วันแม่...หรือวันที่ 12 สิงหาคมผ่านพ้นไปแล้ววัน-สองวัน แต่สิ่งที่ยังไม่น่าจะผ่าน ยังเป็นอะไรที่เหมาะสม สอดคล้อง กับกาลสมัย ยุคสมัย ไปโดยตลอด โดยเฉพาะยุคนี้ สมัยนี้ นั่นก็คือ คำขวัญวันแม่ ปีพุทธศักราช 2559 ของสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ในรัชกาลที่ 9 ที่สามารถหยิบมาใช้เป็นแบบอย่าง แนวทาง สำหรับผู้ซึ่งต่างต้องมี แม่ ไปด้วยกันทั้งสิ้น...
--------------------------------------------------------
แม่อย่าง สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ในรัชกาลที่ 9 ท่านได้ทรงประทานคำขวัญวันแม่ไว้ตั้งแต่เมื่อช่วง 2 ปีที่แล้ว เป็นบทกลอนสั้นๆ เรียบๆ ง่ายๆ มีใจความว่า... สอนให้ลูกทั้งหลายเดินสายกลาง-ทำทุกอย่างพอดีมีเหตุผล-ประกอบด้วยคุณธรรมนำทางตน-ย่อมได้คนดีพอต่อบ้านเมือง แต่ถ้านำมาใคร่ครวญ พิจารณา ซัก 10 เที่ยว 20 เที่ยว เป็นอย่างน้อย อะไรที่สั้นๆ เรียบๆ ง่ายๆ นี่แหละ ออกจะเป็นอะไรที่ลึกซึ้ง ซับซ้อน กว้างขวางและใหญ่โต แถมยังสอดคล้อง เหมาะสม กับความเป็นไปของยุคสมัย ชนิด อกาลิโก หรือไม่ขึ้นอยู่กับกาล สถานที่ เอาเลยก็ว่าได้...
-------------------------------------------------------
คือคำว่า เดินสายกลาง หรือ ทางสายกลาง นั้น...สำหรับผู้คนในสังคมบ้านเรา คงไม่ถือเป็น คำใหม่ หรือคำที่แปลกออกไปจากการรับรู้ รับทราบ มากมายซักเท่าไหร่นัก เนื่องจากเป็นถ้อยคำที่บรรดา ชาวพุทธ มักหยิบมาใช้เป็นแบบอย่าง แนวทาง โดยอ้างอิงเอามาจากคำพูด คำตรัส ของ พระสัมมาสัมพุทธเจ้า นั่นเอง อย่างที่เรียกๆกันว่า มัชฌิมาปฏิปทา อะไรประมาณนั้น แต่แม้จะเป็นถ้อยคำที่คุ้นหูกันมานาน เคยได้ยิน ได้ฟังกันมานาน หากจะนำไปสู่ การปฏิบัติ แล้ว คงปฏิเสธไม่ได้ว่า...ออกจะเป็นอะไรที่ยากซ์ซ์ซ์เอาเรื่องมิใช่น้อย หรือเป็นอะไรที่ซับซ้อนเกินไปกว่าจะอาศัย สัญชาตญาณแบบดิบๆ เป็นเครื่องวัดตัดสินกันได้ง่ายๆ...
------------------------------------------------------
พูดง่ายๆ ว่า...เป็นสิ่งที่ต้องอาศัยทั้ง สติ และ ปัญญา เผลอๆ ต้องผนวกรวม สมาธิ เข้าไปอีกด้วย ถึงจะทำให้การปฏิบัตินั้นๆ มันไม่ออกไปทาง สุดโต่ง ไปในด้านหนึ่ง ด้านใด ไม่ตึงไป ไม่หย่อนไป อันเป็นลักษณะอาการโดยพื้นฐานของบรรดาผู้ซึ่งมักติดยึดอยู่ในสัญชาตญาณดิบทั้งหลาย ที่เมื่อมีอะไรมา กระทบ กับประสาทสัมผัสทั้ง 5 สัญชาตญาณ ไม่ว่าในแบบดิบ-ไม่ดิบ มันมักจะก่อให้เกิดการ ปรุงแต่ง อารมณ์ ความรู้สึก ออกมาในลักษณะตึงๆ หย่อนๆ กันไปตามสภาพ โอกาสที่จะเป็นไปในแบบกลางๆ มันจึงแทบไม่มี โดยเฉพาะถ้าหากไม่มี สติ และ ปัญญา เป็นเครื่องมือแยกแยะกันในระดับพื้นฐาน อย่างมาก...ก็อาจเป็นได้แบบ กลางกลวง หรือกลางแบบไม่รู้เรื่อง รู้ราว รู้ร้อน รู้หนาว อะไรกับใครเขาเลย...
----------------------------------------------------------
กลางแบบ มัชฌิมาปฏิปทา หรือแบบ ทางสายกลาง ที่ถูกนำมาเสนอไว้เป็นแบบอย่าง แนวทาง จึงเป็นกลางในแบบที่ต้องอาศัยสิ่งที่เหนือไปกว่าสัญชาตญาณดิบอย่างชนิดเยอะแยะ มากมาย ไม่ว่าจะเป็น ความมีเหตุ-มีผล, ประสบการณ์และวุฒิภาวะ ไปจนถึงสิ่งที่เรียกว่า คุณธรรม อันประกอบไปด้วยธรรมะในแต่ละรูป แต่ละแบบ ที่ต้องพยายามหล่อหลอมขึ้นมาภายในตัวของตัวเอง หรือ จิตสำนึก ของตัวเองให้จงได้ และด้วยแบบอย่าง แนวทาง การสอน การเสนอแนะ ไปจนถึงการฝึก การปฏิบัติ กันแบบจริงๆ จังๆ นั่นเอง โอกาสที่จะนำไปสู่สภาวะ ย่อมได้คนดีพอต่อบ้านเมือง มันถึงจะเป็นไปได้...
---------------------------------------------------------
โดยเฉพาะอย่างยิ่งในโลกยุคใหม่ สังคมสมัยใหม่...สิ่งที่เรียกว่า ความเป็นกลาง หรือ ทางสายกลาง ในลักษณะเช่นนี้นี่แหละ ถือเป็นสิ่งสำคัญเอามากๆ อาจเรียกว่า...ถือเป็นตัวชี้เป็น ชี้ตาย ชี้ถึงความเป็นไปในอนาคตของบ้านเมือง หรือแม้แต่โลกทั้งโลกเอาเลยก็ยังได้ เนื่องจากมันเป็นโลกในยุคที่สิ่งที่เรียกว่า เทคโนโลยี มันก้าวหน้า ก้าวไกล จนกลายเป็นทั้งตัวรองรับ และเป็นตัวกระตุ้น ให้ใครต่อใครสามารถงัดเอา สัญชาตญาณดิบ ของตัวเอง ออกมาใช้เป็นเครื่องมือในการปกป้อง คุ้มครอง หรือเครื่องมือในการทำร้าย ทำลาย ประหัตประหารกันและกันได้ทุกเมื่อ...
-----------------------------------------------------
เรียกว่า...เมื่อไหร่ที่สัญชาตญาณดิบ ปรุงแต่ง ให้เกิดความรัก ความชอบ ก็อาจไปไกลถึงขั้นพร้อมจะแหกทวารดม เกิดอาการหลงใหล ลุ่มหลง ชนิดขาดสติ ขาดปัญญา เอาง่ายๆ แต่เมื่อไหร่ที่สัญชาตญาณดิบ ปรุงแต่ง ไปในทิศทางตรงกันข้าม ให้โกรธ เกลียด เคียดแค้น อาฆาต พยาบาท ก็ออกมาใส่กันชนิดเละเทะ เละเทอะ เลอะเทะ กันไปเป็นข้างๆ ชนิดไม่คิดจะสนใจในเรื่องคุณธรรม มโนธรรม ขันติธรรม หรือแม้แต่ มนุษยธรรม เอาเลยแม้แต่น้อย ด้วยความก้าวหน้า ก้าวไกล ของ เทคโนโลยี ที่มันหมุนโลก เปลี่ยนโลก เปลี่ยนสังคมต่างๆ ให้เป็นไปในแนวนี้นั่นเอง สิ่งที่เรียกว่า ทางสายกลาง จึงเป็นสิ่งที่สำคัญเอามากๆ หรือสำคัญอย่างชนิดฉกาจฉกรรจ์เอาเลยก็ว่าได้...
----------------------------------------------------
ด้วยเหตุนี้...แม้ว่าวันที่ 12 สิงหาคม จะผ่านไปแล้ววัน-สองวัน หรือ คำขวัญวันแม่ ปีพุทธศักราช 2559 จะผ่านมาแล้วปี-สองปี แต่ทุกถ้อยคำ ทุกตัวอักษร ในบทกลอนสั้นๆ และเรียบๆ ง่ายๆ ที่ว่านี้ คงต้องนำมาจดจำ จดจารึกเอาไว้ในกะโหลกของบรรดาเราๆ-ทั่นๆ ทั้งหลาย ที่ล้วนแต่ต้องมี แม่ มาด้วยกันทั้งสิ้น ให้เป็นทั้งแบบอย่าง แนวทาง เป็นสิ่งที่ถูกนำไปปฏิบัติกันอย่างจริงๆ จังๆ ไม่ต่างไปจาก คำสอนของแม่ ของใครๆ ก็ย่อมได้ เพื่อให้ ได้คนดีพอต่อบ้านเมือง ไม่ว่าโลก หรือประเทศไทย จะหมุนเวียนเปลี่ยนผันไปในลักษณะไหนก็ตามที...
----------------------------------------------------
ปิดท้ายด้วยวาทะวันนี้ จาก High Roads of Literature... Wit and sense, virtues and human knowledge—all that might make this dull word a business of delight.-ปัญญา ไหวพริบ สติสัมปะชัญญะ คุณธรรมและความรู้ กล่าวโดยย่อก็คือ สิ่งทั้งหลายทั้งปวงที่จะเอื้ออำนวยให้โลกอันน่าเบื่อ กลายเป็นสถานที่อันน่าภิรมย์ชมชื่น...
----------------------------------------------------
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |