รัฐบาลลุงตู่เทสารพัดโครงการซื้อใจ “พม.” คิกออฟจ่ายเงินเพิ่มให้คนแก่ 50-100 บาทต่อเดือน ย้อนหลัง ก.ค.61 ถึง มี.ค.62 กองทัพเซ็นเอ็มโอยู ธอส.ปล่อยเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำให้ทหารชั้นผู้น้อยกู้ซื้อบ้าน
เมื่อวันพุธ ที่โรงแรมตวันนา ถนนสุรวงศ์ พล.อ.อนันตพร กาญจนรัตน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) เป็นประธานในงานคิกออฟการจ่ายเงินสงเคราะห์เพื่อการยังชีพแก่ผู้สูงอายุที่มีรายได้น้อย ในโครงการลงทะเบียนเพื่อสวัสดิการแห่งรัฐผ่านบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ
โดย พล.อ.อนันตพรกล่าวว่า พม.ร่วมกับกระทรวงการคลังเริ่มดำเนินการมาตรการช่วยเหลือผู้สูงอายุที่มีรายได้น้อยผ่านบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ โดยจ่ายเงินให้ผู้สูงอายุผ่านบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ซึ่งคณะกรรมการบริหารกองทุนผู้สูงอายุมีมติให้จ่ายเงินในอัตราดังนี้ ผู้สูงอายุที่มีรายได้ไม่เกิน 30,000 บาทต่อปีได้รับเงินเพิ่มเดือนละ 100 บาท จากเดิมได้รับ 300 บาท รวมเป็น 400 บาท และผู้สูงอายุที่มีรายได้เกินกว่า 30,000 บาท แต่ไม่เกิน 100,000 บาทต่อปี ได้รับเงินเพิ่มเดือนละ 50 บาท จากเดิมได้รับ 200 บาท รวมเป็น 250 บาท โดยจ่ายทุกวันที่ 15 ของเดือน และจ่ายครั้งแรกในวันที่ 15 ส.ค.นี้
“เงินในส่วนนี้เป็นไปตามมติคณะกรรมการฯ ที่ได้อนุมัติการจ่ายเงินเข้าบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ตั้งแต่เดือน ก.ค.2561-มี.ค.2562 ส่วนระยะต่อไป คณะกรรมการฯ จะพิจารณาอัตราการจ่ายตามสถานะการเงินของกองทุนฯ อีกครั้ง” พล.อ.อนันตพรกล่าว และว่า แหล่งเงินเข้ากองทุนผู้สูงอายุจะมาจาก 2 แหล่ง คือ 1.กรมสรรพสามิตและกรมศุลกากรเรียกเก็บภาษีสรรพสามิตในส่วนที่เกี่ยวกับสินค้าสุราและยาสูบในอัตรา 2% แต่ไม่เกิน 4,000 ล้านบาทต่อปี และ 2.ให้ผู้สูงอายุที่ไม่เดือดร้อนทางการเงิน บริจาคเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุเข้ากองทุน ซึ่งผู้สูงอายุที่ถือบัตรฯ จำนวนประมาณ 4 ล้านคน สามารถนำบัตรไปกดเงินสดได้ที่ตู้กดเงินอัตโนมัติ (เอทีเอ็ม) ของธนาคารกรุงไทยทุกสาขา และกดเงินขั้นต่ำไม่น้อยกว่า 100 บาท หรือนำไปรูดซื้อสินค้าที่ร้านธงฟ้าผ่านแอปพลิเคชันถุงเงิน และเก็บสะสมเงินในบัตรสำหรับใช้ในเดือนต่อไปได้ด้วย
ด้าน น.ส.สุทธิรัตน์ รัตนโชติ อธิบดีกรมบัญชีกลาง กล่าวว่า กรมจะโอนเงินเข้ากระเป๋าเงินอิเล็กทรอนิกส์ (อีมันนี่) ในบัตรสวัสดิการแห่งรัฐของผู้มีสิทธิทุกวันที่ 15 ของเดือน โดยหากตรงกับวันหยุดราชการ จะเลื่อนวันจ่ายเงินเป็นวันทำการก่อนวันหยุด ซึ่งผู้สูงอายุที่อยู่ในโครงการมีทั้งสิ้น 3.66 ล้านราย ใช้เงินทั้งสิ้น 673.21 ล้านบาท โดยผู้มีสิทธิที่เริ่มใช้บัตรถอนเงินสดเป็นครั้งแรก ต้องใช้รหัส 6 หลัก เพื่อทำรายการถอนเงิน โดยรหัสดังกล่าวคือเลขประจำตัวประชาชน 6 หลักสุดท้ายบนหน้าบัตร และผู้มีสิทธิต้องเปลี่ยนรหัส 6 หลักเดิมจากตู้เอทีเอ็มของธนาคารกรุงไทยก่อน จึงสามารถถอนเงินสงเคราะห์ได้ โดยเงินขั้นต่ำที่จะถอนคือ 100 บาท
