22 ม.ค.61 - นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ให้สัมถาษณ์ ถึงกรณีที่คณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ (พ.ร.ป.) ว่าด้วยการเลือกตั้งสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) สภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ขยายเวลาบังคับใช้กฎหมายออกไป 90 วัน หลังจากมีการประกาศในราชกิจจานุเบกษา ว่าทราบเรื่องนี้มาล่วงหน้า 2สัปดาห์แล้ว เพราะมีคนมากระซิบบอกว่า เขาอยากจะเลื่อนเลือกตั้งโดยวิธีดังกล่าว จึงบอกคนที่มากระซิบข่าวนี้ว่า เป็นไปไม่ได้ เพราะตามรัฐธรรมนูญบังคับใช้ให้มีผลใน 150 วัน แต่พอมาเปิดรัฐธรรมนูญดูในภายหลังก็พบความจริงว่า มีการระบุว่า ให้นับจากวันบังคับใช้ ไม่ได้นับจากวันประกาศราชกิจจานุเบกษา ตนจึงเชื่อคนที่มากระซิบบอกข่าวว่า เรื่องนี้คงจะจริง แต่ตนไม่กล้าจะพูดอะไรก่อน เพียงแต่เข้าใจว่าฝ่ายที่อยากเลื่อนการเลือกตั้งออกไปคงจะหาช่องทาง แล้วเขาก็พบช่องทางนี้
“ถ้ามีคนถามว่า ผมรู้ล่วงหน้ามา 2 สัปดาห์แล้วทำไมถึงไม่พูด ก็เพราะว่าไม่ได้มีใครมาถาม ซึ่งผมจะไปพูดก่อนก็ไม่ได้ เดี๋ยวจะเป็นการกล่าวหาการทำงานของเขาทั้งที่ยังไม่มีมูล แต่ผมยืนยันว่ามีพยานที่ฟังอยู่ด้วย และก็ไม่ทราบว่าคณะกรรมาธิการฯทราบมานานแค่ไหนว่ามีช่องทางนี้เพื่อเลื่อนเลือกตั้ง เพราะที่ผ่านมาหากมีการพูดถึงการเลื่อนเลือกตั้งก็จะมองว่า อาจจะมีการคว่ำกฎหมายหรือไม่ ไม่เคยมีใครพูดถึงช่องทางนี้ แต่พอมีคนมากระซิบข่าวบอกผม แล้วผมมาดูรัฐธรรมนูญก็พบว่า มีช่องทางนี้อยู่จริงๆเมื่อพิจารณาแล้วจะพบว่าขั้นตอนนี้ไม่น่าจะเป็นขั้นตอนตามปกติในการพิจารณากฎหมาย ซึ่งพอมีข่าวเรื่องนี้มาก็มีคนออกมาปฏิเสธ แต่สุดท้ายก็เป็นไปตามข่าวที่ออกมา จึงมีขั้นตอนที่ผิดปกติไม่เป็นธรรมชาติอยู่หลายอย่าง” นายอภิสิทธิ์ กล่าว
นายอภิสิทธิ์ กล่าวอีกว่า ส่วนเหตุผลที่คณะกรรมาธิการฯให้มาจะเห็นได้ว่า ไม่เกี่ยวกับพ.ร.ป.ส.ส. แต่จะเกี่ยวข้องกับ พ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมือง ในเรื่องของการไม่ปลดล็อกมากกว่าที่จะมาอ้างเรื่องการทำไพรมารีโหวตทันหรือไม่ทัน ซึ่งความจริงถ้าห่วงพรรคการเมืองว่าจะทำไม่ทันจริงๆ ก็รีบปลดล็อตั้งแต่ตอนนี้ ปัญหาขณะนี้ก็เพราะว่าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ตัดสินใจยังไม่ปลดล็อก ดังนั้นทั้งหมดจึงไม่เกี่ยวกับ พ.ร.ป.ส.ส. หรือ พ.ร.ป. พรรคการเมือง แต่มันพัวพันอยู่กับการไม่ปลดล็อก ทั้งหมดเป็นเรื่องการตัดสินใจของ คสช.ถึงแม้ว่าจะเป็นหน้าที่ของ สนช. แต่สำหรับ คสช.หากประสงค์อย่างใดก็สามารถแก้ไขและทำได้
เมื่อถามว่า การยืดเวลาออกไปอย่างน้อย 90 วัน ใครได้ประโยชน์ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ตนมองว่าเสียงร้องว่ามีปัญหามาจากผู้ที่จะตั้งพรรคการเมืองใหม่ ส่วนตัวคสช. และ สนช.ก็อยู่นานขึ้นซึ่งเป็นไปโดยอัตโนมัติ ซึ่งการอยู่นานขึ้นจะดีขึ้นหรือเลวลงนั้น ก็ขึ้นอยู่กับการบริหารงาน อย่างไรก็ตาม มีการมองว่าขณะนี้มีฝ่ายที่อาจจะทำให้การเมืองยังไม่สงบ คสช.จึงไม่ยอมปลดล็อก แต่คสช.ก็ไม่เคยพูดออกมาให้ชัดว่าเป็นคนกลุ่มไหนอย่างไร ซึ่งเท่าที่ตนมองนั้น ไม่เห็นว่าการยืดเวลาออกไปจะเกิดประโยชน์หรือแก้ปัญหานี้ได้เลย ในทางตรงข้ามการเลื่อนออกไปแบบไม่มีความชัดเจนกลับกลายเป็นว่าจะเป็นการสร้างเงื่อนไขให้มีความขัดแย้งวุ่นวาย เพราะถ้าการเลื่อนเลือกตั้งครั้งนี้นำไปสู่ผลประโยชน์ส่วนตัวทางการเมือง จะอันตรายมาก เพราะเรื่องนี้เป็นสิ่งที่เราพยายามจะขจัดออกไปโดยการปฏิรูป ดังนั้น ถ้าไม่มีการให้ชี้แจงเหตุผลที่ชัดเจนว่า การเลื่อนเลือกตั้งจะมีผลประโยชน์กับส่วนรวมอย่างไรบ้าง ก็จะมีคำถามจากสังคมอีกเป็นร้อยคำถาม
ส่วนที่คณะกรรมาธิการฯมีการแก้ไขให้มีการหาเสียงโดยใช้มหรสพได้นั้น นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ตนแปลกใจว่าทำไมถึงกลับมาแนวทางนี้อีก ทั้งที่อยากให้ประชาชนทราบแนวคิดและนโยบายหาเสียงการเลือกตั้งอย่างสุจริต เที่ยงธรรม ทั้งนี้ การใช้มหรสพมีการห้ามมานานแล้ว เนื่องจากมีการจูงใจ อาจกลายเป็นช่องทางในการซื้อเสียงอีกรูปแบบหนึ่ง การทำแบบนี้จะเกิดปัญหาตามมาอีกเยอะ โดยเฉพาะเรื่องค่าใช้จ่ายที่ยุ่งยากในการตีมูลค่าพอสมควร ซึ่งเรื่องนี้ตนไม่เห็นด้วยอย่างแน่นอน เพราะเชื่อว่าเรามีหลายแนวทางที่จะกระตุ้นให้คนมีความสนใจในการเลือกตั้งมากกว่าการใช้มหรสพ.
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |