วันเสาร์ที่ผ่านมา พล.ท.ปิยวัฒน์ นาควานิช แม่ทัพภาคที่ ๔ บอกว่า
    "วันนี้เราจะไม่พูดถึงเรื่องอดีตของพูโลและบีอาร์เอ็น แต่เราจะพูดและทำเรื่องปัจจุบันและอนาคต 
    ขอยืนยันว่าพูโลและบีอาร์เอ็นไม่มีแล้ว มีแต่ผู้มีอิทธิพลและผู้ที่คิดร้ายกับประเทศชาติ นำเอาเรื่องของบีอาร์เอ็นและพูโลมาสร้างขึ้น เพื่อที่จะได้ใช้ในการสร้างอิทธิพล แสวงหาผลประโยชน์"
    วานนี้ กลุ่มก่อความไม่สงบเป็นชายวัยรุ่น ๒ คน ขับขี่รถจักรยานยนต์ ยี่ห้อฮอนด้า สกู๊ปปี้ไอ ไปจอดไว้ที่หน้าแผงขายเนื้อหมู ซอย ๓ ในตลาดพิมลชัย เขตเทศบาลนครยะลา
    จากนั้นไม่นานเกิดระเบิดขึ้น 
    ประชาชนเสียชีวิต ๓ คน บาดเจ็บอีกจำนวนมาก 
    การก่อความไม่สงบในพื้นที่ ๓ จังหวัดชายแดนภาคใต้ แม้จะลดน้อยลง แต่...ยังคงมีอยู่ 
    ในแง่ความรุนแรง แทบไม่ลดลง การล้มตายยังเกิดขึ้น 
    งานด้านความมั่นคงของรัฐบาล คสช. ถือว่ามีจุดเด่น เพราะเป็นงานถนัดของทหาร และขั้นตอนการถ่ายทอดคำสั่งสั้นลงเมื่อเทียบกับรัฐบาลพลเรือน 
    มองในแง่นี้พอจะมีความหวังว่า 
    ปัญหาพื้นที่ ๓ จังหวัดชายแดนภาคใต้น่าจะได้รับการแก้ไขให้ดีขึ้น
    อีกทั้งแม่ทัพภาคที่ ๔ ซึ่งถือว่าใกล้ชิดพื้นที่มากกว่าคนอื่น ออกมายืนยันว่า พูโลและบีอาร์เอ็นไม่มีแล้ว มีแค่กลุ่มอิทธิพล  
    แต่...มันเป็นเช่นนั้นจริงหรือ?
    ในมุมกลับ...การจัดการกับกลุ่มอิทธิพลที่แสวงหาผลประโยชน์ น่าจะง่ายกว่ากลุ่มที่มีอุดมการณ์แบ่งแยกดินแดนเป็นไหนๆ 
    และ คสช.แสดงให้เห็นแล้วว่าการจัดการกับผู้มีอิทธิพลทั่วประเทศนั้น ไม่ใช่เรื่องยากแต่อย่างใด 
    เรียกมาตบหัว ปรับทัศนคติก็อยู่ในโอวาทหมด
    วันนี้ ๓ จังหวัดชายแดนภาคใต้มีปัญหาหยั่งรากลึก มากกว่าเป็นเรื่องของผู้มีอิทธิพลที่มักฉวยโอกาสสวมรอยเสียมากกว่า 
    ขณะที่ "บิ๊กป้อม" รองนายกฯ ดูแลงานด้านความมั่นคง เอาตัวให้รอด ยังต้องเลือดสาด 
    ส่วน "บิ๊กตู่" เองถึงกับหลุดปากในเวทีสัมมนาข้าราชการระดับสูงวานนี้ว่า  
    "...ผมสวดมนต์ทุกคืน สวดให้ประเทศชาติ พระมหากษัตริย์ และตอนนี้ยังสวดมนต์ให้ คสช.ด้วยเอาตัวให้รอด..."
    เหมือน "ลุงตู่" จะพูดเล่นๆ แต่ในใจคงรับรู้ได้ว่า ยิ่งอยู่นานปัญหายิ่งเยอะ 
    ที่สำคัญเงื่อนไขที่เข้ารุมเร้านั้นยากที่จะแกะออกมากขึ้นไปทุกที เพราะมันพันกันไปหมด 
    ที่ ๓ จังหวัดชายแดนภาคใต้ การใช้ชีวิตให้ผ่านไปแต่ละวัน มันคือการมีชีวิตอยู่ต่ออีกวัน 
    และนั่นคือความเป็นจริง ในยุคที่รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง ใช้เวลาแต่ละวันเอาตัวรอดจากกรณีนาฬิกาเพื่อน.