กรุงเวียนนาของออสเตรียสามารถโค่นนครเมลเบิร์นลงจากบัลลังก์แชมป์เมืองน่าอยู่ที่สุดในโลก 7 ปีซ้อนได้ตามการจัดอันดับของอีไอยูประจำปี 2561 นี้ ส่วนไทยขยับขึ้น 4 อันดับจากปีที่แล้วมาอยู่ที่อันดับ 98 จาก 140 เมืองทั่วโลก รั้วที่ 3 ในภูมิภาคนี้รองจากสิงคโปร์และกัวลาลัมเปอร์

แฟ้มภาพ นครเมลเบิร์นของออสเตรเลียครองแชมป์เมืองน่าอยู่ที่สุดในโลกมา 7 ปีซ้อน แต่ปีนี้ได้อันดับที่ 2 / AFP

    ผลการจัดอันดับของอีโคโนมิสต์อินเทลลิเจนซ์ยูนิต (อีไอยู) ซึ่งเผยแพร่เมื่อวันอังคารที่ 14 สิงหาคม 2561 ส่งให้เมืองหลวงของออสเตรียเป็นมหานครของยุโรปเมืองแรกที่สามารถครองแชมป์เมืองที่น่าอยู่ที่สุดในโลกของอีไอยูได้

    รายงานเอเอฟพีกล่าวว่า แต่ละปี หน่วยงานวิเคราะห์ในสังกัดอีโคโนมิสต์กรุ๊ปแห่งนี้จัดอันดับเมืองใหญ่ทั่วโลก 140 เมือง โดยคำนึงถึงปัจจัยหลายด้านในการให้คะแนนซึ่งมีเต็ม 100 คะแนน อาทิ มาตรฐานการดำรงชีวิต, อาชญากรรม, โครงสร้างพื้นฐานด้านการคมนาคม, การเข้าถึงการศึกษาและการดูแลสุขภาพ ไปจนถึงเสถียรภาพทางการเมืองและเศรษฐกิจ

    ปีนี้ กรุงเวียนนาได้คะแนน "เกือบสมบูรณ์แบบ" ที่ 99.1 คะแนน แซงนครเมลเบิร์นซึ่งได้อันดับสองด้วยคะแนนถึง 98.4 อันดับรองลงไปในท็อปเทนได้แก่ 3. โอซากา (ญี่ปุ่น) 4. แคลการี (แคนาดา) 5. ซิดนีย์ (ออสเตรเลีย) 6. แวนคูเวอร์ (แคนาดา) 7. โตเกียว (ญี่ปุ่น) และ โทรอนโต (แคนาดา) 9. โคเปนเฮเกน (เดนมาร์ก) และ 10. แอดิเลด (ออสเตรเลีย)

    นักวิจัยของอีไอยูกล่าวว่า เมืองที่ทำคะแนนได้ดีที่สุดมีแนวโน้มเป็นเมืองขนาดกลางในประเทศร่ำรวย หลายเมืองในท็อปเทนมีประชากรค่อนข้างเบาบาง ซึ่งเอื้อต่อกิจกรรมสันทนาการโดยไม่นำไปสู่การก่ออาชญากรรมในระดับสูงหรือเป็นภาระต่อโครงสร้างพื้นฐานมากนัก

    ออสเตรเลียและแคนาดาซึ่งมี 3 เมืองติดท็อปเทน มีสัดส่วนประชากรแค่ 3.2 และ 4 คนต่อตารางกิโลเมตรเท่านั้น ตามลำดับ เทียบกับอัตราเฉลี่ยของโลกซึ่งอยู่ที่ 58 คน/ตร.กม. อย่างไรก็ดี ญี่ปุ่นเป็นข้อยกเว้น โดยค่าเฉลี่ยความหนาแน่นประชากรทั่วประเทศญี่ปุ่นอยู่ที่ 347 คน/ตร.กม. แต่ญี่ปุ่นก็มีชื่อเสียงเรื่องเครือข่ายขนส่งที่ดีเยียมและมาตรฐานการครองชีพที่สูง

    ส่วนเมืองที่ไม่น่าอยู่ที่สุด ไล่จากอันดับล่างสุดขึ้นมาได้แก่ ดามัสกัส (ซีเรีย), ธากา (บังกลาเทศ), ลากอส (ไนจีเรีย), การาจี (ปากีสถาน), พอร์ตมอร์สบี (ปาปัวนิวกินี), ฮาราเร (ซิมบับเว), ตริโปลี (ลิเบีย), ดูอาลา (แคเมอรูน), แอลเจียร์ (แอลจีเรีย) และดาการ์ (เซเนกัล)

    สำหรับภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เมืองที่น่าอยู่ที่สุดได้แก่ สิงคโปร์ (อันดับ 37) ตามด้วยกัวลาลัมเปอร์ของมาเลเซีย (อันดับ 78) ส่วนกรุงเทพมหานครนั้น ปีนี้ได้อันดับ 98 ดีขึ้น 4 อันดับ จากอันดับ 102 ในปี 2560 ถือว่าขยับเข้าใกล้กรุงกัวลาลัมเปอร์มากที่สุดโดยห่างเพียง 20 อันดับ จากปีที่แล้วซึ่งห่างกันถึง 32 อันดับ

    ส่วนประเทศที่มีพัฒนาการดีที่สุดในช่วง 5 ปีนั้น ได้แก่ อาบีจาน (ไอวอรีโคสต์), ฮานอย (เวียดนาม), เบลเกรด (เซอร์เบีย) และเตหะราน (อิหร่าน).