาติ ภาระสุวรรณ ผู้อำนวยการสถาบันพัฒนาองค์กรชุมชน (องค์การมหาชน) และผู้อำนวยการเขตสายไหม กรณีดำเนินโครงการบ้านมั่นคงริมคลองลาดพร้าวในพื้นที่เขตสายไหม โดยไม่บังคับให้ผู้รับเหมาก่อสร้างบ้านในโครงการฯ ปฏิบัติตามมาตรการป้องกันและแก้ไขผลกระทบสิ่งแวดล้อม เช่น ไม่มีการจัดทำรั้วหรือกำแพงล้อมรอบบริเวณพื้นที่ก่อสร้างเพื่อป้องกันฝุ่นละอองและเศษวัสดุก่อสร้างร่วมหล่นและลดความดังของเสียง นำเศษวัดุจากการก่อสร้างถมทิ้งลงไปในคลองลาดพร้าวทำให้ลำคลองตื้นเขิน มีการตัดต้นไม้ใหญ่ทำลายพื้นที่สีเขียว ฯลฯ ซึ่งมีความผิดฐานเป็นเจ้าพนักงานเจตนาละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 157 นั้น
สมชาติ ภาระสุวรรณ ผอ.พอช.
นายสมชาติ ภาระสุวรรณ ผู้อำนวยการสถาบันพัฒนาองค์กรชุมชน (องค์การมหาชน) กล่าวว่า โครงการบ้านมั่นคงชุมชนริมคลองลาดพร้าว เป็นนโยบายสำคัญเร่งด่วนของรัฐบาลในการแก้ไขปัญหาชุมชนแออัดและการปลูกสร้างบ้านเรือนรุกล้ำลำน้ำสาธารณะ รวมทั้งเพื่อเป็นการป้องกันปัญหาน้ำท่วมในเขตกรุงเทพฯ โดยรัฐบาลมอบหมายให้ กทม.สร้างเขื่อนระบายน้ำในคลองลาดพร้าวระยะทางรวมประมาณ 45 กิโลเมตร และให้ พอช.จัดหาที่อยู่อาศัยรองรับประชาชนที่ปลูกสร้างบ้านเรือนรุกล้ำคูคลองในคลองลาดพร้าวและคลองบางซื่อ โดยขยับบ้านเรือนให้พ้นจากแนวก่อสร้างเขื่อนฯ และสร้างบ้านใหม่ โดยมีเป้าหมายทั้งหมด 50 ชุมชน จำนวน 6,841 ครัวเรือน ขณะนี้สร้างบ้านเสร็จแล้ว 26 ชุมชน จำนวน 2,592 ครัวเรือน
“ส่วนการร้องเรียนว่าผู้อำนวยการสถาบันพัฒนาองค์กรชุมชนฯ ไม่บังคับให้บริษัทรับเหมาก่อสร้างดำเนินการตามมาตรการป้องกันและแก้ไขผลกระทบสิ่งแวดล้อมนั้น สถาบันฯ ยืนยันว่าในการก่อสร้างบ้านมั่นคงริมคลองลาดพร้าวในชุมชนต่างๆ จะมีเจ้าหน้าที่ของสถาบันฯ รวมทั้งตัวแทนชุมชน เจ้าหน้าที่ทหาร และเจ้าหน้าที่จากสำนักงานเขตในพื้นที่นั้นๆ ร่วมกันตรวจสอบและดูแลการก่อสร้างให้เป็นไปมาตรการป้องกันและแก้ไขผลกระทบสิ่งแวดล้อม และมาตรการติดตามตรวจสอบคุณภาพสิ่งแวดล้อมที่เสนอไว้กับสํานักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (สผ.) อย่างเคร่งครัด และเมื่อเริ่มดำเนินโครงการแล้ว จะต้องเสนอรายงานผลการปฏิบัติการตามมาตรการดังกล่าวให้ สผ.พิจารณาปีละ 2 ครั้งด้วย ซึ่งที่ผ่านมา สถาบันฯ ได้ดำเนินการต่างๆ อย่างถูกต้องและไม่ได้มีปัญหาร้องเรียนจากชาวบ้านในพื้นที่แต่อย่างใด” นายสมชาติ ผอ.พอช.กล่าว
สำหรับมาตรการป้องกันและแก้ไขผลกระทบสิ่งแวดล้อมที่ พอช. เสนอต่อ สผ.และได้ผ่านความเห็นชอบแล้ว แบ่งออกเป็น 4 ระยะ คือ ระยะก่อนการก่อสร้าง เช่น ทำความเข้าใจกับชุมชน จัดตั้งกลุ่มออมทรัพย์ การเช่าที่ดินกับกรมธนารักษ์ ฯลฯ ระยะเคลื่อนย้ายชุมชน เช่น แบ่งการก่อสร้างออกเป็นเฟส การสร้างบ้านชั่วคราวหรือที่พักชั่วคราวสำหรับผู้อยู่อาศัยที่ต้องรื้อบ้านระหว่างการก่อสร้าง ฯลฯ ระยะก่อสร้าง เช่น จัดทำรั้วหรือกำแพงล้อมรอบบริเวณที่ก่อสร้าง ป้องกันผลกระทบจากเสียง คุณภาพอากาศ ฯลฯ และระยะดำเนินการ เช่น จัดให้มีระบบบำบัดน้ำเสีย บ่อดักไขมัน การกำจัดขยะ ฯลฯ
“โดยหลักการของมาตรการดังกล่าวนี้ คือรัฐบาล และ พอช. รวมทั้ง สผ.ต่างก็ต้องการให้ประชาชนมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น ซึ่ง พอช.ในฐานะที่เป็นหน่วยปฏิบัติงานก็ได้ปฏิบัติตามคำสั่งของ คสช. รวมทั้งทำรายงานตามมาตรการของ สผ.จนผ่านความเห็นชอบแล้ว ส่วนประชาชนที่เข้าร่วมโครงการบ้านมั่นคงก็จะได้มีที่อยู่อาศัยที่มีมาตรฐาน มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น เปลี่ยนจากผู้บุกรุก เป็นผู้อยู่อาศัยอย่างถูกต้องตามกฎหมาย ขณะเดียวกันกรุงเทพมหานครก็สามารถสร้างเขื่อนเพื่อป้องกันน้ำท่วมกรุงเทพฯ ได้” นายสมชาติกล่าว
ขณะเดียวกันในวันนี้ (17 สิงหาคม) นายสมพงศ์ เนียมประเสริฐ และตัวแทนกลุ่มชาวบ้านริมคลองลาดพร้าวในพื้นที่เขตสายไหมที่เข้าร่วมโครงการบ้านมั่นคงฯ จำนวน 20 คน ได้เดินทางมายัง สน.สายไหม เพื่อชี้แจงข้อเท็จจริงกับเจ้าหน้าที่ตำรวจกรณีที่นายศรีสุวรรณร้องเรียนเอาผิดกับ ผอ.พอช.และ ผอ.เขตสายไหมว่า การกระทำของนายศรีสุวรรณและกลุ่มชาวบ้านริมคลองบางส่วนที่ไม่ยอมเข้าร่วมโครงการบ้านมั่นคงฯ เป็นการขัดขวางโครงการบ้านมั่นคงริมคลองลาดพร้าวและโครงการจัดระเบียบชุมชนริมคลองของทางรัฐบาล
“นายศรีสุวรรณเอาประเด็นเล็กๆ น้อยๆ มาร้องเรียน เช่น ปัญหาขยะหรือเศษก่อสร้างที่ตกลงไปในคลอง ซึ่งบริษัทรับเหมาก่อสร้างเขื่อนต้องขุดลอกคลองอยู่แล้ว ซึ่งขณะนี้ยังอยู่ในระหว่างการดำเนินการ ส่วนการตัดต้นไม้ในพื้นที่ริมคลองเขตสายไหมก็ไม่มีตามที่นายศรีสุวรรณร้องเรียนแต่อย่างใด วันนี้พวกเราจึงมาชี้แจงข้อเท็จจริงกับเจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อให้เห็นว่านายศรีสุวรรณกับชาวบ้านบางกลุ่มมีเจตนาขัดขวางโครงการบ้านมั่นคงไม่ให้เดินหน้าต่อไปได้ นอกจากนี้ก็ยังมีผู้ที่เสียผลประโยชน์เข้าร่วมด้วย เช่น เจ้าของกิจการท่าทรายแห่งหนึ่งในพื้นที่ริมคลองเขตสายไหมที่ไม่ยอมย้ายออกจากริมคลองทั้งที่เป็นพื้นที่ของราชพัสดุที่กรมธนารักษ์ดูแลอยู่ ทำให้ชาวชุมชนไม่สามารถสร้างบ้านใหม่ได้และ กทม.ก็สร้างเขื่อนไม่ได้” ตัวแทนชาวชุมชนริมคลองลาดพร้าวที่เข้าร่วมโครงการบ้านมั่นคงกล่าวชี้แจง
ตัวแทนชาวบ้านกล่าวด้วยว่า โครงการบ้านมั่นคงริมคลองลาดพร้าวนั้น ชาวบ้านส่วนใหญ่ยิมยอมเข้าร่วมโครงการ เพราะต้องการช่วยกันดูแลรักษาคลอง ไม่ให้เกิดปัญหาขยะและน้ำท่วม นอกจากนี้ชาวบ้านยังได้บ้านใหม่ แตกต่างจากบ้านเดิมที่ทรุดโทรมและมีสภาพแวดล้อมที่ไม่ดี โดยมีรัฐบาลและหน่วยงานต่างๆ ร่วมสนับสนุน ขณะที่ชาวบ้านได้จัดตั้งกลุ่มออมทรัพย์และสหกรณ์เคหสถานขึ้นมาเพื่อออมเงินสร้างบ้าน โดยได้รับสินเชื่อและงบสนับสนุนจาก พอช. แบบบ้านส่วนใหญ่ 2 ชั้น ขนาดประมาณ 4x7 ตารางเมตร ราคาไม่เกิน 360,00 บาท ผ่อนไม่เกินเดือนละ 3,000 บาท นอกจากนี้ยังมีโครงการส่งเสริมอาชีพ พัฒนาสิ่งแวดล้อมต่างๆ ทำให้ชาวบ้านส่วนใหญ่สนใจเข้าร่วมโครงการ
สภาพคลองลาดพร้าวที่มีบ้านเรือนปลูกสร้างลงในคลอง (2)
มีรายงานจากกรุงเทพมหานครในฐานะรับผิดชอบการก่อสร้างเขื่อนระบายน้ำเพื่อป้องกันน้ำท่วมในคลองลาดพร้าวว่า ขณะนี้การก่อสร้างเขื่อนฯ ระยะทางทั้งสองฝั่งประมาณ 45 กิโลเมตรยังดำเนินการไม่ได้ตามแผนงาน เนื่องจากยังติดปัญหาบ้านเรือนที่ปลูกสร้างรุกล้ำคลองลาดพร้าวและแนวก่อสร้างเขื่อนยังไม่ยอมรื้อย้ายหรือเข้าร่วมโครงการบ้านมั่นคงที่ พอช.กำลังดำเนินการ โดยมีผู้ที่ขัดขวางทั้งหมดประมาณ 470 ครัวเรือน ดังนั้นภายในเดือนสิงหาคมนี้ผู้บริหาร กทม.จะเสนอให้พลตำรวจเอกอัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่า กทม.ใช้อำนาจตามประกาศคณะปฏิวัติฉบับที่ 44 (พ.ศ.2502) ติดประกาศให้ผู้รุกล้ำลำคลองรื้อย้ายสิ่งปลูกสร้างออกจากพื้นที่ภายใน 15 วัน หากยังดื้อแพ่งและไม่ปฏิบัติตามคำสั่ง เจ้าหน้าที่จากสำนักงานเขตสามารถรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างได้ทันที
สำหรับโครงการพัฒนาที่อยู่อาศัยในคลองลาดพร้าว มีจำนวนชุมชนที่รุกล้ำลำคลองทั้งหมด 50 ชุมชน รวม 6,841 ครัวเรือน ขณะนี้ดำเนินการไปแล้ว 34 ชุมชน ก่อสร้างบ้านเสร็จไปแล้ว 2,592 ครัวเรือน ส่วนที่เหลืออยู่ในระหว่างการดำเนินการ โดย พอช.สนับสนุนงบพัฒนาระบบสาธารณูปโภคให้แก่ชาวบ้านครัวเรือนละ 50,000 บาท งบอุดหนนุนการพัฒนาที่อยู่อาศัยครัวเรือนละ 25,000 บาท งบแบ่งเบาผู้ได้รับผลกระทบครัวเรือนละ 72,000 บาท นอกจากนี้ยังสนับสนุนสินเชื่อครัวเรือนละ 360,000 บาท ผ่อนชำระคืนภายใน 20 ปี
บ้านมั่นคงริมคลองลาดพร้าว
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |