เมื่อวานผมเขียนในคอลัมน์นี้ว่านักการทูตจีน หลี่ชุนหลิน ที่ปรึกษาและกงสุลใหญ่ประจำสถานทูตจีนในไทย ได้รับเชิญให้ไปร่วมแลกเปลี่ยนความเห็นในที่ประชุม "เที่ยวทั่วไทย ปลอดภัยทุกที่" เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว โดยมีรัฐมนตรีท่องเที่ยวและกีฬา คุณวีระศักดิ์ โควสุรัตน์ เป็นประธาน
เจ้าหน้าที่สถานทูตจีนได้แจ้งสถิติเรื่องอุบัติเหตุที่นักท่องเที่ยวจีนประสบในไทยว่า
นักท่องเที่ยวจีน 40% จมน้ำเสียชีวิตในประเทศไทย
ประเทศไทยเป็นเป้าหมายการท่องเที่ยวอันดับ 1 ของนักท่องเที่ยวจีนต่อเนื่องเป็นเวลา 3 ปี
ปี 2560 คนจีนออกไปเที่ยวต่างประเทศ 60 ล้านคน และ 1 ใน 6 นั้นมาไทย
นักท่องเที่ยวจีนเป็น 1 ใน 3 ของนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางมาประเทศไทย
ขณะเดียวกัน สถิติอุบัติเหตุของนักท่องเที่ยวจีนในไทยก็สูงที่สุด
ปี 2560 มีผู้เสียชีวิต 98 คนจากอุบัติเหตุ ในจำนวนนี้จมน้ำตาย 65 คน
ปีนั้นมีชาวจีนจมน้ำจากสถิติทั่วโลก 156 คน หมายความว่าคนจีน 40% จมน้ำเสียชีวิตในไทย
จากนั้นที่ปรึกษาสถานทูตจีนก็ได้ยื่น 4 ข้อเสนอแนะให้รัฐบาลไทยซึ่งรวมถึงการตรวจสภาพเรือและรถโดยสารอย่างละเอียด ลดความเสี่ยงและป้องกันไม่ให้เกิดอุบัติเหตุร้ายแรงซ้ำอีก
จีนยังเรียกร้องให้มีการตรวจระบบความปลอดภัยอย่างเข้มงวด เพราะเขาอ้างรายงานว่าเรือฟีนิกซ์มีจุดบกพร่องในการออกแบบหลายด้าน อู่ต่อเรือไม่ได้มาตรฐาน และก่อนปล่อยเรือออกทะเลก็ไม่มีการตรวจสอบอย่างเข้มงวด
เขาอ้างด้วยว่าอุบัติเหตุทางถนนในไทยก็มีสาเหตุมาจากรถโดยสารที่ให้บริการเสื่อมสภาพ มีอายุเก่าเกินไป
อีกข้อเรียกร้องหนึ่งคือ การให้จัดตั้งระบบการแจ้งเตือนภัยที่มีประสิทธิภาพสูงสุด หากสภาพอากาศแปรปรวนควรประกาศเตือนภัยโดยด่วน และส่งข้อมูลไปยังคนขับเรือและรถให้ทันการณ์ด้วย
ที่สำคัญคือจะต้องให้มั่นใจว่าการแจ้งเตือนภัยนั้นมีผลบังคับใช้ และลงมือปฏิบัติอย่างจริงจัง
ข้อสี่ในคำเรียกร้องของจีนคือ ให้จัดตั้งระบบกู้ภัยเมื่อเกิดเหตุให้มีประสิทธิภาพสูงสุด ควรมีการจัดการอบรมให้ทีมงานกู้ภัยมีความเชี่ยวชาญ รวมถึงอุปกรณ์กู้ภัยเมื่อเกิดเหตุแล้วควรเข้าถึงและจัดการได้อย่างทันท่วงที
อ่านรายงานนี้แล้วท่านรู้สึกไหมว่าทางการจีนกำลัง "สอน" เจ้าหน้าที่ไทยให้รู้จักทำหน้าที่ของตัวเอง
ข้อเสนอทั้ง 4 ประเด็นเป็นมาตรฐานปกติที่ประเทศไหนก็ควรจะต้องมีอยู่แล้ว ไม่ใช่เพียงเพื่อดูแลความปลอดภัยของนักท่องเที่ยวต่างชาติเท่านั้น หากแต่ยังเป็นมาตรฐานระดับต่ำสุดที่ทุกประเทศควรจะมีสำหรับประชาชนของตนเองด้วย
ในช่วงจังหวะเวลาเดียวกันนั้น ก็มีการประกาศว่าจะเปิดช่องตรวจคนเข้าเมืองที่สนามบินของไทยหลายแห่งที่จะขึ้นป้าย Chinese Passport แปลว่าจะให้คนถือหนังสือเดินทางจีนเข้าออกผ่านช่องนี้เป็นกรณีพิเศษ
ผมเห็นภาพนี้แล้วก็แปลกใจ เพราะในการเดินทางไปต่างประเทศบ่อยๆ นั้นยังไม่เคยเห็นสนามบินประเทศไหนมีช่องเข้าออกตรวจคนเข้าเมืองเป็นพิเศษสำหรับคนถือหนังสือเดินทางของประเทศใดประเทศหนึ่งโดยเฉพาะ
หากจะมี "ช่องพิเศษ" ก็จะเป็นการให้เป็นกลุ่มประเทศ เช่น EU, APEC หรือ ASEAN มากกว่าจะระบุชื่อประเทศ
ผมเข้าใจว่ามาตรการใหม่นี้เพื่อต้องการ "อำนวยความสะดวก" ให้นักท่องเที่ยวจีนหลังจากที่เกิดอาการ "ตกใจ" ทำให้จำนวนนักท่องเที่ยวจากจีนลดไปหลายแสนคน
แต่การแก้ปัญหาควรจะแก้ที่สาเหตุนั่นคือความกังวลเรื่องความปลอดภัย ไม่ควรจะแสดงออกถึงการ "เอาใจ" ด้วยการให้สิทธิพิเศษสำหรับคนชาติใดชาติหนึ่ง เพราะจะเป็นการส่งสัญญาณที่ผิดๆ ว่าประเทศไทยกำลังจะทำอะไรสำหรับนักท่องเที่ยวจีนมากกว่านักท่องเที่ยวจากประเทศอื่น ไม่ว่าจะเป็นญี่ปุ่น, อินเดีย, เกาหลีใต้, ยุโรป หรือประเทศอื่นใดที่มาท่องเที่ยวประเทศไทย แล้วก็มีความห่วงใยเรื่องความปลอดภัยไม่แพ้นักท่องเที่ยวจีนเช่นกัน
หากต้องการ "อำนวยความสะดวก" ให้นักท่องเที่ยวจีนเพราะมีจำนวนมากกว่าประเทศอื่น ก็ควรจะเสริมประสิทธิภาพการบริหารคิวของคนเข้าเมืองทั้งหมดไม่ว่าชาติไหน เพื่อให้ใช้เวลาผ่านการตรวจคนเข้าเมืองให้เร็วและคล่องตัว
ไม่ควรที่ไทยจะถูกมองว่ามอบสิทธิพิเศษแก่นักท่องเที่ยวจีนเพราะเขามีจำนวนมากกว่าเท่านั้น หากแต่ต้องแก้ปัญหาด้วยการทำให้ระบบการให้บริการนักท่องเที่ยวต่างชาติมีความคล่องตัวขึ้นในภาพรวม ซึ่งก็จะทำให้นักท่องเที่ยวจีนได้รับความสะดวกมากขึ้นอยู่แล้ว
การแก้ไขภาพลักษณ์ของประเทศเรื่องความปลอดภัยไม่ควรจะกลายเป็นการทำลายภาพลักษณ์ของประเทศ ในเรื่องการปฏิบัติต่อทุกประเทศอย่างเท่าเทียมและให้เกียรติเสมอเหมือนกัน
เรามีชื่อเสียงด้านดีในการต้อนรับขับสู้คนจากต่างถิ่น
"ยิ้มสยาม" ต้องยิ้มให้อาคันตุกะทุกคนเหมือนกัน อย่าโปรยยิ้มให้เฉพาะผู้มาเยือนบางกลุ่ม แต่ลืมแก้ปัญหาที่ต้นตอ!
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |