เวลาช่างผ่านไปรวดเร็วยิ่งนัก แว่บเดียวจะหมดเดือนมกราคม ปี 2561 กันแล้ว แค่ช่วงเดือนแรกของปีจอ ก็คงบ่งบอกสถานการณ์ในปัจจุบันได้เป็นอย่างดี ซึ่งภาคเอกชนต่างสุ่มเงียบไม่ยอมปริปากพูดถึงแผนในปีนี้กันมากนัก โดยเฉพาะแผนการลงทุนของผู้ประกอบการในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ที่เชื่อกันว่าในปี 2560 ที่ผ่านมา ยังไม่ค่อยมีค่ายไหนกล้าที่จะบอกหรือเผยข้อมูลของแผนการลงทุนกันมากนัก
แต่เมื่อผ่านพ้นในช่วงปลายปี 2560 ย่างก้าวเข้าสู่ปี 2561 จะเห็นได้ว่าผู้ประกอบการมีความมั่นใจมากขึ้น ซึ่งส่วนใหญ่จะมองจากภาพรวมของเศรษฐกิจโลกที่เริ่มปรับตัวฟื้นตัวได้ในทิศทางที่เหมือนเป็นประเด็นขายฝัน แต่มันไม่ใช่ฝัน ก็คงเป็นอย่างที่ทุกคนได้ข่าวคร่าวกันดีว่า ทุกอย่างมันออกมาในรูปแบบที่ดีเกินคาด มันดีจนส่งผลให้เศรษฐกิจของไทยในปี 2561 นี้ ดีตามและมีแนวโน้มเติบโตได้อย่างดีด้วย
ซึ่งจากการคาดการณ์ของหลายๆ ค่าย มองว่าในปีจอ นี้ภาพรวมเศรษฐกิจของประเทศ จะมีแนวโน้มเติบโตหรือมีอัตราการขยายตัวได้ดี ทั้งนี้จากการคาดการของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ หรือ สศช. คาดอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจ หรือจีดีพี ปี 2561 จะอยู่ที่ 3.6-4.6% เพิ่มขึ้นจากปี 2560 ที่ประมาณการว่าเศรษฐกิจไทยปีนี้จะขยายตัว 3.9% ในส่วนของภาคการส่งออก โดยกระทรวงพาณิชย์ยังคงมั่นใจและคาดการว่าจะเติบโตได้ที่ 5%
และด้วยปัจจัยบวกที่หนุนนำ ส่งผลให้เกิดความมั่นใจในหมู่นักลงทุนเป็นอย่างมาก เพราะนอกเหนือจากเศรษฐกิจของประเทศที่มีแนวโน้มฟื้นตัวได้ดีอย่างเห็นได้ชัดแล้ว ยังมีปัจจัยบวกอื่นๆ มาเสริมเพิ่มความมั่นใจเข้าปีอก นั่นก็คือ “การลงทุนของภาครัฐ” ซึ่งเป็นที่แน่นอนแล้วว่ามีความชัดเจนและมีการอนุมัติในหลายโครงการ เช่น การพัฒนาระบบคมนาคมขนส่ง เช่น การพัฒนาสร้างมอเตอร์เวย์ 3 สาย ซึ่งในแต่เส้นทางมีความคืบหน้าไปอย่างมาก
ทั้งนี้ เชื่อว่าเมื่อการก่อสร้างมอเตอร์เวย์แล้วเสร็จ จะช่วยให้เกิดคมนาคมขนส่งไปยังจังหวัดในภูมิภาคมีความสะดวกสบายมากและรวดเร็วมากยิ่งขึ้น ขณะที่การพัฒนาโครงการรถไฟฟ้าบีทีเอส ส่วนต่อขยายในสายต่างๆ รอบๆ กรุงเทพฯ นั้น ปัจจุบันก็เชื่อว่าความคืบหน้าการก่อสร้างก็เกือบจะใกล้แล้วเสร็จ เป็นที่แน่นอนว่าจะส่งผลให้ผู้บริโภคที่กระจายตัวอยู่กันรอบ กทม. จะได้เดินทางเข้ามายังใจกลางเมืองได้อย่างสะดวกด้วยเช่นกัน
เป็นที่แน่นอนว่า เมื่อรถไฟฟ้าสายต่างๆ แล้วเสร็จ จะส่งผลต่อราคาที่ดินตามแนวรถไฟฟ้ามีการขยับตัวสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว ส่งผลต่อราคาที่อยู่อาศัยตามแนวรถไฟฟ้าต้องมีการขยับตัวเกิดขึ้นแน่นอน โดยเฉพาะใจกลางเมือง หรือในย่านธุรกิจ ที่ราคาที่ดินขยับตัวสูงลิ่ว แต่ถึงกระนั้นผู้ประกอบการธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ก็ยังคงเดินหน้าหาซื้อที่ดินเพื่อนำมาพัฒนาโครงการโดยมุ่งเน้นเจาะกลุ่มลูกค้าในระดับบน หรือระดับไฮเอนด์ ที่มีกำลังซื้อ
อย่างไรก็ตาม ในปี ”จอ” นี้ ถึงแม้ราคาที่ดินในเมืองจะมีการปรับตัวเพิ่มสูงขึ้น แต่ด้วยความต้องการที่อยู่อาศัยในเมืองยังคงมีอย่างต่อเนื่อง ผู้ประกอบการภาคธุรกิจอสังหาริมทรัพย์จึงได้ตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคด้วยการพัฒนาโครงการที่สามารถทำให้ผู้บริโภคได้มีที่อยู่อาศัยหรือเป็นบ้านหลังที่สอง และง่ายต่อการเดินทางมากยิ่งขึ้น พร้อมกับนำนวัตกรรมเทคโนโลยีเข้ามาใช้ในโครงการเพื่อเพิ่มมูลค่าให้กับโครงการที่มีมูลค่าสูงและให้เข้ากับกลุ่มเป้าหมายของแต่ละโครงการที่พัฒนากันด้วย
สำหรับแผนพัฒนาโครงการใหม่ๆ ในปีนี้ของผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ ในเดือน ม.ค.2561 ที่ผ่านมา ก็ได้มีการเปิดประเดิมแถลงโครงการกันแบบเต็มเหนี่ยว เริ่มกันที่ บมจ.ลลิล พร็อพเพอร์ตี้ ในปีนี้มีแผนพัฒนาโครงการใหม่รวม 8-10 โครงการ มูลค่ารวมประมาณ 4,500-5,000 ล้านบาท
ตามมาด้วย บมจ.ศุภาลัย ตั้งเป้าเปิดตัวโครงการใหม่รวมจำนวน 35 โครงการ มูลค่าโครงการรวมกว่า 40,000 ล้านบาท, บมจ.เอพี (ไทยแลนด์) เปิดศักราชใหม่มา โชว์แผนความร่วมมือทางธุรกิจกับ มิตซูบิชิ เอสเตท กรุ๊ป (หรือ MECG) พัฒนาคอนโดมิเนียมร่วมกัน จำนวน 4 โครงการ มูลค่ารวมประมาณ 23,000 ล้านบาท
และนี้เป็นแค่เพิ่งเดือนแรกของปี 2561 เท่านั้น ผู้ประกอบการยังพาเหรดกันแสดงความพร้อมในการลงทุนกันขนาดนี้ ก็เท่ากับว่าใน ”ปีจอ” ทั้งปีนี้น่าจะมั่นใจได้แล้วว่าภาพรวมเศรษฐกิจของประเทศจะกลับมาเติบโตได้อย่างแน่นอน.
ศรยุทธ เทียนสี
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |