สวดมนต์คสช.เอาตัวรอด นายกฯขู่ประเมินผลขรก.


เพิ่มเพื่อน    

"นายกฯ" เผยตอนนี้สวดมนต์ให้ คสช.เอาตัวให้รอด ขู่ประเมินผลงานกลางวงสัมมนาข้าราชการระดับสูง อย่ารอแค่นายสั่ง กำชับ "วิษณุ" จับมือ ก.พ.กำหนดตัวชี้วัด แจงประชาธิปไตยไทยนิยมไม่มุ่งหวังการเมือง ปัดแผนสืบทอดอำนาจ แค่อยากให้ประเทศหลุดพ้นความยากจนความขัดแย้ง
    เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 22 ม.ค. ที่ห้องแกรนด์ไดมอนด์ บอลรูม ศูนย์ประชุมอิมแพค ฟอรัม เมืองทองธานี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.)  เป็นประธานเปิดสัมมนานักบริหารระดับสูงเพื่อการบูรณาการพัฒนาประเทศ 4.0 โดยมีนายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ปลัดกระทรวง ผู้บัญชาการเหล่าทัพ ผู้บัญชาการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ผู้ตรวจราชการพิเศษประจำสำนักนายกรัฐมนตรี รองปลัดกระทรวง ผู้ตรวจราชการกระทรวง อธิบดี รองอธิบดี ผู้ว่าและรองผู้ว่าราชการจังหวัด กรรมการข้าราชการพลเรือน ปลัดและรองปลัดกรุงเทพมหานคร  รวม 850 คนเข้าร่วม 
    นายกฯ กล่าวปาฐกถาพิเศษในหัวข้อ "ผู้บริหารส่วนราชการกับการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ชาติ :  One Country One Team" ตอนหนึ่งว่า เป็นคนคิดเรื่อง 4.0 ขึ้นมาเอง ซึ่งทุกคนจะต้องคิดแบบนี้เหมือนกันให้ได้ และต้องเตรียมการกันตั้งแต่บัดนี้ โดยเฉพาะด้านอุตสาหกรรมจะต้องไปสู่ 4.0 เตรียมรองรับเรื่องแรงงาน โดยเข้าใจอย่างละเอียด ถ้าจะบอกว่าขึ้นค่าแรงแล้วจบ ถึงอย่างไรมันก็ไม่จบ เพียงแต่ต้องอธิบายให้ได้ว่าทำหรือไม่ทำเพื่ออะไร ทุกกระทรวง 
    พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ทุกหน่วยงานจะต้องชี้แจงทำความเข้าใจประชาชนถึงหน้าที่หน่วยงานที่ตัวเองทำให้ได้ เพราะในยุคสมัยนี้ถ้าไม่ชี้แจงไม่ได้ ไม่เช่นนั้นโลกโซเชียลเขียนอะไรออกมา ถ้าชี้แจงช้าก็จบกัน เพราะชี้แจงทีหลังเท่ากับแก้ตัว ดังนั้นมีเรื่องอะไรต้องออกมาชี้แจงแก้ไขทันที เหมือนอย่างตนเปิดอ่านอยู่บ่อยๆ อ่านให้หมด ทั้งข้อสั่งการ เอกสาร ครม. เพราะถ้าไม่อ่านเราก็ไม่รู้ อย่างการแก้ไขกฎหมายก็เพื่อเดินหน้าการทำงานและเพื่อประโยชน์ของประชาชน ไม่ใช่เป็นเครื่องมือของรัฐบาลเพียงอย่างเดียว
    "ผมทำงานทุกอย่างเพื่อขับเคลื่อนองคาพยพให้เดินไปให้ได้ ทำงานตามหน้าที่ ไม่ได้ต้องการให้ใครมารัก ใครที่มีทัศนคติไม่ดี ผมถือว่าเรายังพัฒนาตัวเองไม่ได้ ถ้าไม่ชอบรัฐบาล ไม่ชอบ คสช. ก็อย่าไม่ชอบประเทศของท่านเองเลย แล้วลองเปรียบเทียบการทำงานนี้กับรัฐบาลก่อนๆ ดูแล้วกันว่ามีอะไรเปลี่ยนแปลงหรือไม่"
    นายกฯ กล่าวว่า ปี 2561 นี้จะเป็นปีแห่งการเปลี่ยนแปลง บางคนยังไม่รู้ ไม่สนใจ เพราะยังไม่ใช่เวลาของท่าน ยังไม่ได้เป็นปลัดกระทรวง ยังไม่ได้เป็นผู้ว่าฯ จะไปสนใจทำไม เดี๋ยวรอนายสั่ง คือสั่งอะไรก็ทำตามนั้น ต่อไปนี้ไม่ได้ วัดผลทั้งหมด รองผู้ว่าฯ จะเป็นผู้ว่าฯ หรือใครจะเป็นปลัด อธิบดี ตนให้มีตัวชี้วัดหมด มอบหมายให้นายวิษณุ เครืองาม รองนายกฯ ดำเนินงานร่วมกับสำนักงาน ก.พ.ประเมินผล โดยมีตัวชี้วัดเพิ่มขึ้นจากเดิม 
    "ผมไม่ได้โกรธท่านมาจากไหนและไม่ต้องเอาใจผม ซึ่งผมรู้ประเพณีไทย อยากมาหานาย มาเยี่ยมอวยพรปีใหม่ มากินข้าว แต่อยู่กับเมียเถอะเสียเวลา วันนี้ผมกับเมียก็ไม่ค่อยได้อยู่ด้วยกันเหมือนกัน  ขอให้ทำงานแล้วเอาผลงานมาปรากฏจะดีกว่า และไม่ใช่เฉพาะในสื่อหนังสือพิมพ์ แต่เอาที่ประชาชนพอใจ"
    พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า วันนี้เป็นงานสำคัญทำให้ประเทศ ในฐานะเป็นข้าราชการในสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ข้าราชการของประชาชน ไม่ว่าตำรวจ ทหาร ต่างทำหน้าที่เพื่อชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ฉะนั้นวันนี้ถือเป็นช่วงระยะเวลาเปลี่ยนไปสู่การมีประชาธิปไตยอย่างยั่งยืน ที่ใช้คำว่าไทยนิยม หมายความว่าประเทศไทย คนไทยมีอัตลักษณ์ที่มีความแตกต่างจากหลายๆ ประเทศในโลก บางครั้งไม่ค่อยคำนึงถึงหลักการและความถูกต้องมากนัก เพราะเรานิสัยแบบไทยๆ ชอบอะไรก็ชอบ
    "สิ่งที่ผมใช้คำว่าไทยนิยม ต้องการให้คนไทยนิยมทำแต่ในสิ่งที่เป็นความดี ความงาม ความถูกต้อง  มีคุณธรรม จริยธรรม เป็นคนดีและคนเก่ง นั่นคือไทยนิยมในทางที่ถูกต้อง ซึ่งคำว่าไทยนิยมประชาธิปไตยคือ เราต้องนิยมประชาธิปไตยที่ไม่ทิ้งหลักการประชาธิปไตยสากล ผมไม่เคยให้ยกเลิกตรงโน้นตรงนี้ ไม่มี"
    นายกฯ ยืนยันว่า ประชาธิปไตยไทยนิยมที่คิดขึ้นมาไม่ได้มุ่งหวังการเมือง มุ่งหวังเพียงแค่ทำอย่างไรให้ประเทศไทยหลุดพ้นจากสิ่งที่มีปัญหามาตลอด ทั้งความยากจน ความขัดแย้ง ซึ่งเริ่มทำใน 3 ปีที่ผ่านมา ไม่อาจกล่าวอ้างว่าทำได้ดีที่สุด แต่ว่าได้เริ่มทำในแนวใหม่ขึ้นมา เพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์โลกที่มีการเปลี่ยนแปลง และตนต้องการพัฒนาคนให้มากที่สุด
    นอกจากนี้ นโยบายของรัฐบาลเช่นบัตรคนจน ขอยืนยันว่าไม่ใช่ประชานิยม แต่เราทำเพื่อให้ทุกคนมีความเท่าเทียมกัน โดยเปิดโอกาสให้ทุกคนเข้าถึงโอกาสเพื่อผู้มีรายได้น้อย เพราะเรื่องของความเท่าเทียมและความยากจน ส่วนใหญ่มักจะนำไปสู่ความขัดแย้ง 
    "ไทยนิยมต้องเป็นไปในทางที่ดี ขัดแย้งกันไม่ใช่ไทยนิยม ผมไม่รู้จะใช้คำไหน มีใครแนะนำคำอื่นอีกไหม ถ้าให้ใช้ผมใช้ไทยนิยม ผมอ่านหนังสือมาก็นึกๆ เอา ไม่มีใครมาบอกผม และผมก็มีคำอธิบายของผมได้ว่าอะไรคือไทยนิยม อะไรคือประชารัฐ อะไรคือความยั่งยืน ตอบคำถามได้ทั้งหมด และสอดคล้องกับยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปีและแผนปฏิรูป ต่อไปนี้คำเหล่านี้ต้องติดหู ติดตา ติดปากประชาชนและข้าราชการ"
    พล.อ.ประยุทธ์กล่าวต่อว่า แผนพัฒนาประเทศที่ทำจะสืบทอดอำนาจของตนตรงไหน ก็ไม่รู้เหมือนกันที่เขาเขียนนั่น ยุทธศาสตร์คืออะไร ความมั่นคงจะต้องทำอะไรบ้าง แบบนั้นตนไปคุมให้เหรอ ตนไม่ได้บอกว่าต้องทำอย่างไรด้วยซ้ำไป แผนสภาพัฒน์ก็ไม่ได้เขียน     
    "ผมจะไปได้ประโยชน์ตอนไหนก็ไม่รู้เหมือนกัน ผมสวดมนต์ทุกคืน สวดให้ประเทศชาติ พระมหากษัตริย์ และตอนนี้ยังสวดมนต์ให้ คสช.ด้วย เอาตัวให้รอด และผมไม่ใช่ศัตรูของท่าน วันหน้าผมก็คนธรรมดาคนหนึ่ง แต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ ก็เป็นไปตามโรดแมป" นายกฯ กล่าว.


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"