หนุ่มวัย 27 ขับกระบะพาแม่ไปธุระข้ามจังหวัด ระหว่างทางเกิดวูบหลับใน รถเสียหลักพุ่งลงข้างทางชนต้นไม้ใหญ่เต็มแรง แม่เสียชีวิต ตัวเองบาดเจ็บ สุดเสียใจ ร่ำไห้ก้มลงกราบเท้าแม่ ที่ขอนแก่น รถจักรยานยนต์ คนขี่ถูกรถที่วิ่งไปมาบดขยี้จนร่างแหลก ก่อนที่กระบะจะตามมาชนซ้ำ แล้วถูกกระบะอีกคันชนท้าย ส่วนที่เมืองชล แก๊งซิ่งเกี่ยวกันล้ม เสียชีวิตอีก 1
    เมื่อเช้าวันที่ 12 สิงหาคมนี้ ร.ต.อ.ศรัญยเพชร บุญรังสี รองสารวัตร (สอบสวน) สภ.หนองม่วง จ.ลพบุรี รับแจ้งจากศูนย์วิทยุ สภ.หนองม่วง ว่าเกิดเหตุรถยนต์ตกข้างทางชนต้นไม้ใหญ่ ที่ถนนพหลโยธิน หลักกิโลเมตรที่ 203-204 หมู่ที่ 3 บ้านชอนสารเดช อ.หนองม่วง มีผู้บาดเจ็บ 2 ราย จึงประสานแพทย์ รพ.หนองม่วง สมาคมกู้ภัยโคกสำโรงสงเคราะห์ และมูลนิธิการกุศลหนองม่วง ไปตรวจสอบ พบเป็นถนนสองเลน มีรถกระบะอีซูซุ สีบรอนซ์เงิน ทะเบียน บธ 477 สระบุรี ตกข้างทางชนกับต้นไม้ใหญ่ ด้านหน้าพังยับเยิน มีผู้บาดเจ็บ 2 รายติดคาซากรถตอนหน้า เจ้าหน้าที่กู้ภัยใช้อุปกรณ์ตัดถ่างเร่งช่วยเหลือคนเจ็บออกมาได้ แต่ปรากฏว่ารายหนึ่งคือนางละเอียด แก้วตา อายุ 61 ปี อยู่บ้านเลขที่ 45 หมู่ที่ 8 ต.หนองยาว อ.เมืองสระบุรี บาดเจ็บสาหัส เสียชีวิตในที่เกิดเหตุ
    นายยุทธนา แก้วตา อายุ 27 ปี คนขับ ได้รับบาดเจ็บศีรษะแตก มีบาดแผลตามลำตัว ให้การด้วยน้ำตานองหน้าว่า ผู้ที่เสียชีวิตคือแม่ของตนเอง ซึ่งได้รับออกจากบ้านที่ จ.สระบุรี เพื่อไปทำธุระที่ จ.พิจิตร เมื่อมาถึงจุดเกิดเหตุซึ่งเป็นถนนทางตรงยาว ตนเกิดวูบหลับใน ทำให้รถเสียหลักพุ่งตกข้างทางชนกับต้นไม้ใหญ่อย่างจัง แม่ซึ่งนั่งมาตอนหน้ากับตนถูกแรงกระแทกเสียชีวิต
    ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายยุทธนาได้ก้มกราบเท้าแม่ ร้องไห้คร่ำครวญอย่างน่าเวทนา สร้างความสะเทือนใจแก่ผู้ที่พบเห็น ก่อนที่เจ้าหน้าที่จะตัวนายยุทธนาส่ง รพ. ขณะที่ ร.ต.อ.ศรัญยเพชรอยู่ระหว่างสอบสวนรายละเอียดเพื่อดำเนินการตามกฎหมาย พร้อมทั้งนำร่างผู้เสียชีวิตส่งพิสูจน์ที่ รพ.หนองม่วง และแจ้งญาตินำศพกลับไปบำเพ็ญกุศลตามประเพณี
    ขอนแก่น เที่ยงคืนเศษ วันเดียวกัน ร.ต.อ.จันดา วงษ์ชา รองสารวัตรสถานตำรวจทางหลวง 2 กก.4 บก.ทล. (ตำรวจทางหลวงขอนแก่น) ได้รับแจ้งเกิดอุบัติเหตุบนถนนสายชนบท-บ้านไผ่ ต.เมืองเพีย อ.บ้านไผ่ จ.ขอนแก่น จึงไปตรวจสอบพร้อมประสานหน่วยกู้ชีพ กู้ภัย และแพทย์เวร รพ.บ้านไผ่ เข้าทำการตรวจสอบ ที่เกิดเหตุพบเศษชิ้นส่วนมนุษย์กระจัดกระจายอยู่ คาดว่าผู้เสียชีวิตเป็นเพศชาย ห่างไปไม่ไกลนักพบรถจักรยานยนต์ซูซูกิ สแมช สีบรอนซ์ ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน สภาพพังยับเยินล้มอยู่ ขณะที่บริเวณข้างถนน พบรถกระบะ 2 คัน สภาพพังยับเยินทั้งคู่ ประกอบด้วย รถยนต์กระบะอีซูซุ ดีแมคซ์ 4 ประตู สีขาว หมายเลขทะเบียน 5 กพ 7691 กทม. และรถกระบะอีซูซุ ดีแมคซ์ หมายเลขทะเบียน บย 4619 กาฬสินธุ์ โดยมีผู้ได้รับบาดเจ็บจำนวนมาก เจ้าหน้าที่จึงเร่งนำตัวส่ง รพ.บ้านไผ่ และ รพ.ชนบท เพื่อให้การช่วยเหลือ
    ร.ต.อ.จันดาเปิดเผยว่า จากการสอบปากคำผู้ที่เหตุการณ์ทราบว่า จุดที่เกิดเหตุนั้นเป็นช่วงที่ไม่มีแสงไฟฟ้าส่องสว่าง โดยพบรถจักรยานยนต์ซึ่งอาจจะประสบอุบัติเหตุก่อนหน้านี้ล้มลง และถูกรถที่สัญจรไปมาเหยียบจนชิ้นส่วนกระจัดกระจาย ก่อนที่รถกระบะคู่กรณีดังกล่าวขับมาแล้วเกิดอาการตกใจจึงเหยียบเบรกกะทันหัน จนเป็นเหตุให้รถกระบะอีกคันที่ขับตามมาพุ่งชนท้ายอย่างแรง และเสียหลักตกลงข้างทางทั้งคู่ อย่างไรก็ตาม จะมีการสอบปากคำพยานแวดล้อมและคนขับรถกระบะทั้ง 2 คัน เพื่อหาสาเหตุของการเกิดอุบัติเหตุที่แท้จริงต่อไป
    ชลบุรี เวลา 01.30 น. วันที่ 12 ส.ค. ร.ต.อ.สุทธิพล กลิ่นอุดม รองสารวัตร (สอบสวน) สภ.เมืองชลบุรี ได้รับแจ้งมีเหตุรถจักรยานยนต์เฉี่ยวกันล้ม มีผู้ได้รับบาดเจ็บ บนถนนบายพาสเลี่ยงเมืองชลบุรี ขาเข้ากรุงเทพฯ ช่วงหน้าปั๊มน้ำมันคุณภาพ หมู่ 1 ต.หนองรี อ.เมือง จ.ชลบุรี จึงไปตรวจสอบพร้อมกู้ภัยไตรคุณธรรม พบร่าง ด.ช.เกียรติรัตน์ ศุภนิจ อายุ 14 ปี สภาพมีบาดแผลแตกที่ศีรษะเป็นแผลฉกรรจ์ กู้ภัยพยายามปั๊มหัวใจยื้อชีวิต แต่ ด.ช.เกียรติรัตน์ทนพิษบาดแผลไม่ไหว เสียชีวิตในเวลาต่อมา ใกล้กันพบร่างนายกิตติภูมิ อรัญคีรี อายุ 17 ปี ได้รับบาดเจ็บถลอกตามร่างกาย กู้ภัยรีบนำส่ง รพ.ชลบุรี ที่เกิดเหตุพบรถจักรยานยนต์ยี่ห้อฮอนด้า ดรีม ซูเปอร์คัพ สีแดง ทะเบียน 2 กฉ 6721 ชลบุรี ของผู้ตายล้มอยู่ สภาพมีรอยครูด
    สอบถามพยานที่เห็นเหตุการณ์เผยว่า ผู้ตายและผู้ได้รับบาดเจ็บขี่รถจักรยานยนต์ไปยังบางแสนมาคนละคัน โดยขี่มาเป็นกลุ่มประมาณกว่า 10 คัน ลักษณะแข่งซิ่ง แล้วเกิดเกี่ยวกันเองล้มลง แต่พอรู้ว่าเพื่อนตาย กลัวความผิด ที่เหลือพากันขี่รถจักรยานยนต์หลบหนีไปหมด โดยมีคนขี่รถจักรยานยนต์ของนายกิตติภูมิ ผู้บาดเจ็บไปด้วย ซึ่งเจ้าหน้าที่จะได้รอสอบสวนนายกิตติภูมิ ผู้ได้รับบาดเจ็บ เพื่อจะได้ดำเนินการตามกฎหมาย.