ทั้งนี้ เงินเพิ่ม 50-100 บาทต่อเดือนที่กองทุนผู้สูงอายุเพิ่มให้ข้างต้นนั้น แตกต่างกับเงินในโครงการบัตรสวัสดิการแห่งรัฐที่กำหนดให้รูดซื้อสินค้าและบริการที่กำหนดเท่านั้น ไม่สามารถกดเป็นเงินสดได้ และหากไม่ใช้ภายในเดือนนั้น วงเงินจะถูกตัดไป แต่เงินเพิ่มเติมส่วนนี้สามารถกดเป็นเงินสดใช้อย่างอื่นได้ หรือใช้รูดซื้อสินค้าในร้านธงฟ้าหรือร้านค้าอื่นๆ ที่กระทรวงพาณิชย์กำหนด และหากไม่ใช้เงินก็จะทบยอดสะสมไปเรื่อยๆ
วันเดียวกัน ที่กองบัญชาการกองทัพไทย พล.อ.ธารไชยยันต์ ศรีสุวรรณ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด (ผบ.ทสส.) ได้ร่วมลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (เอ็มโอยู) โครงการบ้านธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) เพื่อสวัสดิการกองบัญชาการกองทัพไทย ที่จัดทำขึ้นเพื่อร่วมกันช่วยเหลือส่งเสริมให้บุคลากรกองบัญชาการกองทัพไทยได้มีที่อยู่อาศัยเป็นของตัวเอง โดย พล.อ.ธารไชยยันต์ระบุว่า เป็นความร่วมมือระหว่างกองทัพไทยและ ธอส. ในการส่งเสริมให้กำลังพลมีที่พักอาศัย โดยโครงการประกอบไปด้วยสินเชื่อในอัตราดอกเบี้ยถูก 3.99% เวลา 10 ปี พร้อมยกเว้นค่าธรรมเนียมการยื่นกู้ค่าประเมินราคาหลักประกันทุกวงเงินกู้, ค่าจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรม รวมทั้งค่าจดทะเบียนจำนอง 1% ของวงเงินกู้ตามสัญญา ภายในวงเงิน 100 ล้านบาท
“เชื่อมั่นว่าโครงการจะทำให้กำลังพลหรือข้าราชการชั้นผู้น้อยมีโอกาสเริ่มต้นในชีวิต มีบ้านเป็นของตัวเอง ต่อไปเราจะมีโครงการด้านอื่นๆ ซึ่งขณะนี้มีกำลังพลในกองทัพไทยประมาณ 400 คนที่สนใจโครงการดังกล่าว ซึ่งในอนาคตธนาคารจะพิจารณาขยายวงเงินจาก 100 ล้านบาทเพิ่มขึ้นอีก” ผบ.สส.ระบุ
ขณะที่ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทยกล่าวถึงความคืบหน้าโครงการไทยนิยมยั่งยืนว่า ขณะนี้กำลังเร่งขับเคลื่อนโครงการตามพื้นที่ต่างๆ ในโค้งสุดท้าย โดยส่งคณะทำงานลงพื้นที่หมู่บ้านต่างๆ กว่า 8 หมื่นแห่ง ไปรับฟังความเห็นจากชาวบ้าน เพื่อจัดสรรงบประมาณอย่างเท่าเทียมกันมาพัฒนาและดำเนินโครงการต่างๆ ให้ตรงกับความต้องการในพื้นที่ให้มากที่สุด
“โครงการไทยนิยมยั่งยืน เป็นสิ่งที่ต่อยอดมาจากแนวคิดโครงการประชารัฐในการแก้ปัญหาและพัฒนาความเป็นอยู่ของประชาชนอย่างยั่งยืนในทุกด้าน โดยคาดว่าเม็ดเงินที่จะกระจายสู่ระบบเศรษฐกิจทั้งหมดจากโครงการจะสูงถึง 9.95 หมื่นล้านบาท ซึ่งมาจากการพัฒนาเศรษฐกิจฐานราก 3.5 หมื่นล้านบาท การพัฒนาเชิงพื้นที่ชุมชน การท่องเที่ยว และกองทุนหมู่บ้าน 3.45 หมื่นล้านบาท และการปฏิรูปโครงสร้างการผลิตภาคการเกษตร 3 หมื่นล้านบาท” พล.อ.อนุพงษ์กล่าว.
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |