บิ๊กเซอร์ไพรส์ข่มแม้ว สามมิตรลุยดูดดาวฤกษ์/ประยุทธ์หาเสียงเมืองกรุง


เพิ่มเพื่อน    

    กลุ่มสามมิตรเดินหน้าดูดต่อเนื่อง "สมศักดิ์" สบายใจและขอบคุณ "บิ๊กป้อม" ที่การันตีไม่ได้ทำผิด กม. ท้าใครเห็นว่าเสียเปรียบก็ลาออกจากพรรคทำแบบเดียวกันได้ แพลมเร็วๆ นี้มีเซอรไพรส์ใหญ่ 2 เรื่อง จับตาเปิดชื่ออดีต ส.ส.ดาวฤกษ์ ลุ้น "สนธิรัตน์-อุตตม" เปิดตัว "บิ๊กตู่" เดินสายตรวจจราจร กทม.แก้ปัญหารถติด ขึ้นรถไฟฟ้าบีทีเอสร่วมกับ ปชช. พร้อมลงเรือขับโชว์ด้วย กองหนุนยังเพียบเชียร์ให้เป็นนายกฯ อีก เหน็บรัฐบาลก่อนไม่ทำอะไร ลั่น "ผมคนเดียวมาทำหน้าที่แทน ส.ส." ยันไม่ลงเลือกตั้ง แต่จะอยู่ตาม รธน.
    เมื่อวันพุธ นายสมศักดิ์ เทพสุทิน แกนนำกลุ่มสามมิตร ให้สัมภาษณ์ว่า สำหรับการเดินสายพบปะพูดคุยกับประชาชนและนักการเมืองกลุ่มต่างๆ คาดว่าไม่นานจากนี้จะมีเซอร์ไพรส์ใหญ่อย่างน้อย 2 เรื่อง ขอให้รอติดตาม ทั้งนี้ การเดินสายพูดคุยทาบทามนักการเมืองในแต่ละจังหวัดจะดูผลกระทบตามมาด้วย แต่ยืนยันจะเดินสายอย่างต่อเนื่องจนกว่าจะถูกปิดโอกาส แม้ที่ผ่านมาสามมิตรจะถูกวิจารณ์ว่าได้เปรียบบรรดาพรรคการเมืองที่ไม่สามารถเคลื่อนไหวทางการเมืองได้ แต่ก็ไม่คิดว่าเป็นปัญหา และต้องขอบคุณ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม ที่ยืนยันว่าการเดินสายของสามมิตรไม่ขัดกฎหมาย ซึ่งทำให้สบายใจขึ้น
    “หากใครที่เห็นว่าเสียเปรียบสามมิตร ก็สามารถออกเดินสายอย่างสามมิตรได้ เราไม่คิดว่าฝ่ายความมั่นคงจะเปิดทางให้สามมิตรได้เดินสะดวก เพราะทุกอย่างเป็นไปตามระเบียบกฎเกณฑ์ สามมิตรเดินหน้าตามกฎเกณฑ์ จึงทำได้ ถ้าเห็นว่าสามมิตรได้เปรียบ ก็ลาออกจากสมาชิกพรรค แล้วมาทำอย่างผม ง่ายนิดเดียว ก็แค่ลาออกจากสมาชิกพรรคแล้วตั้งกลุ่มอย่างผม ก็มันไม่ผิด จะให้ผิดยังไง เขาตะแบงจะให้ผมหยุด ก็มันไม่ผิด จะให้ผมหยุดยังไง แค่เขาลาออก แล้วเดินสายก็หมดเรื่อง จะมาเถียงกันทำไม” นายสมศักดิ์กล่าว
    ผู้สื่อข่าวถามว่า กลุ่มสามมิตรพยายามเจาะภาคอีสานซึ่งเป็นพื้นที่ของพรรคเพื่อไทยหรือไม่ แกนนำกลุ่มสามมิตรกล่าวว่า การพูดคุยบางครั้งไม่ทราบว่าเป็นพื้นที่ของพรรคการเมืองใด และก็ไม่อยากแตะต้องพื้นที่ของพรรคการเมืองอื่น แต่หลายครั้งก็เป็นเรื่องตกกระไดพลอยโจน เพราะนัดหมายนักการเมืองของพรรคหนึ่ง ก็จะมีนักการเมืองจากอีกพรรคหนึ่งมาร่วมพูดคุยด้วย ตอนนี้มีผู้พร้อมลงสมัครรับเลือกตั้งในนามกลุ่มสามมิตรแล้วประมาณ 200 คน พวกเราเคยตั้งพรรคกันมาหลายครั้งแล้ว จึงเห็นว่าไม่ควรตั้งพรรคใหม่อีก ส่วนจะรวมกับพรรคพลังประชารัฐหรือไม่ ยังไม่สามารถยืนยันได้ แต่เชื่อว่าแนวทางนโยบายของรัฐบาลสามารถต่อยอดได้ 
    "ส่วนคะแนนความนิยม หากดูจากโพลตอนนี้พรรคเพื่อไทยนำมาเป็นอันดับหนึ่ง และพรรคพลังประชารัฐก็ตามขึ้นมาเรื่อยๆ ซึ่งเป็นเรื่องน่าตื่นเต้น เพราะเพิ่งจัดตั้ง แต่กลับได้รับความนิยมมาก จากการรับฟังประชาชนหลายพื้นที่ พบว่ามีความเป็นไปได้ที่พรรคพลังประชารัฐจะได้รับความนิยมเช่นนี้จริง เหมือนกับที่สมาชิกของพรรคอื่นขอมาอยู่กับสามมิตร เพราะเห็นว่ามีนโยบายที่ดี ซึ่งดีกว่ามีเงินทุนจำนวนมาก ดังนั้นโพลของพลังประชารัฐอาจจะแซงหน้าเพื่อไทยได้ หากมีการเดินสายพูดคุยกับประชาชนทุกพื้นที่ทั่วประเทศ"
    เมื่อถามว่า นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ออกมาเตือน ส.ส.พรรคเพื่อไทยไม่ให้ย้ายพรรค นายสมศักดิ์กล่าวว่า คนที่เป็นดาวเคราะห์จะไม่กล้าออกจากพรรค เพราะไม่มีแสงสว่างในตัวเอง ไม่เหมือนกับคนที่เป็นดาวฤกษ์ ซึ่งมีแสงสว่างในตัวเอง ไม่ว่าจะย้ายไปอยู่ที่ไหนก็จะไม่มีปัญหา เช่นที่กลุ่มสามมิตรเปิดตัวนักการเมืองหน้าใหม่ เพราะในพื้นที่นั้นไม่มีดาวฤกษ์อยู่เลย ทั้งนี้ สามมิตรไม่เคยต่อรองผลประโยชน์ใดๆกับใคร ส่วน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เราไม่สงสัย อยากอยู่ก็อยู่ไป จะเลือกตั้งเมื่อไหร่ก็ไม่ว่ากัน การเดินสายของสามมิตรก็ไม่ใช่การไปสัญญากับชาวบ้านว่าจะให้สิ่งต่างๆ เพียงแต่ไปรับความปัญหาแล้วนำมาสะท้อนถึงรัฐบาล 
จ่อเปิดตัวดาวฤกษ์
    แหล่งข่าวจากกลุ่มสามมิตรเปิดเผยถึงกรณีนายสมศักดิ์ระบุว่าอีกไม่นานจากนี้จะมีเซอร์ไพรส์ใหญ่อย่างน้อย 2 เรื่องว่า เบื้องต้นอาจมีการเปิดตัวอดีตส.ส.ที่มีชื่อเสียงเกรดเอ ที่มีคะแนนส่วนตัวเหนือพรรคการเมือง หรืออดีต ส.ส.ดาวฤกษ์ รวมทั้งการรอลุ้นการตัดสินใจว่า นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รมว.พาณิชย์ และนายอุตตม สาวนายน รมว.อุตสาหกรรม  จะเข้ามาสังกัดในนามพรรคพลังประชารัฐได้หรือไม่  ซึ่งขณะนี้อยู่ในช่วงการตัดสินใจ แต่เมื่อทุกอย่างชัดเจน ก็อาจจะเปิดตัวในสถานการณ์การเมืองที่เหมาะสมต่อไป
    นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ แกนนำแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ กล่าวในรายการเข้าใจตรงกันนะ ทางพีซทีวี ถึงกรณีนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ท้วงติงคำพูดของนายทักษิณ ชินวัตร ที่ประกาศสงครามประชาธิปไตย อาจทำให้เกิดความรู้สึกว่าจะมีความรุนแรงว่า นายอภิสิทธิ์ไม่น่าจะขวัญอ่อนขนาดนี้  เพราะช่วงเป็นนายกฯ ในรัฐบาลปราบปรามประชาชนเสียชีวิตมากที่สุด คนตายขนาดนั้นท่านยังหน้าตาเฉย  และเฉยมาจนบัดนี้ แล้วจะมาตกอกตกใจอะไรกับสิ่งที่นายกฯ ทักษิณพูด คำว่าสงคราม แน่นอนหมายถึงการห้ำหั่นชีวิตกันก็มี แต่ว่าโดยทั่วไปเขาหมายถึงการต่อสู้แข่งขัน คนมากมายเขาก็ใช้คำว่าสงครามเพื่อให้มันเป็นเรื่องขวัญกำลังใจ ดูแล้วให้มันโลดโผน เป็นสีสันของการใช้ภาษา  
    "ไม่เคยได้ยินหรือ สงครามค้าปลีก สงครามธุรกิจ สงครามท่องเที่ยว สงครามเมียยังมีเลย สงครามเพลง ไม่เห็นจะมีใครขนลุกขนพอง คุณอภิสิทธิ์ก็เหมือนกัน เวลาพูดกับลูกพรรค ก็ต้องพูดให้สู้หรือจะพูดให้ถอย ซึ่งมันก็ไม่ใช่ เป็นการพูดให้คึกคัก อย่าไปตีความอะไรที่ให้รู้สึกว่าเป็นเรื่องชวนอกสั่นขวัญแขวน นายกฯ ทักษิณพูดกับอดีต ส.ส.ในพรรคเพื่อไทย ก็อาจจะทำให้หลายคนในพรรคเพื่อไทยหยิบมาตีความได้มุมเดียว คือเขาสู้ในสนามเลือกตั้ง" นายณัฐวุฒิกล่าว
    วันเดียวกัน เวลา 08.30 น. ที่ศูนย์ควบคุมสั่งการจราจร (บก.02) ถนนวิภาวดีรังสิต พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้า คสช. ตรวจเยี่ยมกองบังคับการตำรวจจราจร เพื่อติดตามสถานการณ์ปัญหาการจราจรในพื้นที่กรุงเทพมหานคร (กทม.) โดยนายกฯ ได้แสดงความชื่นชม พร้อมมอบนโยบายเกี่ยวกับแนวทางการแก้ไขปัญหาการจราจรแบบบูรณาการทั้งในกรุงเทพฯ และปริมณฑล ความตอนหนึ่งว่า การมาตรวจราชการในวันนี้ เป็นการมาให้กำลังใจการปฏิบัติหน้าที่ของทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง รับฟังปัญหาและอุปสรรคในการดำเนินการ เนื่องจากชุมชนเมืองมีการขยายตัวอย่างต่อเนื่อง ส่งผลทำให้เกิดจราจรหนาแน่น 
    นายกฯ กล่าวว่า ปัญหาการจราจรเป็นเรื่องที่ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะต้องร่วมกันแก้ปัญหาอย่างใกล้ชิดและจริงจัง จำเป็นจะต้องหาวิธีแก้ปัญหาและบูรณาการร่วมกัน และให้นำฝ่ายวิจัยและพัฒนาการจราจรของมหาวิทยาลัยเข้าร่วมศึกษา โดยการนำเทคโนโลยีเข้ามาวิเคราะห์เพื่อระบายรถในช่วงเวลาที่มีจราจรหนาแน่น พร้อมได้ให้กรมประชาสัมพันธ์กำหนดมาตรการประชาสัมพันธ์เชิงรุก ในทุกช่องทาง  ทุกสื่อ ทุกเครือข่าย เพื่อเสริมสร้างและปลูกฝังวินัยจราจรอย่างจริงจังและต่อเนื่อง และให้ทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องเร่งนำเทคโนโลยีเข้ามาใช้ในการควบคุมการจราจร เพราะจะมีความแม่นยำกว่าการนั่งตรวจดูผ่านหน้าจอมอนิเตอร์ 
     ต่อมา เวลา 10.00 น. ที่สถานีรถไฟฟ้าสนามกีฬาแห่งชาติ (W1) พล.อ.ประยุทธ์พร้อมคณะ ตรวจเยี่ยมการบริหารจัดการระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ โดยออกเดินทางจากสถานีรถไฟฟ้าสนามกีฬาแห่งชาติ (W1) ไปยังสถานีรถไฟฟ้าบางหว้า (S12) โดยนายคีรี กาญจนพาสน์ ประธานกรรมการ บริษัท ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ จำกัด มหาชน (รถไฟฟ้า BTS ) มอบบัตรรถไฟฟ้า BTS ที่เป็นภาพนายกฯ สวมชุดข้าราชการบังคับรถไฟฟ้า เมื่อครั้งนายกฯ เดินทางไปเปิดสถานีรถไฟฟ้าสำโรงให้กับนายกฯ ใช้มีมูลค่าเงินในบัตร 500 บาท เมื่อคณะของนายกฯ มาถึง ได้มีประชาชนตะโกนให้กำลังใจ "ลุงตู่สู้ๆ ลุงตู่นักสู้ผู้ยิ่งใหญ่" ทำให้ พล.อ.ประยุทธ์ถึงกับยิ้ม 
กองเชียร์ลุงตู่ยังเพียบ
    สำหรับการขึ้นรถไฟฟ้าครั้งนี้ นายกฯ โดยสารรถไฟฟ้าร่วมกับประชาชนทั่วไป ไม่มีการปิดกั้น จึงได้รับความสนใจ มีประชาชนทักทายอย่างต่อเนื่อง โดยนายกฯ ได้ลุกให้ผู้โดยสารคนอื่นนั่งแทนเก้าอี้ตัวเอง รวมทั้งเดินทักทายในขบวนรถ พร้อมพูดคุยกับนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติที่ใช้บริการรถไฟฟ้า ก่อนที่จะระบุว่า สิ่งที่รัฐบาลทำมาทั้งหมดก็ทำให้กับประชาชน เพื่อให้ได้รับบริการที่สะดวกสบายและมีอนาคตที่ดี
    และเมื่อนายกฯ มาถึงบริเวณทางเดินยกระดับ (สกายวอล์ก) สถานีรถไฟฟ้าบางหว้า ได้ฟังบรรยายสรุปการบริหารจัดการและพัฒนาจุดเชื่อมต่อการเดินทาง (ล้อ ราง เรือ) ของ กทม. ประกอบด้วยข้อมูลคลองเดินเรือในคลองภาษีเจริญ เส้นทางส่วนต่อขยายไปวัดกำแพงบางจาก และแผนงานการพัฒนาการเดินเรือในคลองภาษีเจริญและส่วนต่อขยายในอนาคตจาก พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่าฯ กทม.และคณะผู้บริหาร 
    จากนั้น เวลา 11.15 น. ที่ท่าเรือสะพานตากสิน-เพชรเกษม นายกฯ พร้อมคณะออกเดินทางโดยเรือ จากท่าเรือสะพานตากสิน-เพชรเกษม ไปยังวัดกำแพงบางจาก เขตภาษีเจริญ โดยนายกฯ ลงเรือกรุงเทพธนาคม 1 หมายเลขทะเบียนเรือ 596500247 ความจุ 60 ที่นั่ง ซึ่งมีระยะทาง 2.5 กิโลเมตร ถึงวัดกำแพง ระหว่างทางมีประชาชนติดป้าย “รักนายกลุงตู่สู้ๆ” นายกฯ กล่าวว่า มีความประทับใจน้ำใสสะอาดหน้าว่ายเล่น รวมทั้งระหว่างทางได้ผ่านโรงเรียนวัดนวลนรดิศ (น.ด.) ซึ่ง พล.อ.ประยุทธ์เคยเรียนที่นี่มาก่อน ได้มีนักเรียนมารอต้อนรับบริเวณริมคลอง พร้อมส่งเสียงทักทาย ซึ่ง พล.อ.ประยุทธ์ได้โบกมือทำสัญลักษณ์มือไอเลิฟยูทักทายด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม
     เมื่อมาถึงวัดกำแพงบางจาก นายกฯ ได้เข้ากราบสักการะพระประธานในโบสถ์ และนมัสการพระครูศรีปริยัตยานุรักษ์ เจ้าอาวาส จากนั้นนายกฯ ได้มาพบกับประชาชนที่มาต้อนรับกว่า 200 คน โดยกล่าวว่า มาเยี่ยม ไม่ได้อยากสร้างภาระให้กับประชาชน มาดูปัญหาจราจรกรุงเทพฯ และดูปริมณฑล ต่างจังหวัดด้วย ดูให้เชื่อมโยง ต้องมีให้เขา จากที่เราไม่ให้เขาก่อนนี้ ที่ผ่านมาไม่ค่อยทำตรงนี้ ทำเป็นจ๊อบเรื่องๆ ไปส่วนการเลือกตั้งก็ว่ากันมา เรายังไม่เกี่ยวข้องตรงโน้น  ถามว่าสิ่งที่รัฐบาลทำมาถูกทางแล้วหรือไม่ ถ้าถูกก็ไปบังคับรัฐบาลหน้าให้ทำตรงโน้น แต่วันนี้ไม่ต้องบังคับเราก็ทำให้ อย่างโครงสร้างพื้นฐานที่ต้องใช้เวลาทั้งสิ้น แต่ต้องใช้เวลา เพราะระบบใหญ่โต
    นายกฯ กล่าวด้วยว่า ใครที่เป็นหนี้นอกระบบแจ้งศูนย์ดำรงธรรม เขาจะประนอมหนี้เก็บดอกเบี้ยเกิน 30 เปอร์เซ็นต์ไม่ได้ เป็นเรื่องรัฐบาลแก้จริงจัง ปัญหาที่ดินทำกิน เรื่องโครงสร้างพื้นฐานหลายคนอาจมองภารรัฐบาลมากไปหรือเปล่า มีโรงไฟฟ้าหลายสาย จากก่อนที่ไม่มีมา ไม่รู้ไปทำอะไรกันอยู่ รถไฟความเร็วสูงทำไม่ได้หวังผลกำไร แต่ทำเพื่อให้เกิดการพัฒนาสองข้างทาง ทำเพื่อให้ไทยเป็นศูนย์กลางอาเซียน      
    "วันนี้มีผู้ว่าฯ กทม. รองผู้ว่าฯ กทม. ปลัดมหาดไทย แม่ทัพภาค 1 มา ใครจะร้องเรียนก็มา วันนี้ทหารก็มา ใครถูกทหารรังแก ใครที่อ้างนายกฯ รองนายกฯ ให้มาเก็บผลประโยชน์มาบอก จะเล่นงานสักทีเถอะ และอย่าไปเชื่อเขา นายกฯ จะไปเอาอะไรกับพวกเรา มีแต่ทำให้ดีขึ้น ขออย่าออกมาเดินขบวนกันอีก ยังไม่ลืมใช่ไหม บ้านเมืองเราต้องการความสงบสุข" นายกฯ กล่าว
    ในระหว่างที่นายกฯ ได้เยี่ยมชมโครงการบ้านศิลปิน ได้มีกลุ่มเพื่อนโรงเรียนวัดนวลนรดิศ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ของ พล.อ.ประยุทธ์ จำนวน 7 คน มารอพบ พร้อมระบุว่าพวกตนพักอาศัยอยู่แถวนี้ ไม่ได้เจอนายกฯ มาหลายสิบปี เห็นแต่เพียงในโทรทัศน์ พร้อมนำภาพถ่ายรูปหมู่สมัยมัธยมศึกษามาให้ดู ซึ่ง พล.อ.ประยุทธ์ได้กล่าวทักทายว่า จำได้ เพื่อนรุ่น 77 ไม่เคยลืม คิดถึงเพื่อนเสมอ 
ไม่ลงเลือกตั้ง 
    หลังจากนั้นเวลา 14.30 น. นายกฯ และคณะ เดินทางออกจากวัดกำแพงบางจาก เขตภาษีเจริญ โดยทางเรือ มายังวัดอินทารามวรวิหาร เขตธนบุรี ระหว่างทางนายกฯ ได้โชว์การขับเรือกรุงเทพธนาคม 1 ด้วยตัวเอง ก่อนที่จะออกมายืนที่หัวเรือเพื่อทักทายกับชาวบ้านที่อยู่บริเวณริมคลองสองข้างทาง เมื่อถึงท่าเรือวัดอินทารามฯ ได้ทักทายประชาชนที่มาต้อนรับ พร้อมกล่าวตอนหนึ่งว่า รัฐบาลได้วางพื้นฐานอีก 5 ปีข้างหน้าว่าจะเกิดอะไรขึ้น ซึ่งรัฐบาลนี้ไม่ได้เป็นพรรคของใคร และพยายามทำให้ครบทั้งประเทศ 
     "ขอเตือนว่า ใครที่สัญญาว่าจะมาให้ถนน สะพาน หรือให้เงินให้ทอง อย่าไปเชื่อ เพราะเงินตรงนั้นเป็นเงินของประเทศ เป็นเงินภาษีประชาชน หรือนโยบายของใครที่ให้เลิกการเกณฑ์ทหารแบบนั้นชอบหรือ การเกณฑ์ทหารทำให้คนมีระเบียบวินัย วันนี้ทหาร ตำรวจ มีหน้าที่ในการพัฒนาประเทศ ช่วยเหลือทั้งน้ำท่วม ปัญหาชายแดน และความสงบในประเทศ" นายกฯ กล่าว และว่า ตนเข้ามาเพื่อวางพื้นฐานในประเทศ ไม่ได้มาเพื่อการเมือง ส่วนนักการเมือง พรรคการเมือง และรัฐบาล ใครจะมาเป็นในวันข้างหน้าต้องมองภาพใหญ่ อย่าให้ใครมาบิดเบือน วันนี้ก็มาตรวจงานไม่ได้มาเรื่องการเมือง 
    "ผมมาคนเดียว มาทำหน้าที่แทน ส.ส. อย่ามาอ้างว่าเป็น ส.ส. แล้วมาเดินพบประชาชน เมื่อมีการเลือกตั้งใครได้ ส.ส.มากที่สุด แล้วได้งบ ก็มีความต้องการในพื้นที่ของตัวเองมากที่สุดอยู่แล้ว ส่วนพื้นที่อื่นจะเอาอะไรกิน ดังนั้น ส.ส.ไม่ว่าฝ่ายค้านหรือรัฐบาลในวันข้างหน้า หากโครงการไหนดี ก็ต้องร่วมมือกัน แต่ต้องไม่ผิดกฎหมาย และถ้าสอดคล้องกับยุทธศาสตร์ชาติก็ไม่ต้องค้านกัน ขณะเดียวกันในการเลือกตั้ง ก็ต้องคิดใหม่ว่าจะเลือกกันอย่างไร แต่ผมไม่ได้ลงเลือกตั้งด้วย” 
    ระหว่างนั้นประชาชนได้ตะโกนว่า จะเลือก พล.อ.ประยุทธ์ อยากให้ลงเลือกตั้ง จะเลือก พล.อ.ประยุทธ์ให้อยู่ต่อ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า "จะอยู่ยังไงยังไม่รู้ ต้องไปดูรัฐธรรมนูญ วันนี้ผมทำเรื่องการเมืองยังไม่ได้ ขณะเดียวกันไม่ได้คิดถึงตัวเอง คิดถึงแต่พวกเรา เข้ามาทำหน้าที่ เพื่อทุกคนในวันนี้" พร้อมหันไปถามประชาชนว่า "มีใครไม่ชอบกันบ้างให้ยกมือ ถ้ามีจะได้ไปอธิบาย ยืนยันจะทำงานให้ดีที่สุด"
    จากนั้นนายกฯ และคณะได้ไหว้พระประธานที่พระอุโบสถ ถวายเครื่องไทยธรรม ถวายพวงมาลัยไหว้พระ และสนทนาธรรมกับเจ้าอาวาส รวมถึงสักการะพระบรมราชานุสาวรีย์สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช  บริเวณด้านหน้าพระวิหารสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช
    หลังจากนั้น ผู้สื่อข่าวได้ถามนายกฯ ว่าวันนี้ยังมีเสียงเชียร์ให้เป็นนายกฯ ต่อ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวด้วยน้ำเสียงดังแก้เขินว่า ”แล้วจะให้ฉันปลื้มหรืออย่างไร เดี๋ยวก็ไปเขียนกันอีกว่านายกฯ ปลื้มๆ ปัดโธ่เอ๊ย” เมื่อถามอีกว่าในรัฐธรรมนูญเปิดช่องให้เป็นนายกฯ ต่อได้ไม่ใช่หรือ พล.อ.ประยุทธ์หันหน้าหนีพร้อมกล่าวขณะเดินออกจากวงสัมภาษณ์ว่า ”ไปดูเอา”
    พล.อ.ธารไชยยันต์ ศรีสุวรรณ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด ในฐานะสมาชิก คสช. กล่าวถึงกรณี พล.อ.ประยุทธ์เรียกประชุม คสช. เมื่อวันที่14 ส.ค ที่ผ่านมา ว่า  ในเรื่องการดูแลงานทางด้านความมั่นคงต่อจากนี้ไปจนถึงการเลือกตั้ง เนื่องจากจะต้องมีการปรับเปลี่ยนผู้บัญชาการเหล่าทัพนั้น ปกติกองทัพทำงานเป็นระบบอยู่แล้ว คนที่จะเกษียณไป คนใหม่ที่จะเข้ามารับหน้าที่ต่อสามารถดำเนินการสานต่องานได้ ในส่วนของกองทัพไทย เชื่อมั่นว่าผู้บัญชาการทหารสูงสุดคนใหม่จะทำหน้าที่สานต่องานได้ดี. 


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"