โหมดเลือกตั้งใกล้เข้ามาช่วงต้นปีถึงกลางปี 2562 พร้อมกับ คสช. เตรียมคลายล็อกการเมืองในช่วงเดือนกันยายนนี้ ส่งผลให้นักการเมืองเริ่มแอคชั่น เรียกเรตติ้งกับฐานเสียงตัวเอง เริ่มที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ออกมาประเมินว่าการเมืองข้างหน้าจะเข้าสู่
“ยุคสามก๊ก”!!!
ประกอบด้วย ก๊ก 1 พรรคเพื่อไทย, ก๊ก 2 พรรคที่มีแนวทางสนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี อาทิ พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) หรือพรรครวมพลังประชาชาติไทย (รปช.) และ ก๊ก 3 ปชป. แสดงจุดยืนต่อต้านระบอบทักษิณ
โดยก๊กที่มีความน่าสนใจต้องยกให้ 2 ก๊กแรก โดยเฉพาะ นายทักษิณ และคนในครอบครัวถูกต้อนเข้ามุมอับด้วยคดีความต่างๆ มากมาย พร้อมด้วยกระแส ส.ส.พรรคเพื่อไทยถูกดูด ทำให้นายใหญ่ต้องแก้เกมเรียกความเชื่อมั่นด้วยชัยชนะ ไม่ใช่เพียงแค่ “landslide” แต่จะเป็นแบบ avalanche (อะวาแลนช์) หรือ "หิมะถล่ม"
เท่านั้นยังไม่พอ ยังบินมาเกาะฮ่องกง ทำสงครามแบทเทิลกับ คสช. โดยยืนยัน...
“อยากบอกทุกคนว่า ถ้าเราไม่ยอมแพ้ คำว่าแพ้มีได้ 2 กรณี คือ 1.แพ้เพราะตาย กับ 2.แพ้เพราะยอมไปเอง"
เช่นเดียวกับการวางตัวผู้นำทัพคนใหม่ โดยมีกระแสข่าวว่าคือ น้องเขย "สมชาย วงศ์สวัสดิ์" อดีตนายกฯ หรือไม่ก็เป็นหลานชาย คือ "ยศชนัน วงศ์สวัสดิ์" สามีและลูกชายของ “เจ๊แดง” เยาวภา วงศ์สวัสดิ์ น้องสาวทักษิณ และกระแสข่าวว่ายอมจ่ายท่อน้ำเลี้ยงให้ลูกพรรค
การเคลื่อนไหวของ นายทักษิณ แม้จะดูจริงจัง แต่ก็ไม่มีอะไรใหม่ และยังเกิดคำถามว่าจะสร้างความมั่นใจให้ลูกพรรคและผู้สนับสนุนเพียงใด หรือสุดท้ายแค่เลี้ยงพรรคไว้ไม่ให้ล่มสลาย และรอเวลาอันเหมาะสมจึงจะกลับเข้ามามีอำนาจเพื่อต่อรอง
เนื่องจาก คสช.ได้วางกับระเบิดไว้ทุกตารางนิ้ว โดยเฉพาะไพ่ใบสุดท้ายคือยุบพรรคเพื่อไทย หลังปรากฏว่า “นายใหญ่” มีส่วนการควบคุม ครอบงำ หรือชี้นำกิจกรรมของพรรคเพื่อไทยทางตรงและทางอ้อม ขัดต่อกฎหมายพรรคการเมือง
ผิดจากก๊กที่สนับสนุน คสช. คือ พรรค พปชร. และพรรค รปช. ที่กำลังคึกคักสร้างบทละครปั้น พล.อ.ประยุทธ์ เป็นพระเอก ขึ้นเสลี่ยงเป็นนายกฯ หลังการเลือกตั้ง
โดยช่วงนี้ “บิ๊กตู่” ฉวยโอกาสลงพื้นที่โกยคะแนนความนิยมแต่ฝ่ายเดียว อย่างเช่นล่าสุดแก้ปัญหาน้ำท่วมที่จังหวัดเพชรบุรี จนชาวบ้านเชียร์ให้
“อยากให้เป็นนายกฯ ไปตลอดชีวิตได้ไหม”
ขณะที่องคาพยพอื่นๆ ก็ทำงานคู่ขนานอย่างแข็งขัน ล่าสุด สนช.เตรียมใช้อภินิหารกฎหมายอีกรอบแก้ไข พ.ร.ป.ว่าด้วย กกต. เพื่อยกเลิกผู้ตรวจการเลือกตั้ง จำนวน 616 คน ท่ามกลางข้อสังเกตต้องการเปลี่ยนคนให้ตรงใจผู้มีอำนาจ หรือยื้อเลือกตั้งออกไป
ส่วนงานการเมือง กลุ่มสามมิตรกำลังจะไปเปิดตัวกับพรรค พปชร.ในช่วงเดือนสิงหาคมนี้ และเดินสายภาคอีสานดูด ส.ส.ฝ่ายตรงข้ามทักษิณอย่างดุเดือด เช่นเดียวกับพรรค รปช. ก็หวังเก็บคะแนน ส.ส.บัญชีรายชื่อ จากฐานเสียง กปปส.เดิม และรวมทั้งคะแนนภาคใต้กล่องดวงใจของพรรค ปชป.
แม้ละครทุกฉากจะถูกเซตเอาไว้อย่างดี แต่ก็ยังมีเงื่อนไขสำคัญที่ผู้สนับสนุนต้องการเรียกร้องจาก
“บิ๊กตู่” คือ “ลงบัญชีรายชื่อนายกรัฐมนตรี”!!!
“หม่อมเต๋า” ม.ร.ว.จัตุมงคล โสณกุล หัวหน้าพรรค รปช. ระบุว่า ถ้าไม่มาในระบบปาร์ตี้ลิสต์นายกฯ ของพรรคการเมืองก็จะเป็นเรื่องยาก เพราะการเลือกตั้งครั้งนี้เป็นเหมือนการเลือกนายกฯ ไปด้วย
สอดคล้องกับความเห็นของแกนนำกลุ่มสามมิตรท่านหนึ่งระบุว่า “บิ๊กตู่” ต้องลงบัญชีรายชื่อนายกฯ เบอร์หนึ่งในนามพรรคพลังประชารัฐ เพราะจะช่วยลบภาพเผด็จการให้จางลง เพราะยอมลงมาเล่นตามกติกาตั้งแต่ต้น
ยังลดเงื่อนไขการต่อต้านนายกฯ คนนอก แตกต่างจากเข้ามาก๊อกสองที่จะถูกมองเป็น “ศรีธนญชัย” และง่ายต่อการจุดไฟให้เกิดการต่อต้าน ดังเช่นบทเรียนในเหตุการณ์นองเลือดพฤษภาทมิฬที่ พล.อ.สุจินดา คราประยูร ผู้นำรัฐประหาร หลังเสียสัตย์เพื่อชาติเข้ามาเป็นนายกฯ โดยไม่ได้มาจากการเลือกตั้ง จนสุดท้ายทหารไม่มีที่ยืนในสังคม
การยอมเข้าสู่ช่องทางนายกรัฐมนตรีคนในตั้งแต่เริ่มต้น จึงสดใส ราบรื่น และปลอดภัยกว่า.
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |