"Trinity Management" ศาสตร์ปลุกพลังชีวิตวัยเกษียณ


เพิ่มเพื่อน    

(เลือกบริโภคอาหารตามธาตุเจ้าเรือนเทคนิคสร้างความแข็งแรงให้สอดคล้องกับสุขภาพร่างกายของคนวัยเกษียณแต่ละคน)

    ปัจจุบันการดูแลสุขภาพของคนไทยมักเป็นไปแบบแยกส่วน พูดให้เข้าใจง่ายๆ คือจะมีคุณหมอที่ดูแลเฉพาะด้าน เป็นต้นว่า โรคตา โรคทางสมอง และโรคทางจมูก จากการตระหนักในเรื่องนี้ คอนโดมิเนียมสำหรับผู้สูงอายุอย่าง “โครงการ จิณณ์ เวลบีอิ้ง เคาน์ตี้” ได้เผยหลักสูตรการดูแลสุขภาพวัยเกษียณในเชิงบูรณาการแบบครบวงจร ที่ผสานความสมดุลของ “กาย ใจ และอารมณ์” เข้าไว้ด้วยกัน ทั้งนี้ เพื่อปลุกพลังให้ผู้สูงวัย ภายใต้แนวคิด “Trinity Management” หรือการรู้ตัวตนของมนุษย์ และมุ่งสร้างความสมดุลเพื่อปรับแก้ไขปัญหาสุขภาพที่แตกต่างกันของแต่ละคน ซึ่งประกอบไปด้วย ธาตุดิน, ธาตุน้ำ, ธาตุลม และธาตุไฟ เพื่อให้คุณตาคุณยายเป็นผู้สูงอายุที่สมบูรณ์ และมีสุขภาพที่แข็งแรงทั้งร่างกายและจิตใจ

(แพทย์หญิงกอบกาญจน์ ชุณหสวัสดิกุล)

    แพทย์หญิงกอบกาญจน์ ชุณหสวัสดิกุล รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มการแพทย์ “โครงการจิณณ์ เวลบีอิ้ง เคาน์ตี้” ให้ข้อมูลว่า “ศาสตร์การดูแลสุขภาพตาม “ธาตุเจ้าเรือน” เป็นองค์ความรู้ที่มีมายาวนานร่วม 100 ปี ทั้งนี้ก็เพื่อให้คนรักสุขภาพโดยเฉพาะผู้สูงอายุสามารถดูตัวเองได้อย่างถูกต้องและเหมาะสมกับโรคที่เป็น และหลักสูตรดังกล่าวก็สอดคล้องกับหลักแนวคิดของ “โครงการจิณณ์ เวลบีอิ้ง เคาน์ตี้” ที่ว่า “Trinity Management” หรือเป็นการนำพื้นฐานการแพทย์แบบมนุษย์ปรัชญามาใช้เพื่อสร้างความสมดุลให้กับร่างกาย จิตใจ และอารมณ์ (Body /Soul/Spirit) 
เริ่มกันที่ผู้สูงอายุ “ธาตุดิน” ที่เกิดระหว่างเดือน ต.ค., พ.ย., ธ.ค. ที่มักจะมีรูปร่างอ้วนและมีน้ำหนักตัวเกิน เนื่องจากกินไขมันมากเกินไป พูดง่ายๆ ว่าอาหารที่บำรุงธาตุดินนั้น ได้แก่ อาหารหวาน, มัน, เค็ม ดังนั้นวิธีที่ดีที่สุดก็ให้เลี่ยงอาหารหวาน, มัน และเค็ม รวมถึงแป้งที่ได้จากข้าวเช่นเดียวกัน ขณะเดียวกันก็ให้เลือกกินอาหารกลุ่ม รสฝาด, รสหวาน (ที่ได้จากผลไม้) และแป้งที่ได้จากข้าวซ้อมมือ หรือข้าวกล้อง เป็นต้น 
    ส่วนผู้สูงอายุ “ธาตุน้ำ” ที่เกิดระหว่างเดือน ก.ค., ส.ค., ก.ย. มักจะเป็นผู้ที่มีน้ำเป็นส่วนประกอบของร่างกาย มากกว่าธาตุอื่นๆ แม้ว่าน้ำจะองค์ประกอบอยู่ในทุกธาตุก็ตาม จะทำให้มักเจ็บป่วย เป็นโรคภูมิแพ้ และมักมีน้ำมูก น้ำตาไหล ดังนั้นอาหารบำรุงธาตุ ได้แก่ อาหารรสเปรี้ยว ซึ่งจะช่วยบำรุงน้ำในร่างกาย เพื่อทำให้เกิดความชุ่มชื่น 
    ด้านคนวัยเกษียณที่เกิด “ธาตุลม” หรือเกิดตั้งแต่เดือน เม.ย., พ.ค., มิ.ย. ซึ่งบุคลิกของชาวธาตุลมจะมีผมบาง สูงโปร่ง เป็นคนที่ค่อนข้างอารมณ์ดีและมักจะซุ่มซ่าม ขี้เบื่อง่าย ไม่ทำชอบงานที่อยู่กับที่ ที่สำคัญมักจะมีอาการท้องอืด พุงป่อง ดังนั้นอาหารที่ช่วยปรับธาตุเจ้าเรือน คืออาหารที่มีรสเผ็ดร้อน เพื่อช่วยขับลมในร่างกาย ลดอาการแน่น ท้องอืดท้องเฟ้อ เช่น ดื่มน้ำขิง หรือกินสมุนไพรเผ็ดร้อน อาทิ ข่า ตะไคร้ พริกไทย ดีปลี กระเทียม หอม ซึ่งสมุนไพรที่กล่าวมามักจะอยู่ในกลุ่มของเครื่องแกง หรือกลุ่มอาหารที่เป็นอาหารไทย เป็นต้น
    ปิดท้ายกันที่ผู้สูงอายุที่อยู่ใน “ธาตุไฟ” ได้แก่ ผู้ที่เกิดเดือน ม.ค., ก.พ., มี.ค. ซึ่งจะเป็นผู้ที่มีความมุ่งมั่น หากงานที่ทำไม่เสร็จก็จะไม่ยอมนอน เป็นคนหัวร้อน โมโหง่าย แต่ทำงานเก่ง และคนที่อยู่ในธาตุไฟก็มักจะเจ็บป่วยเป็นโรคไทรอยด์ ร้อนใน นอนไม่หลับ ตัวร้อน เนื่องจากระบบภายในร่างกายเกิดภาวะอักเสบได้ค่อนข้างง่าย นั่นจึงส่งผลให้ตับร้อน ทำให้มีกลิ่นปากและกลิ่นตัว ดังนั้นอาหารตามธาตุเจ้าเรือนก็จะเป็นอาหารที่มีรสขม เย็น และจืด เช่น มะระ สะเดา ฟักแฟง แตงกว่า แนะนำให้งดการรับประทานอาหารหวาน เพราะจะทำให้ร่างกายต้องใช้พลังงานในการเผาผลาญ 
    ในส่วนของการปรับสมดุลเรื่อง “จิตใจ” ของคนวัยเกษียณก็สำคัญ ยกตัวอย่างง่ายๆ เพียงแค่ให้ท่านลองปั่นจักรยานเพื่อออกกำลังกาย ก็จะทำให้คนวัยเกษียณรับรู้ได้ถึงการวิธีการทรงตัวและประคับประคองให้การออกกำลังดังกล่าวเป็นไปได้อย่างดี เมื่อนั้นท่านก็จะรู้สึกอิสระ เมื่อใจของเรามีอิสรภาพก็จะทำให้เป็นผู้สูงอายุตื่นรู้ หรือจิตใจมีความสมดุล พูดง่ายๆ ว่าช่วยทำให้ท่านสามารถประคองชีวิตได้ หมอขอยกตัวอย่าง การที่เราหัดปั่นจักรยานตอนเป็นเด็ก ที่ครั้งแรกเรามักจะกลัวๆ กล้าๆ แต่ถ้าหากเราสามารถเริ่มปั่นเองและทรงตัวได้ เมื่อนั้นเราจะรู้สึกดีใจมาก และความรู้สึกอิสระก็จะเกิดขึ้นกับเรา ทำให้จิตของเราเกิดความสมดุล ซึ่งมันก็คล้ายคลึงกัน

(เข้าสังคมและทำกิจกรรมที่ชอบวิธีส่งเสริมอารมณ์ ให้เกิดความแจ่มใส)

    ปิดท้ายกันที่การดูแล “อารมณ์” ให้แจ่มใสนั้น หมอขอแนะนำให้ผู้สูงอายุที่ชอบดุด่าลูกหลาน ลองเปลี่ยนมากล่าวอวยพรให้ลูกหลานมีแต่ความสุขสบาย หรือทำอะไรก็เจริญๆ ซึ่งถือเป็นเปลี่ยนจากอารมณ์ลบมาเป็นเรื่องบวก หรือเลือกสร้างความสงบให้จิตใจด้วยการทำบุญใส่บาตร ตลอดจนการเข้าสังคม รวมกลุ่มทำกิจกรรมต่างๆ หรือทำประโยชน์เพื่อสังคมด้วยการสมัครเป็นจิตอาสา สิ่งเหล่านี้ไม่เพียงช่วยสร้างความเพลิดเพลิน แต่ยังทำให้ผู้สูงวัยใช้ชีวิตได้อย่างมีคุณค่า
    “ประโยชน์ของการดูแลสุขภาพในแบบ “Trinity Management” ที่เริ่มจากการสร้างความแข็งแรงทางร่างกาย โดยการกินอาหารตามธาตุเจ้าเรือน ไล่มาถึงการสร้างความสมดุลให้จิตใจและสร้างอารมณ์ให้แจ่มใส สิ่งที่ผู้สูงอายุจะได้จากหลักสูตรนี้คือ รู้จักตัวเองทั้งร่างกายและจิตใจ อีกทั้งพร้อมที่จะเปลี่ยนแปลงตัวเอง เพื่อให้กลไกการทำงานของร่างกายสามารถปรับเปลี่ยนวิถีชีวิตให้มีสุขภาพดี รู้จักการมองโลกในแง่บวก ยกตัวอย่างง่ายๆ ว่า หากเด็กเติบโตมากับผู้ใหญ่ที่ขี้กลัว จะทำให้เด็กโตมาเป็นคนที่กลัวโลกในทุกๆ เรื่อง และเมื่อเสียชีวิตก็จะทำให้ดวงจิตตายไปพร้อมกับความกลัวโลก ดังนั้นเราต้องคิดบวกและมองโลกนี้ว่าดีงาม ซึ่งต้องผ่านกระบวนการสอนและอบรม ปลูกฝังที่ดีตั้งแต่ยังเล็กๆ จวบจนเติบโตเป็นวัยรุ่นและผู้สูงวัยที่มีคุณภาพ”.


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"