"พลเอกประวิตร" นี่..........
    The innocent ดีนะ
    ให้สัมภาษณ์นักข่าวแต่ละที ใส ซื่อ บริสุทธิ์น่ารัก น่าหยิก น่ากอด
    แต่ถ้าพยายามเลี่ยง ไม่พูดเชิงให้ความเห็นทางการบ้าน-การเมืองซะเลย
    ผมว่า จะน่ารักกว่านี้!
    เพราะเห็นพูดทีไร ถ้าไม่เข้าเนื้อ-เข้าตัว ก็เรียกก้อนอิฐเข้าหลังคารัฐบาลทุกที
    อย่างเมื่อวาน (๑๔ ส.ค.) นักข่าวไปถาม "๒ มาตรฐานมั้ยครับท่าน.........
    ที่ 'กลุ่มสามมิตร' เดินสายไปพูดจาภาษาเลือกตั้งกับอดีต ส.ส.จังหวัดโน้น-นี้ เป็นการเคลื่อนไหวทางการเมือง ฝืนข้อห้าม คสช.มิใช่หรือ?"    
    รองนายกฯ ประวิตร ก็ตอบว่า
    "กลุ่มสามมิตรเป็นใคร เขาเป็นพรรคการเมืองหรือไม่ เขาไปในเรื่องส่วนตัวเขา 
    เขาไม่ได้เป็นพรรคการเมือง หากไปเป็นสมาชิกพรรคการเมืองไม่สามารถเคลื่อนไหวได้ แต่นี่เขาไม่มีพรรค"
    แหม...นี่นะ ถ้าเป็นการสอบ 
    พลเอกประวิตรถือว่า "เลี่ยงบาลี" ขึ้นขั้นเป็น "พ่อมหาจำเริญ" ได้เลย!
    แต่ถ้าพูดภาษาชาวบ้าน แบบนี้เขาเรียก "ตอบอิฐ ก็ถูกอิฐ"
    ผมก็ไม่มีอะไรจะแย้งท่าน 
    เพราะในทางกฎหมาย "กลุ่มสามมิตร" ไม่ได้เป็นพรรคการเมือง มันก็จริง 
    แต่ในทางปฏิบัติ การที่ "กลุ่มสามมิตร" เป็นโอปปาติกะ หิ้วสายรก ลอยไป-ลอยมา 
    จนรู้กัน "ทั้งบ้าน-ทั้งเมือง" แล้วว่า เตรียมเข้าไปถือกำเนิดนอกมดลูกพรรครัฐบาล เพื่อการเลือกตั้งที่กำลังจะมาถึง
    เรื่องแบบนี้ พลเอกประวิตร มีสิทธิ์จะตอบหรือไม่ตอบก็ได้ เมื่อนักข่าวถาม 
    แต่เมื่อพลเอกประวิตรตอบ........
    คำตอบที่ว่า "เขาไม่ได้เป็นพรรคการเมืองเคลื่อนไหวได้"
    นี้ จะผูกมัดรัฐบาล คสช.
    และถูกกลุ่มนักเลือกตั้งอื่นๆ ยึดเป็นมาตรฐาน "ไม่ใช่พรรคการเมือง" แล้วเคลื่อนไหวกันบ้าง ต่อจากนี้
    เมื่อเดือนกรกฎา ด้วยคำตอบใส-ซื่อ พลเอกประวิตร ก็ทำแทบพังมาทีแล้ว
    จำไม่ได้หรือ.........?
    กรณีเรือ "ฟีนิกซ์ ไดวิง" พานักท่องเที่ยวจีนไปจมทะเลตายที่ภูเก็ต ตั้ง ๔๐-๕๐ คน นั่นน่ะ
    เอาข้อเท็จจริงที่ไม่สมควรนำไปพูดต่อสาธารณะ ไปพูดในการให้สัมภาษณ์นักข่าวว่า
    "พวก......ทำกันเอง"
    เท่านั้นแหละ ทำการท่องเที่ยวหวิดพังไปทีแล้ว จำไม่ได้หรือ?
    ประเด็นจีน "เคืองคาใจ" ไม่ต้องพูดถึง 
    แต่ที่นักท่องเที่ยวจีน ประท้วงกลายๆ.........
    ไม่มาเที่ยวเมืองไทย โดยเฉพาะที่ภูเก็ต จนถึงเวลานี้ ไม่เพราะคำพูดซื่อๆ คำเดียวของท่านดอกหรือ?
    ถึงขอโทษแล้ว ก็ช่วยอะไรไม่ได้มาก!
    กรณีกลุ่มสามมิตรนี้ ไม่เพียงพลเอกประวิตรถามซื่อๆ ว่า "กลุ่มสามมิตร" เป็นใคร? 
    เมื่อวาน นายกฯ ประยุทธ์ก็ยังถาม ว่าสามมิตร สี่มิตร ห้ามิตร เป็นใครที่ไหน ไม่รู้จัก?
    ลองทั้งพี่ใหญ่และน้องเล็กบอก "ไม่รู้จัก" สามมิตรเป็นใคร
    ผมในฐานะคน "เกลียดตัวกินไข่ เกลียดปลาไหลกินน้ำแกง" จึงต้องไปค้นข่าวเก่าๆ ดู เพื่อความแน่ใจ
    เอาที่เว็บ "ประชาไท" เขารวบรวมแล้วร้อยเรียงเป็นข่าวไว้เดือนก่อน มาประมวลดูละกัน
    "กลุ่มสามมิตร" เกิดขึ้นจากการกลับมาร่วมงานทางการเมืองระหว่าง "สมศักดิ์ เทพสุทิน, สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ, สมคิด จาตุศรีพิทักษ์" 
    มีฐานหลักมาจากกลุ่มวังน้ำยมหรือกลุ่มมัชฌิมาเดิม ทั้งสามคน........
    มีส่วนสำคัญทำให้พรรคไทยรักไทยจัดตั้งรัฐบาลได้เมื่อปี ๒๕๔๔ 
    จากการเดินสายรวบรวม ส.ส.ในพรรคต่างๆ เพื่อเข้ามารวมกันในพรรคไทยรักไทย
    กลุ่มสามมิตร เปิดตัวเป็นทางการ เมื่อ ๑๘ มิ.ย.๖๑
    จากที่สมศักดิ์, สุริยะ พร้อมด้วย "ภิรมย์ พลวิเศษ" อดีต ส.ส.นครราชสีมา พรรคภูมิใจไทย และ "อนุชา นาคาศัย" อดีต ส.ส.ชัยนาท
     ไปพบ "ปรีชา เร่งสมบูรณ์สุข" อดีต ส.ส.เลย พรรคเพื่อไทย     และ "เปล่งมณี เร่งสมบูรณ์สุข" กับ "วันชัย บุษบา" อดีต ส.ส.เลย
    โดยปรีชาเปิดเผยว่า........
    สุริยะ สมศักดิ์ และเขา เคยอยู่พรรคกิจสังคมแล้วย้ายมาไทยรักไทยด้วยกัน 
    เห็นว่าน่าจะระดมสมอง นำนโยบายความคิดมาเป็นนโยบายสานต่อการพัฒนาประเทศ 
    โดยทางกลุ่มเรียกตัวเองว่า "กลุ่มสามมิตร" มีสุริยะเป็นหัวหน้ากลุ่ม 
    จากนี้ จะเดินสายไปจังหวัดต่างๆ คุยกับอดีต ส.ส. เพื่อหาแนวร่วม 
    เมื่อรวมกลุ่มเสร็จ........
    ก็จะพิจารณานโยบายของพรรคการเมือง 
    หากพรรคไหน มีนโยบายที่เป็นประโยชน์ ทางกลุ่มก็พร้อมสนับสนุน 
    ในเวลานี้ ยังไม่ได้ตัดสินใจว่าจะร่วมงานกับพรรคใด
    แต่นายสุริยะ บอกภายหลังว่า....
    "กลุ่มสามมิตร" จะร่วมงานกับพรรค "พลังประชารัฐ" สนับสนุนให้ "พลเอกประยุทธ์" เป็นนายกรัฐมนตรี คนต่อไป 
    เมื่อ ๒๗ มิ.ย.กลุ่มสามมิตร เชิญอดีต ส.ส.ประมาณ ๕๐ คน หารือที่สนามกอล์ฟ "ไพน์เฮิร์สท" 
    เพื่อรวมตัว เตรียมเข้าสังกัดพรรค "พลังประชารัฐ" 
    ที่มาหารือ ส่วนใหญ่จากภาคอีสาน เช่น จำลอง ครุฑขุนทด, สุภรณ์ อัตถาวงศ์, ภิรมย์ พลวิเศษ ทั้ง ๓ อดีต ส.ส.โคราช
    สมคิด บาลไธสง อดีต ส.ส.หนองคาย, เวียง วรเชษฐ์ อดีต ส.ส.ร้อยเอ็ด และ นพ.เปรมศักดิ์ เพียยุระ อดีต ส.ส.ขอนแก่น 
    นายสุริยะบอกเหตุผลรวบรวมอดีต ส.ส.เข้าร่วมพลังประชารัฐว่า 
    "อยากสนับสนุน พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้า คสช.เป็นนายกฯ ต่อไป"
    หารือกับ "นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์" รองนายกฯ, นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รมว.พาณิชย์ และนายอุตตม สาวนายน รมว.อุตสาหกรรม มาตลอด
    เห็นถึงความตั้งใจ "พลเอกประยุทธ์"
    จึงตัดสินใจที่จะช่วย เพราะเชื่อในความสามารถ 
    มั่นใจว่า "พรรคพลังประชารัฐ" จะได้คะแนนพอจัดตั้งรัฐบาล
    สุริยะบอกกับกลุ่มว่า.......
    "ขอให้ทุกคนลงพื้นที่ สอบถามความต้องการประชาชนว่าต้องการนโยบายอะไร 
    เพื่อนำมาสรุปเป็นนโยบาย 'นำเสนอผู้นำพรรค' ต่อไป"
    อืมมมม...
    เข้าใจแล้วล่ะ "กลุ่มสามมิตร" ก็คือ "หอกทิ่มหอก" นั่นล่ะ!
    "นายกฯ ประยุทธ์" วางตัวเป็น "เจ้าอาวาส" เคร่งศีล-เคร่งธรรม
    จะไม่รับรู้-รับเห็น ในการที่ญาติโยม ผู้มีจิตศรัทธา จะเข้าป่าล่าสัตว์ ลงทะเลล่าฉลาม หรือเข้าสวนหลังบ้านเด็ดผัก-เด็ดหญ้า
    ถึงเวลา ญาติโยมนำอาหารใดมาถวาย ท่านเจ้าอาวาสก็จะรับ และฉลองศรัทธา ฉันไปตามนั้น
    ท่านรองฯ สมคิดนั่นเอง เป็นเจ้าภาพใหญ่พรรค "พลังประชารัฐ"    
    และเป็นผู้ศรัทธา ออกล่าและไล่ต้อน เสือ-สิงห์-กระทิง-ฉลาม มาปรุงเป็นอาหาร เพื่อถวาย "ท่านเจ้าอาวาสประยุทธ์"
    เพราะอย่างนี้ นายกฯ ถึงบอก สามมิตร...สี่มิตร ใคร ไม่รู้จัก 
    ขืนรู้จัก ก็ศีลขาด ฉันไม่ได้น่ะซี!
    กลุ่มสามมิตร เจตนาชัด ไม่ตั้งพรรค แต่ขอเป็น "มุ้งเล็ก" กางอยู่ใน "มุ้งใหญ่" พลังประชารัฐ
    ถ้าแบบนี้ การเดินสายในนามกลุ่ม ถึงไม่ผิดกฎหมายแต่มันก็ผิดมรรยาทนักเลง 
    อย่าทำ อย่างที่เขาทำ..รู้เปล่า กู..ลูกใคร อย่างนั้นเลย
    ไม่ใช่อะไรหรอก......
    "ท่านเจ้าอาวาส" จะไม่กล้ารับประเคน 
    เพราะเขินน่ะซี!