15 ส.ค.61 - ที่สภ.เขาพนม จ.กระบี่ มีประชาชนผู้เสียหายจากการถูกท้าวโกงเงินค่าแชร์จำนวนกว่า 10 รายนำหลักฐานเอกสารและสลิปการโอนเงินเข้าแจ้งความต่อ ร.ต.อ.บุญส่ง ล่องวารี รอง สว.(สอบสวน) สภ.เขาพนม หลังถูกนางสาวกฤติยา ศรีสุข อายุ 26 ปี บ้านอยู่ตำบลโคกหาร อ.เขาพนม ไม่ยอมจ่ายเงินลูกแชร์เมื่อครบกำหนดเวลา วงเงินมูลค่าเกือบ 1.6 ล้านบาท ก่อนหายตัวไปไม่สามารถติดต่อได้

เบื้องต้นทางพนักงานสอบสวน ได้แนะนำให้ผู้เสียหายลงบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐาน  และนัดสอบปากคำผู้เสียหายอีกครั้ง เพื่อจะได้รวบรวมพยานหลักฐาน ขออนุมัติหมายศาลเรียกผู้ต้องหาที่เป็นนายวงแชร์มาให้ปากคำต่อไป

น.ส.วิลาวรรณ หันประจำสินธุ์ อายุ 33 ปี หนึ่งในผู้เสียหาย เปิดเผยว่า เมื่อประมาณ 2 ปีที่ผ่านมาตนและผู้เสียหายประมาณ 30 คนทั้งในจ.กระบี่ และพื้นที่ใกล้เคียงเริ่มเข้ามาเล่นแชร์กับนางสาวกฤติยา จำนวนประมาณ 20 วง รวมเป็นเงิน 1,600,000บาท แต่เมื่อถึงเวลาลูกแชร์ประมูลหรือเปียแชร์ได้ น.ส.กฤติยาก็ไม่จ่ายเงินให้แก่ลูกแชร์ ผัดผ่อนมาตลอด ทำให้ได้รับความเสียหาย โดยพยายามโทรศัพท์ติดต่อเพื่อทวงเงินดังกล่าว แต่สุดท้ายก็เงียบหาย ผู้เสียหายบางรายสูญเงินไปแล้วกว่า 2 แสนบาท ส่วนของตนเสียหายไป 48,000 บาทจึงได้เข้าแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ให้ดำเนินคดีกับเท้าแชร์รายนี้ต่อไป

น.ส.พิมพา ทองเพ็ง อายุ 31 ปี ผู้เสียหายอีกราย กล่าวว่า ในช่วงแรกๆ น.ส.กฤติยา รับปากว่า จะมาจ่ายเงินให้ในวันที่ 1 สิงหาคมที่ผ่านมา แต่สุดท้ายก็ไม่จ่าย พอทวงถามไปยังผู้ต้องหา กลับเบี่ยงเบนหาว่าผู้เสียหายไปนินทาใส่ร้าย จึงไม่ยอมจ่ายและท้าให้ไปแจ้งความ ทำให้ตนรู้สึกเจ็บใจมาก ที่สำคัญจากการตรวจสอบในเฟซบุ๊คส่วนตัวผู้ต้องหา พบว่าผู้ต้องหาใช้ชีวิตอย่างหรู มีเงินซื้อรถ ต่อเติมบ้านและยังมีเงินไปเสริมจมูกอีกหลายหมื่นบาทด้วย ขณะที่คนอื่นเดือดร้อนจึงอยากให้เจ้าหน้าที่เร่งติดตามตัวมาดำเนินคดี

ด้าน ร.ต.อ.บุญส่ง พนักงานสอบสวนเจ้าของคดี เปิดเผยว่า เบื้องต้นได้ให้ผู้เสียหายลงบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐาน หลังจากนี้จะนัดสอบปากคำผู้เสียหายอีกครั้ง เพื่อจะออกหมายเรียกผู้ต้องหามาให้ปากคำกับเจ้าหน้าที่ ทั้งนี้กรณีที่เกิดขึ้นได้แนะนำผู้เสียหายที่อยู่ต่างจังหวัดไปแจ้งความในท้องที่ที่เกิดเหตุ เนื่องจากมีอยู่ใน จ.ภูเก็ต นครศรีธรรมราช และกระบี่ ซึ่งทั้งหมดจะต้องนำหลักฐานเอกสารมาให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบด้วย อาจจะเข้าข่ายกระทำผิด พ.ร.บ.แชร์ พ.ศ.2534 หรืออาจจะเข้าข่ายฉ้อโกงประชาชนด้วย แต่อย่างไรก็ตามต้องสอบปากคำผู้เสียหาย  และตรวจพยานหลักฐานอย่างละเอียดอีกครั้ง ก่อนที่จะดำเนินคดีต่อไป