นายกฯ ลงพื้นที่ดูระดับน้ำเขื่อนเพชร มั่นใจไม่มีท่วมหนักแน่นอน ยันระบายน้ำให้ ปชช.ได้รับผลกระทบน้อยที่สุด วอนบางส่วนเสียสละเส้นทางน้ำ สั่งกำนัน-ผญบ.ทำความเข้าใจ ย้ำรัฐพร้อมเยียวยาชดเชย "ผบ.ทบ." เชื่อไม่ซ้ำรอยเหมือนปี 54 "จักรทิพย์" กำชับ ตร.ป้องกันมิจฉาชีพซ้ำเติมชาวบ้าน "ปภ." ระบุยังมีอุทกภัยใน 11 จังหวัด
เมื่อวันพุธ ตั้งแต่เวลา 08.50 น. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) พร้อมด้วย พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย, นายกฤษฎา บุญราช รมว.เกษตรและสหกรณ์, นายฉัตรชัย พรหมเลิศ ปลัดกระทรวงมหาดไทย, นายสมเกียรติ ประจำวงษ์ เลขาธิการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ, พล.ท.กู้เกียรติ ศรีนาคา แม่ทัพภาคที่ 1 ลงพื้นที่ตรวจราชการ จ.เพชรบุรี หลังสถานการณ์ระดับน้ำในเขื่อนแก่งกระจาน จ.เพชรบุรี อยู่ในขั้นวิกฤติ น้ำล้นสปิลเวย์ และมีแนวโน้มว่าจะไหลบ่าท่วมขังใน 5 อำเภอ
โดย พล.อ.ประยุทธ์และคณะได้เดินทางมายังโครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาเพชรบุรี (เขื่อนเพชรบุรี) ต.ท่าคอย อ.ท่ายาง ด้วยรถโตโยต้า อัลพาร์ด ทะเบียน 7 กห 7024 ซึ่งทันทีที่นายกฯ เดินทางมาถึงเขื่อนเพชร ได้กล่าวทักทายข้าราชการและเจ้าหน้าที่ที่มาต้อนรับด้วยสีหน้ายิ้มแย้มแจ่มใสทันที
"เห็นรอยยิ้มแล้วก็โอเคนะ มาให้กำลังใจ ทุกคนทำได้ดีแล้ว สถานการณ์ไม่ได้หนักหนาสาหัสอย่างที่คิด"
จากนั้นนายกฯ เยี่ยมชมและรับฟังบรรยายสรุปภาพรวมการบริหารจัดการน้ำของ จ.เพชรบุรี พร้อมกล่าวว่า อยากฝากสื่อมวลชน 2 เรื่องว่า สถานการณ์ยังไม่ถึงขนาดนั้น แน่นอนมันต้องมีการท่วมขังบ้าง แต่ข้อสำคัญคือเราจะมีมาตรการและเตรียมการอย่างไร ซึ่งสิ่งที่เราทำวันนี้คือการป้องกัน การเก็บกักน้ำ เพื่อใช้ไปถึงหน้าแล้งด้วย เพราะว่าการระบายน้ำหมดถือว่าไม่ใช่ นี่จึงเรียกกว่าการบริการจัดการน้ำ และทำอย่างไรจะมีน้ำเก็บไว้หน้าแล้ง ทำอย่างไรจะบรรเทาความเดือดร้อนประชาชนให้ดีที่สุด และได้รับผลกระทบน้อยที่สุด
"นอกเหนือจากการบริหารจัดการน้ำ ก็จะเป็นมาตรการช่วยเหลือผู้ประสบภัย จึงขอให้ทุกคนระมัดระวังการเสนอข่าว เพราะไม่สามารถห้ามสื่อมวลชนได้ แต่อย่าทำให้สถานการณ์ดูหนักมากเกินไป เราจะแก้ไขให้ดีที่สุด และต้องใช้เวลา ที่พูดแบบนี้เพราะสื่อมวลชนรอผมอยู่ข้างนอกเยอะ" นายกฯ กล่าว
ต่อมา พล.อ.ประยุทธ์ได้ไปตรวจดูการระบายน้ำที่บริเวณสันเขื่อนเพชร โดยมีชาวบ้านคอยต้อนรับ ซึ่งพล.อ.ประยุทธ์กล่าวระหว่างพบปะกับชาวบ้านในบริเวณดังกล่าวว่า ขอให้ทุกคนมั่นใจ แต่จะไม่ให้น้ำท่วมเลยก็จะลำบาก ต้องท่วมให้น้อย และท่วมในระยะเวลาอันสั้น รวมทั้งต้องมีผลกระทบกับประชาชนให้น้อยที่สุด
"ขณะนี้รัฐบาลดูทุกเรื่อง ซึ่งก่อนหน้านี้ได้มีการพร่องน้ำไปแล้ว 42 เปอร์เซ็นต์ จึงสามารถรับน้ำไว้ได้ในตอนนี้ หากไม่มีการพร่องน้ำมาก่อนก็จะมีปัญหาทั้งหมด ซึ่งทุกอย่างคือการบริหารจัดการน้ำ อีกทั้งที่ผ่านมายังได้สั่งการให้ขุดคลองเพิ่มที่คลอง D9 ซึ่งยังต้องมีการดำเนินการอีกหลายคลอง แต่บางจุดเป็นพื้นที่ของประชาชน ไม่ใช่ของหลวง นั่นคือปัญหาของเรา ถ้าประชาชนไม่ให้ขุด ก็ขุดยาก จึงต้องไปดูว่าจะแก้ปัญหาได้อย่างไร และอะไรที่ต้องเสียสละกันบ้าง ซึ่งรัฐบาลก็จะมีการชดเชยและดูแลให้อยู่แล้ว" พล.อ.ประยุทธ์กล่าว
นายกฯ ยังชักชวนให้ประชาชนดูรายการเดินหน้าประเทศไทย ในเวลา 18.00 น. ถึงการบริหารจัดการน้ำของรัฐบาลด้วย โดยบอกอีกว่า ในพื้นที่อีสานและพื้นที่ภาคใต้ ก็เจอสถานการณ์น้ำที่หนักกว่าตรงนี้อีก และช่วงนี้ก็จะมีมรสุมเข้ามาด้วย ขอให้ประชาชนที่ดูทีวีอย่าตกใจ ให้ดูที่ข้อเท็จจริง เพราะสถานการณ์น้ำไม่ได้หนัก รัฐบาลได้เตรียมมาตรการดูแลไว้ทั้งหมด ทั้งคน พืช สัตว์ ถ้าได้รับผลกระทบมาก แต่คิดว่าน้ำจะท่วมไม่นาน เพราะรัฐบาลมีมาตรการดูแลในทุกอำเภอ ไม่ต้องไปตื่นเต้นตกใจตามข่าวที่ออกมา
ยันไม่มีน้ำท่วมหนัก
"หากประชาชนมีทรัพย์สินที่มีค่าก็ให้ยกไว้ในที่สูงหนีน้ำไว้ และถ้าน้ำท่วมมากก็ย้ายไปอยู่ที่อื่นก่อน ภาครัฐจะดูแลบ้านเรือนให้ ถ้าเราเตรียมความพร้อมกันไว้ตั้งแต่วันนี้ วันข้างหน้าถ้าเกิดอะไรขึ้นก็จะรับมือได้ น้ำมาเดี๋ยวมันก็ไป" นายกฯ กล่าว
เวลา 11.00 น. พล.อ.ประยุทธ์และคณะเดินทางต่อมาที่ประตูระบายน้ำปลายคลองส่งน้ำ D9 ต.ปึกเตียน อ.ท่ายาง จ.เพชรบุรี ตรวจเยี่ยมการขยายคลองชลประทานเชื่อมต่อกับคลองระบายน้ำ D9 โดยมีประชาชนรอต้อนรับเช่นกัน
พล.อ.ประยุทธ์กล่าวกับประชาชนว่า ที่มาวันนี้เพื่อตรวจความเรียบร้อยในการเตรียมการรับมือปริมาณน้ำที่อาจจะเพิ่มมากขึ้น ซึ่งขณะนี้รัฐบาลได้เร่งเดินหน้าโครงการในการขยายคลองชลประทาน ขอถามใครได้รับความเดือดร้อนจากการขุดคลองชลประทานเพื่อระบายน้ำบ้าง
ชาวบ้านบางส่วนตอบว่า ได้รับความเดือดร้อนบ้าง นายกฯ จึงกล่าวว่า ตนอยากให้ประชาชนในพื้นที่สานต่อโครงการ และเสียสละพื้นที่ของตนเองบางส่วนเพื่อสาธารณประโยชน์ โดยให้กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ช่วยกันสร้างความเข้าใจกับประชาชนถึงผลประโยชน์ที่จะได้รับ และในอนาคตจะได้ใช้คลองดังกล่าวเป็นที่กักเก็บน้ำไว้ใช้ในช่วงฤดูแล้ง ซึ่งการขุดคลองจะต้องมีผู้ได้รับความเดือดร้อนบ้าง ถือเป็นเรื่องปกติ
“ต้องเข้าใจร่วมกัน ความต่อเนื่อง ความเชื่อมโยง ทุกอย่างเหมือนกับคนที่มีเส้นเลือดใหญ่ เส้นเลือดกลางเส้นเลือดฝอย น้ำก็เหมือนกัน ถ้าทำแค่หลักอย่างเดียว ไม่ทำเส้นเลือดกลางเส้นเลือดฝอยมันไปไม่ทั่วร่างกาย แขนขาก็ไม่มีแรง ก็ต้องเริ่มแบบนี้นะ ใครสัญญากับนายกฯ บ้าง แบบนี้ไปได้แน่นอน ใครเป็นเจ้าของต้นทาง 4 กม. ผมขอนะ ขอหน่อยแล้วกัน เดี๋ยวเขาดูแลให้ว่าอะไรยังไง ถึงแม้จะเป็นที่ของประชาชน ก็จ่ายค่าทดแทนอะไรเท่าไหร่ ถ้าไม่อย่างนั้นน้ำก็จะไม่ไหลมา เพราะ 4 กม.ต้นทางไม่มาขอให้กำนันไปช่วย” นายกฯ กล่าว
พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า สถานการณ์ในขณะนี้ตนเองมีความเป็นห่วงอยู่บ้าง ส่วนตัวไม่อยากให้มีประชาชนได้รับผลกระทบแม้แต่คนเดียว แต่หากจะต้องเกิดเหตุการณ์น้ำท่วมขึ้นจริง ก็ขอให้ท่วมในปริมาณไม่มาก และท่วมไม่นาน และอยากให้มองว่าไม่ใช่แค่เพียงประเทศไทยที่เกิดเหตุน้ำท่วม แต่ประเทศอื่นก็เกิดเหตุอุทกภัยเช่นเดียวกัน ทั้งเวียดนาม ลาว เมียนมา ซึ่งประชาชนต้องมีการเตรียมความพร้อม
"การลงพื้นที่วันนี้ ไม่ได้มาเพื่อหวังผลทางการเมือง และไม่กลัวจะเสียคะแนนเสียงใดๆ เพราะว่าผมไม่มีคะแนนเสียงกับใคร และขอให้ประชาชนอย่าหลงเชื่อคนที่มาสัญญาว่าจะให้สิ่งตอบแทนใดๆ ก็ตาม หรือเชิญชวนให้เข้าไปในกรุงเทพฯ เหมือนที่ผ่านมา ที่มีการจัดรถรับ-ส่งในหลายพื้นที่ ซึ่งที่ผ่านมาประชาชนตกเป็นเครื่องมือทางการเมือง ขอให้ประชาชนไปเลือกตั้ง และต้องพิจารณาให้ดี ยืนยันว่าการจัดสรรงบประมาณ เป็นไปตามความเหมาะสมและเร่งด่วนในการจัดสรรงบฯ" พล.อ.ประยุทธ์กล่าว
ช่วงบ่าย พล.อ.ประยุทธ์เดินทางมาที่วัดคุ้งตำหนัก ต.บางตะบูน อ.บ้านแหลม จ.เพชรบุรี เข้ากราบนมัสการพระครูนิเทศวัชรธรรม (พระอาจารย์สุพจน์) เจ้าอาวาสวัดคุ้งตำหนัก พระนักปฏิบัติ เกจิเชื้อสายรามัญ (มอญ) ซึ่งเป็นที่เคารพศรัทธาของพุทธศาสนิกชน เชื่อกันว่ามีอาคมขลัง โดยไม่อนุญาตให้สื่อมวลชนเข้าสังเกตการณ์
พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า จากการลงพื้นที่ดูสถานการณ์น้ำ สามารถรับมือได้อยู่ การแก้ปัญหา การแจ้งเตือน การเตรียมมาตรการช่วยเหลือ ทำไว้ครบหมดแล้ว
"ทั้งหมดยืนยันจะไม่มีน้ำท่วมหนักอย่างแน่นอน และยังไม่มีการรายงานความเสียหายเข้ามา แต่ยังต้องเฝ้าดูสถานการณ์ต่อไป ซึ่งที่ผ่านมาปริมาณน้ำเพิ่มขึ้นเพียงวันเดียว จึงทำให้น้ำขึ้นเต็มเขื่อนแก่งกระจาน คนจึงวิตก" พล.อ.ประยุทธ์กล่าว
พร่องน้ำช่วยเมืองเพชร
ขณะที่นายทองเปลว กองจันทร์ อธิบดีกรมชลประทาน กล่าวว่า สถานการณ์น้ำในเขื่อนแก่งกระจานขณะนี้มีน้ำกว่า 730 ล้านลูกบาศก์เมตร ทำให้น้ำล้นสปิลเวย์ สูงประมาณ 46 เซนติเมตร ซึ่งปริมาณน้ำดังกล่าวจะไม่ส่งผลกระทบกับพื้นที่ท้ายเขื่อน ยกเว้นรีสอร์ตที่มีตลิ่งต่ำจะได้รับผลกระทบอยู่บ้าง
นายทองเปลวกล่าวว่า สำหรับเขื่อนเพชร ปริมาณน้ำท้ายเขื่อน 95 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที จะไม่ส่งผลต่อ อ.ท่ายางและ อ.เมืองฯ ที่มีคนบอกน้ำจะท่วมเมื่อคืน ตนยืนยันว่าในช่วงนี้ไม่มีผลกระทบ คาดว่า อ.เมืองฯ จะได้รับผลกระทบประมาณวันที่ 12 ส.ค. เนื่องจากน้ำจะผ่านเขื่อนเพชรปริมาณ 140-160 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที จะทำให้ อ.เมืองฯ และ อ.บ้านแหลม มีปริมาณน้ำสูงขึ้น 20-50 เซนติเมตร ซึ่งทางจังหวัดและหน่วยงานเกี่ยวจะป้องกันให้ดีที่สุด
"บริเวณหน้าเขื่อนเพชร ตรงคลองระบายน้ำ D9 ที่ยังไม่เสร็จร้อยเปอร์เซ็นต์ คาดการณ์ว่าหากเสร็จแล้วจะรองรับน้ำได้ 35 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที ซึ่งจะเป็นตัวช่วยตัดน้ำไม่ให้เข้า อ.เมืองฯ แต่อย่างไรก็ตาม น้ำจะท่วมขังในพื้นที่บ้านแหลมเป็นเดือน เพราะพื้นที่ติดกับทางออกของน้ำ ซึ่งเราจะใช้วิธีการผลักดันน้ำเพื่อลดระดับ โดยติดตั้งเครื่องผลักดันน้ำกว่า 40 เครื่อง และมีการติดตั้งเครื่องสูบน้ำในพื้นที่เสี่ยงหลายพื้นที่ ขณะที่ในส่วนตัวเมืองจะมีปริมาณน้ำขัง 30-50 เซนติเมตร จะอยู่ประมาณ 7-10 วัน แต่อย่างไรก็ตาม สถานการณ์น้ำปัจจุบันที่ไหลเข้าเขื่อนแก่งกระจานลดลงทุกวัน ซึ่งเป็นสัญญาณที่ดี" อธิบดีกรมชลประทานกล่าว
ด้าน พล.อ.เฉลิมชัย สิทธิสาท ผู้บัญชาการทหารบก(ผบ.ทบ.) กล่าวว่า กองทัพบกได้ส่งกำลังทางมณฑลทหารบกที่ 15 ไปช่วยดำเนินการในเรื่องของการระบายน้ำออกจากเขื่อน พร้อมแจ้งเตือนประชาชนให้เตรียมการ รวมถึงใช้กรมการทหารช่างเปิดพื้นที่ท้ายน้ำให้น้ำระบายออกสู่ทะเลอย่างรวดเร็ว และสถานการณ์โดยรวมน่าจะอยู่ในเกณฑ์ที่เราดูแลได้
"ขณะนี้ต้องเร่งรัดในการระบายลงทะเลให้เร็วที่สุด ใช้เครื่องไม้เครื่องมือทุกอย่างในทุกเหล่าทัพ โดยกองทัพเรือก็นำเรือผลักดันน้ำ 20 ลำไปช่วยผลักดันน้ำ ซึ่งการดูแลประชาชนที่ผ่านมา เป็นการทำงานร่วมกันกับกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) จังหวัด ตั้งแต่การแจ้งเตือน การช่วยเหลือ สุดท้ายก็คือเรื่องการฟื้นฟู ตอนนี้คิดว่าพอรับมือได้ ซึ่งจะมีประชาชนบางส่วนที่เดือดร้อน ทั้งกองทัพบกและกระทรวงมหาดไทยก็เข้าไปดูแล" พล.อ.เฉลิมชัยกล่าว
ผบ.ทบ.กล่าวว่า ต้องยอมรับปีนี้ปริมาณน้ำค่อนข้างมาก ปี 2560 น้ำในเขื่อนมากกว่า 70 เปอร์เซ็นต์ มากกว่าปีที่แล้ว 5,000 ล้านลูกบาศก์เมตร แต่ละเขื่อนก็ได้เร่งระบายน้ำออกในจุดที่เหมาะสม นอกจากนี้ยังติดตามปริมาณน้ำในส่วนที่ติดกับแม่น้ำโขง หน่วยงานเกี่ยวข้องที่พยายามทำให้ดีที่สุดเพื่อรับมือพายุที่จะเข้ามา ขณะนี้ทุกภาคส่วนของพื้นที่เพื่อช่วยคลี่คลายปัญหาต่างๆ เชื่อว่าสถานการณ์ไม่เป็นเหมือนปี 2554
ส่วน พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) กล่าวว่า ช่วยดูแลพื้นที่น้ำท่วม จ.เพชรบุรี ผู้ว่าราชการจังหวัดเป็นซีอีโอ เราต้องฟังคำสั่งจากผู้ว่าฯ เราเป็นผู้ปฏิบัติ ขณะเดียวกัน โจรผู้ร้ายที่คอยซ้ำเติมผู้ประสบภัย เป็นหน้าที่ของตำรวจต้องดูแลรักษาความปลอดภัย เช่นเดียวกันกับการกักตุนสินค้า ได้สั่งการให้ตรวจสอบ
"จริงๆ แล้วเรื่องพวกนี้เป็นเรื่องเดียวกันทั้งหมด ถ้ามีโอกาสจะลงพื้นที่ไปให้กำลังใจผู้ใต้บังคับบัญชาในการปฏิบัติงาน" ผบ.ตร.กล่าว
ที่กรมบังคับคดี น.ส.รื่นวดี สุวรรณมงคล อธิบดีกรมบังคับคดี กล่าวว่า กรมบังคับคดีจัดโครงการไกล่เกลี่ยหนี้ชั้นบังคับคดีให้กับลูกหนี้ที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์น้ำท่วมที่เกิดขึ้นในหลายพื้นที่ขณะนี้ เพื่อบรรเทาความเดือดร้อน และแบ่งเบาภาระให้กับลูกหนี้ที่อาจประสบปัญหาขาดรายได้ หรือมีความจำเป็นต้องใช้จ่ายเงินเพื่อยังชีพหรือซ่อมแซมที่อยู่อาศัยจนไม่สามารถชำระหนี้ได้ตามกำหนด โดยลูกหนี้สามารถติดต่อเพื่อขอไกล่เกลี่ยหนี้ชั้นบังคับคดีได้โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายใดๆ
วันเดียวกัน นายชยพล ธิติศักดิ์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) กล่าวว่า อิทธิพลของพายุโซนร้อนเซินติญ และมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ ตั้งแต่วันที่ 17 ก.ค.-8 ส.ค.2561 ทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก และดินถล่มใน 29 จังหวัด ขณะนี้คลี่คลายแล้ว 18 จังหวัด ยังคงมีสถานการณ์อุทกภัย 11 จังหวัด รวม 49 อำเภอ 246 ตำบล 1,773 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 34,505 ครัวเรือน 96,790 คน ได้แก่ นครพนม มุกดาหาร อุบลราชธานี บึงกาฬ สกลนคร ร้อยเอ็ด กาฬสินธุ์ ยโสธร ระนอง พังงาและเพชรบุรี
กรมอุตุนิยมวิทยา ออกประกาศฉบับที่ 18 เรื่อง "คลื่นลมแรงบริเวณภาคใต้ และฝนตกหนักบริเวณประเทศไทย" โดยระบุว่า ในช่วงวันที่ 8-9 ส.ค.61 ประเทศไทยจะมีฝนฟ้าคะนองหลายพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่งบริเวณภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง ภาคตะวันออก และภาคใต้ ขอให้ประชาชนบริเวณดังกล่าวระวังผลกระทบจากฝนตกหนักและฝนตกสะสมที่อาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก น้ำล้นตลิ่ง และดินโคลนถล่มไว้ด้วย โดยพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบตามภาคต่างๆ ภาคเหนือ จ.เชียงราย พะเยา แพร่ น่าน ตาก อุตรดิตถ์ และเพชรบูรณ์, ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ จ.หนองคาย บึงกาฬ สกลนคร นครพนม มุกดาหาร อำนาจเจริญ และอุบลราชธานี, ภาคกลาง จ.กาญจนบุรี อุทัยธานี ชัยนาท นครสวรรค์ ลพบุรี และสระบุรี, ภาคตะวันออก จ.นครนายก ฉะเชิงเทรา ปราจีนบุรี สระแก้ว ชลบุรี ระยอง จันทบุรี และตราด, ภาคใต้ จ.ชุมพร สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช ระนอง พังงา ภูเก็ต กระบี่ ตรัง และสตูล.
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |