"ประยุทธ์" โต้ไม่เคยสั่งงดตรวจสอบทุจริตพวกเดียวกันเอง ยันปล่อยทุกอย่างตามกระบวนการ สตง.-ป.ป.ช.ก็ทำมาตลอด ทุกคนต้องทำหน้าที่ตัวเอง โว ขรก.ถูกฟ้องระนาวแต่ไม่มีใครรู้ เซ็นเองทุกอาทิตย์ "รสนา" บี้ศุลกากร-สรรพากรสอบนาฬิกา "เสี่ยป้อม" ทั้ง 25 เรือน นำเข้าเสียภาษีถูกต้องหรือไม่ พร้อมเรียกมาไต่สวนว่าเป็นของตนเองหรือยืมเพื่อน
ที่อิมแพค เมืองทองธานี วันที่ 22 มกราคม พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กล่าวตอนหนึ่งในระหว่างปาฐกถาในหัวข้อ "ผู้บริหารส่วนราชการกับการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ชาติ : One Country One Team" ให้ผู้บริหารระดับสูงว่า ปี 61 ต้องเปลี่ยนแปลงแก้ทุจริตให้ได้ ต้องใช้กฎหมาย กระบวนการยุติธรรม องค์กรอิสระตรวจสอบ แล้วทุกอันตอนนี้เราต้องเชื่อมั่นในกระบวนการยุติธรรมของเรา ไม่ใช่ไอ้นี่ไอ้นั่นไม่ได้ แล้วจะตัดสินด้วยอะไร สังคมเป็นแบบนี้หมดตอนนี้ แม้กระทั่งคดีความอยู่ในศาล ตัดสินออกมาแล้วยังบอกไม่ใช่ ไม่ถูกต้อง แล้วอย่างนี้จะเชื่อใคร มีการบอกญาติคนนี้คนนั้น อีกหน่อยญาติไม่ต้องทำงานที่อื่นแล้ว
"รัฐบาลนี้ใครบอกว่าผมไม่ตรวจสอบ ซึ่ง สตง., ป.ป.ช.ก็ทำมาตลอด ชี้แจงไป ถ้าชี้แจงได้ก็จบ ถ้าชี้แจงไม่ได้ก็นำไปสู่กระบวนการ ผมไม่เคยไปสั่งเขาได้เลย ไม่เคยพูดกับเขาว่าต้องหยุด หรือต้องทำอย่างไรไม่เคยพูด แล้วบอกว่ารัฐบาลนี้ไม่ต้องรับการตรวจสอบได้อย่างไร มันจะพวกเดียวกันได้อย่างไร ในเมื่อทุกคนต้องทำหน้าที่ของตัวเอง มันไม่ได้ตัดสินใจด้วยคนคนเดียว แต่ตัดสินด้วยคณะทำงาน ก็ไปว่ามา ไม่ใช่ว่าผมปฏิเสธความรับผิดชอบ อย่างที่หลายคนพูดว่ารัฐบาลนี้ไม่รับการตรวจสอบ และข้าราชการถูกฟ้องระนาวอยู่แต่ไม่มีใครรู้ ขึ้นศาลอยู่ ผมเซ็นทุกอาทิตย์ ความรับผิดชอบมีเป็นระดับไป ถ้าแยกแยะไม่ออกก็จะมีความขัดแย้งตลอดไป อย่าให้ใครมาตีตรงนี้ให้วุ่นวาย" พล.อ.ประยุทธ์กล่าว
ขณะที่ น.ส.รสนา โตสิตระกูล อดีต ส.ว.กรุงเทพฯ และอดีตสมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊กระบุว่า "ขอให้อธิบดีกรมศุลกากรและกรมสรรพากรตรวจสอบการเสียภาษีของนาฬิกาทั้ง 25 เรือนตามดำริของนายกฯ ให้เป็นไปตามกลไกของกฎหมาย"
โดย น.ส.รสนาระบุว่า วันนี้ตนได้ส่งหนังสือลงทะเบียนและเอกสารใบตอบรับไปยังอธิบดีกรมศุลกากรและอธิบดีกรมสรรพากร ขอให้ตรวจสอบการเสียภาษีของนาฬิกาที่พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหมสวมใส่ทั้ง 25 เรือน การที่พลเอกประวิตรให้สัมภาษณ์ว่านาฬิกาทั้งหมดยืมเพื่อนมาและคืนไปหมดแล้วนั้น ไม่เป็นเหตุทำให้กรมศุลกากรและกรมสรรพากรยุติการตรวจสอบ เพราะเป็นทรัพย์สินที่มีมูลค่าหลายสิบล้านบาท ตามพระราชบัญญัติศุลกากร พ.ศ.2560 มาตรา 157 (4) ให้อำนาจพนักงานศุลกากรมีหนังสือเรียกผู้นำของเข้ามาตรวจสอบหากมีเหตุอันควรสงสัยว่ามีการฝ่าฝืนกฎหมายศุลกากร
"การที่นาฬิกาหรูเป็นนาฬิกาที่ผลิตในต่างประเทศและพลเอกประวิตรสวมใส่นั้น ในเบื้องต้นต้องถือว่าพลเอกประวิตรเป็นผู้นำเข้า อธิบดีกรมศุลกากรมีอำนาจออกหนังสือแจ้งให้พลเอกประวิตรมาตรวจสอบว่ามีการเสียอากรขาเข้าถูกต้องหรือไม่ หากพลเอกประวิตรให้การว่ายืมนาย ก. นาย ข.มาสวมใส่ ตนไม่ใช่ผู้นำเข้า พลเอกประวิตรต้องพิสูจน์ให้สิ้นสงสัย โดยการนำนาย ก. นาย ข.นั้นมายืนยันพร้อมหลักฐานที่นาย ก. นาย ข.ซื้อมาจากร้านในต่างประเทศ เช่น ใบเสร็จรับเงิน ใบกำกับภาษีและใบรับประกัน หากไม่มีหลักฐานดังกล่าวนี้ มีแต่ข้ออ้างลอยๆ ว่าเป็นของนาย ก. นาย ข. ก็ไม่อาจรับฟังได้ว่าเป็นนาฬิกาของนาย ก. นาย ข. และต้องถือว่าเป็นนาฬิกาของพลเอกประวิตร พลเอกประวิตรก็ต้องถูกประเมินเรียกเก็บภาษีและต้องถูกดำเนินคดีอาญาฐานนำของเข้ามาในราชอาณาจักรโดยไม่ผ่านพิธีการศุลกากรและเสียภาษีให้ถูกต้อง แต่ถ้านาย ก. นาย ข.มีหลักฐานมาพิสูจน์ได้ว่าเป็นเจ้าของนาฬิกาจริงเพราะซื้อมาจริง มีใบเสร็จรับเงิน ใบกำกับภาษีและใบรับประกันมาเป็นหลักฐาน ก็ต้องพิสูจน์ต่อไปว่าได้เสียอากรขาเข้าแล้วหรือไม่ หากพิสูจน์ไม่ได้ก็มีความผิดตามมาตรา 242 และพลเอกประวิตรผู้สวมใส่นาฬิกาก็มีความผิดตามมาตรา 246 ที่รับของหนีภาษีไว้สวมใส่"
อดีต ส.ว.กรุงเทพฯ ระบุอีกว่า สำหรับอธิบดีกรมสรรพากรขอให้ใช้อำนาจตามประมวลรัษฎากร มาตรา 19 ออกหมายเรียกพลเอกประวิตรมาไต่สวนว่าเป็นนาฬิกาของพลเอกประวิตรหรือของเพื่อนให้ยืมสวมใส่ หากเป็นนาฬิกาของพลเอกประวิตร ก็ให้ตรวจสอบต่อไปว่าเงินที่พลเอกประวิตรนำมาซื้อนาฬิกานั้นได้เสียภาษีหรือยัง หากยังไม่ได้เสียภาษีก็ต้องประเมินให้เสียภาษีพร้อมเบี้ยปรับและเงินเพิ่ม ทั้งดำเนินคดีอาญาพลเอกประวิตร ฐานหลีกเลี่ยงภาษีอากรตามประมวลรัษฎากร มาตรา 37 ด้วย แต่ถ้าพลเอกประวิตรให้การว่าเป็นนาฬิกาของนาย ก. นาย ข. อธิบดีกรมสรรพากรต้องเรียกนาย ก. นาย ข.มาชี้แจงเรื่องภาษี หากยังไม่ได้เสียภาษีเงินได้ กรมสรรพากรก็ต้องประเมินให้เสียภาษีพร้อมเบี้ยปรับ และเงินเพิ่ม และดำเนินคดีอาญาต่อผู้ให้ยืม ฐานหลีกเลี่ยงภาษีอากรตามประมวลรัษฎากร มาตรา 37 เช่นเดียวกัน
"จึงขอให้อธิบดีกรมศุลกากรและกรมสรรพากรปฏิบัติหน้าที่ให้เป็นไปตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด และเป็นไปตามดำริที่ท่านนายกรัฐมนตรีกล่าวว่า.. ให้กลไกการตรวจสอบที่มาของนาฬิกาหรูเหล่านั้นดำเนินไปตามขั้นตอนของกฎหมาย.. การดำเนินการหรือไม่ดำเนินการของอธิบดีทั้ง 2 กรมจะเป็นข้อพิสูจน์ว่า กลไกตรวจสอบตามกฎหมายที่ท่านนายกรัฐมนตรีกล่าวอ้างถึงนั้น จะสามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพจริงหรือไม่ เมื่อผู้ที่ต้องถูกตรวจสอบอยู่ในตำแหน่งระดับสูงรองมาจากตำแหน่งของท่านนายกรัฐมนตรี!!??" น.ส.รสนาระบุ
นายประสาร มฤคพิทักษ์ อดีตสมาชิก สปช.กล่าวว่า กรณีนาฬิกาวนใส่ยืมมาจากเพื่อนนั้น ไม่ใช่ปัญหาวาทกรรมหรือปัญหาเล็กน้อยที่ควรลดราวาศอก แต่มันเป็นปัญหาจริยธรรมของสังคมไทยในระดับจิตสำนึกในที่นี้ มีข้อพิจารณาแยกเป็นสองด้าน คือความถูกผิดในข้อบัญญัติทางกฏหมาย ที่ ป.ป.ช.กำลังถูกสังคมจับตาอย่างใกล้ชิดว่าจะดำเนินการตรวจสอบอย่างเที่ยงธรรมได้แค่ไหน และระดับความรับผิดชอบทางจริยธรรมของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ซึ่งขึ้นอยู่กับจิตสำนึกของเจ้าตัวเป็นสำคัญ การแข็งขืนเท่ากับเชื่อมั่นในอำนาจว่าจะปกปักรักษาตำแหน่งไว้ได้ แต่นั่นคือการท้าทายพลังทางจริยธรรมของสังคมไทยครั้งสำคัญ ซึ่งแสดงออกผ่านสื่อทั้งในและนอกประเทศ รวมทั้งสภากาแฟทั่วประเทศ
นายประสารระบุว่า เวลานี้มี 3 ทางออกเท่านั้น คือ 1.เจ้าของปัญหาแสดงสปิริตลาออกตามเสียงเรียกร้องทั่วไป เท่ากับได้ปลดเครื่องหลังบนบ่าไหล่ของนายกฯ ลง ผ่อนเบาภาระคนอื่นไปได้มาก 2.นายกฯ ใช้มาตรา 44 สั่งพักงานพี่ใหญ่ไว้จนกว่าการตรวจสอบจะประกาศผล ไม่รู้ว่านายกฯ รู้สึกอย่างไรที่นายกฯ ใช้มาตรา 44 สั่งปลดอดีตผู้ว่าราชการฯ กทม.และนักการเมืองท้องถิ่นหลายตำแหน่งมาแล้ว ขณะที่จำใจต้องเว้นไว้ให้กับคนบางคนท่ามกลางสายตาสาธารณะ 3.ผู้ที่เป็นเจ้าของปัญหาดื้ออยู่ในตำแหน่งต่อไปโดยอ้างว่ารอการตรวจสอบของ ป.ป.ช.
"หากท่านคิดว่าพลังทางจริยธรรมของสังคมไทยไม่มีคุณค่าอะไร และยังถือว่าตำแหน่ง อำนาจ บารมี จะคุ้มครองได้ ก็จงเลือกทางที่สาม แล้วจะได้ประจักษ์ว่านาฬิกา 25 เรือนนั้น นอกจากบอกเวลาได้ ยังสามารถบอกหายนภัยได้ด้วย" นายประสารกล่าว.
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |