14 ส.ค.61 - ผู้สื่อข่าวลงได้รับแจ้งว่า พบสถานที่ท่องเที่ยวเชิงประวัติศาสตร์ที่น่าสนใจ นักท่องเที่ยวที่เดินทางมาจังหวัดขอนแก่น ต้องไม่พลาดมาชมความงดงามของโบราณสถานที่สำคัญของชาติอีกแห่งหนึ่ง หลังรับแจ้งจึงลงพื้นที่ตรวจสอบที่วัดกู่ประภาชัย ต.บัวใหญ่ อ.น้ำพอง จ.ขอนแก่น ภายในเป็นที่ตั้งของกู่ประภาชัย หรือชาวบ้านเรียกกว่า กู่บ้านนาคำน้อย กรมศิลปากร กระทรวงวัฒนธรรม ขึ้นทะเบียนให้เป็นโบราณสถานเมื่อปี พ.ศ.2478
นายสุภาพ พัฒน์ใหม่ อายุ 66 ปี ปราชญ์ชาวบ้านบอกว่า กู่บ้านนาคำน้อย ตั้งอยู่ห่างจากตัวเมืองขอนแก่นประมาณ 57 กิโลเมตร ซึ่งกู่ในภาษาอีสานนั้น หมายความว่า ปราสาท โดยเป็นโบราณสถานที่มีลักษณะแผนผังเป็นอโรคยาศาล สร้างจากหินศิลาแลง สันนิษฐานว่าสร้างในสมัยพระเจ้าชัยวรมันที่ 7 แห่งอาณาจักรขอม ราวพุทธศตวรรษที่ 18 (พ.ศ. 1720-1780) ภายในบริเวณประกอบด้วยปรางค์ประธานรูปสี่เหลี่ยมจัตุรัสมีมุขยื่นทางด้านหน้า เป็นอาคารรูปสี่เหลี่ยมที่เรียกว่า บรรณาลัย ล้อมรอบด้วยกำแพงแก้ว โดยมีโคปุระหรือซุ้มประตูทางเข้าออกด้านหน้าหรือทางด้านทิศตะวันออกเพียงด้านเดียว นอกกำแพงมีสระน้ำ เชื่อกันว่าน้ำในสระเป็นน้ำศักดิ์สิทธิ์
ขณะที่ภายในบริเวณวัดแห่งนี้ร่มรื่นไปด้วยพันธ์ไม้นานาชนิด มีการจัดส่วนแสดงที่มีการบอกเล่ารายละเอียดความเป็นมาของกู่ประภาชัย นอกจากนี้ผู้ที่มาเที่ยวชมจะต้องกราบขอพรหลวงพ่อกู่ ซึ่งประดิษฐานอยู่ภายในพิพิธภัณฑ์ โดยหลวงพ่อกู่นี้ชาวบ้านในพื้นที่ให้ความเคารพเลื่อมใสศรัทธามานาน
"ผมเกิดมาก็เห็นกู่ เป็นองค์ตระหง่านอยู่ในป่าภายในวัดบ้านนาคำน้อยแห่งนี้แล้ว ในอดีตมีหญ้าขึ้นรก ต่อมาชาวบ้านก็ช่วยกันดูแลรักษาและกราบไหว้ตามความเชื่อ จนกระทั่งกรมศิลปากรได้เข้ามาบูรณะจนมีความสวยงาม มีนักท่องเที่ยวมาชม โดยเฉพาะกลุ่มนักเรียนนักศึกษาจะมาเป็นหมู่คณะเพื่อศึกษาหาความรู้ประวัติความเป็นมาของกู่ประภาชัยแห่งนี้ พร้อมกราบขอพรจากหลวงพ่อกู่ ที่ชาวบ้านมีความเชื่อกันว่าศักดิ์สิทธิ์ เคยมีนักท่องเที่ยวเอาหินในกู่กลับบ้านด้วย ขณะเดินทางก็ประสบอุบัติเหตุจนต้องเอาหินกลับมาคืนที่เดิม
ปัจจุบัน ชาวบ้านอัญเชิญหลวงพ่อกู่ ไปประดิษฐานในศาลาพิพิธภัณฑ์ ให้ประชาชนได้มากราบไหว้กันได้สะดวกยิ่งขึ้น พร้อมทั้งได้ชมสระน้ำศักดิ์สิทธิ์ ที่ชาวบ้านช่วยกันดูแลรักษามาตั้งแต่โบราณจนถึงปัจจุบัน น้ำไม่เคยแห้งและไม่เคยล้นเอ่อ แต่น้ำเต็มตลอดทั้งปี โดยในอดีตนั้นมีเรื่องเล่าขานกันมาว่าช่วงเดือนเมษายน หรือเดือนห้า จะมีการประกอบพิธีโยงสายสิญจน์รอบบ่อน้ำ พระสงฆ์ 9 รูป 9 วัด สวดเจริญพระพุทธมนต์ในวันเพ็ญ 15 ค่ำ เดือน 5 ประจำทุกปี และสรงน้ำรอบปราสาท โดยประชาชนสามารถตักเอาน้ำในสระกลับบ้านได้
นอกจากนี้ยังได้นำน้ำในบ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์ไปประกอบพระราชพิธีในวโรกาสต่างๆ 3 ครั้ง โดยครั้งแรกเมื่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 ทรงเจริญพระชนมพรรษาครบ 5 รอบ 60 พรรษา ครั้งที่ 2 เมื่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 ทรงเจริญพระชนมพรรษาครบ 6 รอบ 72 พรรษา และ ครั้งที่ 3 เมื่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 ทรงเจริญพระชนมพรรษาครบ 84 พรรษา เมื่อปี 2554”
นายสุภาพ กล่าวอีกว่า สำหรับหินก้อนใหญ่ที่วางอยู่ในแท่นหน้าอาคารพิพิธภัณฑ์และส่วนจัดแสดง นั้นในอดีตตนเองเคยบวชเป็นพระที่วัดกู่ประภาชัยมาหลายปี ทราบจากคำบอกเล่าของปู่ย่าตายายและคนสมัยก่อนว่า ในช่วงปีพ.ศ.2511-2522 มีชาวต่างชาติมาเที่ยวชมกู่ประภาชัยและเห็นหินก้อนใหญ่ และทราบความเป็นมาของหินว่า เป็นหินที่อยู่บนยอดไม้ ชาวต่างชาติจึงขอซื้อ 1 ล้านบาท แต่ชาวบ้านและพระสงฆ์ในวัดอยากได้ 1.5 ล้านบาทเพื่อจะเอาเงินมาสร้างวัด แต่ปรากฏว่า อยู่ๆรองเจ้าอาวาสฯในขณะนั้นก็ปวดท้องขึ้นมากระทันหัน ชาวบ้านจึงเข้าไปช่วยเหลือ แต่พระกลับบอกว่า ขายหินก้อนใหญ่ไม่ได้ เพราะมีพระธุดงค์ห่มจีวรมาบอกว่าไม่ให้ขาย ชาวบ้านและทางวัดจึงไม่ขายหินก้อนใหญ่ รวมทั้งได้พากันทำขัน 5 มาขอขมาหิน อาการปวดท้องของรองเจ้าอาวาสก็หายเป็นปลิดทิ้ง จึงเป็นที่มาของหินศักดิ์สิทธิ์หรือหินก้อนล้าน
นอกจากนี้ ในช่วงหน้าฝนก่อนจะทำนา ชาวบ้านจะร่วมกันประกอบพิธีบวงสรวงปรางค์กู่ โดยเอาเม็ดข้าว เม็ดงา เม็ดถั่ว พริก มะเขือมาใส่ห่อพร้อมดอกไม้ธูปเทียน ขัน 5 ขัน 8 ขัน 9 แล้วเอาใส่หาบให้ลูกหาบทั้งหญิงชายไปทำพิธีที่ปรางค์กู่ ปู่ภูทั้งเก้า ปู่ตาห้าหลัง ปู่หลังเขียวและปู่ผาแดง พร้อมเครื่องสักการะ ข้าวเหนียว ไข่ไก่ ไข่เป็ด เหล้าไห ไก่ตัว เมื่อทำทำพิธีเสร็จเรียบร้อยก็จะจุดบั้งไฟใหญ่ ถ้าบั้งไฟทะยานขึ้นก็ทำนายได้ว่าฝนฟ้าจะดี
อย่างไรก็ตามอยากให้นักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างชาติเข้ามาเที่ยวชมกู่ประภาชัย ได้สักการะบูชาสิ่งศักดิ์สิทธิ์เพื่อเป็นสิริมงคลต่อตัวเองและครอบครัว แต่สิ่งที่อยากฝากไว้คือ เมื่อเที่ยวชมแล้วก็ให้ช่วยกันดูแลรักษา ห้ามฉกฉวยเอาสิ่งของในวัดในปรางค์กู่ไปเด็ดขาด แต่น้ำในบ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์นั้นสามารถตักเอากลับบ้านได้อีกด้วย
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |