"บิ๊กแป๊ะ" เตือนเสี่ยอ้วน มีทางเลือกแค่ 2 ทาง คือทางตันหรือทางตาย สั่งลูกน้องคนร้ายที่ฆ่าได้กระทั่งผู้หญิง เจอหน้าต้องป้องกันตัวไว้ก่อน เผยส่งตำรวจมือดีร่วมล่า ด้านไอ้บ่าวทำแผนซัดลูกพี่ควงปืน 2 กระบอกยิงใส่น้องสปาย ตัวเองเลยซ้ำ 4 นัด แล้วหันไปยิงฟอสอีก 3 นัด งานนี้ได้ค่าจ้างแค่ 5 หมื่น
    เมื่อวันที่ 8 สิงหาคมนี้ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยถึงการติดตามจับกุมตัวนายปัญญา ยิ่งดัง หรือเสี่ยอ้วน ผู้สั่งการฆ่า น.ส.ปวีณา นาเมืองรักษ์ หรือน้องสปาย และนายอนันตชัย จริตรัมย์ หรือฟอส ที่เขาชีจรรย์ จ.ชลบุรี โดยขณะนี้หลบหนีไปอยู่ประเทศเพื่อนบ้าน หลังจากผู้ร่วมขบวนการถูกจับกุมได้เกือบทั้งหมดแล้ว ว่า ผู้ต้องหาที่หนีหมายจับมี 2 ทางเลือกเท่านั้นคือ ทางตันกับทางตาย มีแค่นั้นเอง และยิ่งคนร้ายมีปืนด้วย มอบตัวดีที่สุด 
    "ที่พูดไม่ได้ส่งสัญญาณอะไร ผมปากกับใจตรงกันอยู่แล้ว เขามีปืนฆ่าได้แม้กระทั่งผู้หญิงจะให้ทำอย่างไร ต้องบอกลูกน้องป้องกันตัวไว้ก่อน"
    พล.ต.อ.จักรทิพย์กล่าวว่า การทำงานของตนที่ผ่านมาก็อยู่ในสายงานนี้อยู่แล้ว มีการส่งเจ้าหน้าที่ตำรวจมือดีเข้าร่วมทำงาน ส่วนจะใกล้ตัวเสี่ยอ้วนหรือไม่ ขอไม่ตอบ สำหรับข้อมูลที่คนร้ายหลบหนีไปที่ประเทศกัมพูชา การประสานงานกับประเทศกัมพูชานั้นขอสงวนรายละเอียดไว้ก่อน ต้องดูว่าถึงขั้นตอนไหนแล้ว บางเรื่องไม่สามารถจะบอกได้ ถ้าบอกไปคนร้ายก็ขยับอีก ตนดูมาตั้งแต่แรกแล้วว่าเขาจะไปทางไหน รวมถึงการติดตามตัวนายอัศยา ชัยภา หรือโก้ ที่ก่อเหตุฆ่า น.ส.ธิตมา ตั้งวิบูลย์พาณิชย์ ในพื้นที่ สน.โชคชัย ก็ได้สั่งการไปแล้ว
    คดีฆ่า 2 ศพที่เขาชีจรรย์ ขณะนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจควบคุมตัวผู้ต้องหาที่ก่อเหตุได้แล้ว 5 คน คงเหลือเสี่ยอ้วนที่ยังหลบหนี โดยทั้ง 5 คนประกอบด้วย นายสายันต์ หรือยันต์ ศรีสุข อายุ 43 ปี, นายเกียรติศักดิ์ หรือบอล สุรางค์แสงมีบุญ อายุ 35 ปี, นายจิรศักดิ์ หรือป๊อปปี้ อุนัยบัน อายุ 34 ปี, นายกฤษณะ หรือมด สีสุข อายุ 22 ปี และนายณรงค์ หรือบ่าว วรินทรเวช อายุ 22 ปี
    ต่อมาเช้าวันพุธ พล.ต.อ.เฉลิมเกียรติ ศรีวรขาน รอง ผบ.ตร. พร้อมด้วย พล.ต.ท.จิตติ รอดบางยาง ผบช.ภ.2 นำกำลังควบคุมตัวนายณรงค์ หรือบ่าว วรินทรเวช มือปืน มาทำแผนประกอบคำรับสารภาพ รวมทั้งการจำลองเหตุการณ์การสังหารโหด น.ส.ปวีณา หรือน้องสปาย กับนายอนันตชัย หรือฟอส เมื่อวันที่ 29 ก.ค.ที่ผ่านมา 
    เจ้าหน้าที่ได้นำตัวนายณรงค์ หรือบ่าว มาชี้จุด พร้อมผู้แสดงแทนเข้าร่วมจำลองเหตุการณ์ในขณะผู้เสียชีวิต พร้อมคนขับรถ เพื่อน รวมทั้งนายสายันต์ ศรีสุข คนชี้เป้า ขับรถมาจอดที่ลานจอดรถเพื่อท่องเที่ยว จากนั้นนายปัญญา หรือเสี่ยอ้วน ได้ขับรถติดตามมาพร้อมกับนายณรงค์ หรือบ่าว โดยใช้รถยนต์เก๋งฮอนด้า ซีอาร์วี สีขาว ติดแผ่นป้ายปลอมเป็นป้ายแดง ขับโดยนายกฤษณะ หรือมด มาจอดปิดด้านหลังรถของผู้ตายเพื่อป้องกันถอยออก ก่อนนายปัญญา หรือเสี่ยอ้วน และนายณรงค์ หรือบ่าว จะถือปืนลงมาจากรถ
    นายณรงค์ หรือบ่าว ให้การซัดทอดว่า เสี่ยอ้วนถืออาวุธปืน 2 กระบอก เปิดฉากยิงใส่น้องสปายก่อน จากนั้นนายบ่าวจึงตามมายิงซ้ำ 4 นัด และหันไปยิงใส่นายฟอสที่นั่งอยู่ด้านหลังรถอีก 3 นัด ก่อนทั้งหมดจะพากันหลบหนี โดยมีนายจิรศักดิ์ อุนัยบัน หรือป๊อปปี้ ทำหน้าที่ขับรถเก๋งประกบ โดยเสี่ยอ้วนพร้อมนายเกียรติศักดิ์ หรือบอล พากันเดินทางไปกบดานที่ต่างจังหวัด แล้วแยกย้ายกันหลบหนี กระทั่งเจ้าหน้าที่สามารถติดตามจับกุมตัวได้เกือบหมด เหลือเสี่ยอ้วนที่ยังคงหลบหนีอยู่ในประเทศกัมพูชา 
    หลังจากการจำลองเหตุการณ์แล้วเสร็จ เจ้าหน้าที่ก็ได้นำตัวนายณรงค์ หรือบ่าว ไปชี้จุดตามสถานที่ต่างๆ อีกครั้ง ก่อนนำตัวส่งฝากขังต่อศาลจังหวัดพัทยาต่อไป
    พล.ต.อ.เฉลิมเกียรติ ศรีวรขาน รอง ผบ.ตร. เปิดเผยว่า ขณะที่ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถติดตามจับกุมผู้ก่อเหตุได้เกือบหมดแล้ว โดยนายบ่าวเป็นรายล่าสุด ซึ่งรับสารภาพว่าร่วมก่อเหตุ ได้รับเงินค่าจ้างจากนายปัญญา หรือเสี่ยอ้วน จำนวน 50,000 บาท ขณะนี้จึงเหลือเพียงเสี่ยอ้วนที่ยังหลบหนีอยู่ในประเทศเพื่อนบ้าน ซึ่งได้มอบหมายให้ตำรวจภูธรภาค 2 ประสานและติดตามจับกุมแล้ว โดยคาดว่าน่าจะสามารถจับกุมตัวได้ในไม่ช้า ขณะที่ผู้ต้องหาที่จับกุมได้ ขณะนี้ได้สอบปากคำและชี้จุด รวมทั้งทำแผนประกอบคำรับสารภาพไปจนครบแล้ว และทุกคนก็ให้การที่เป็นประโยชน์ต่อรูปคดี ซึ่งคาดว่าจะสามารถรวบรวมพยานหลักฐานและส่งฟ้องได้ในไม่ช้า ยังขาดเพียงหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์บางส่วนที่กำลังรวบรวมและดำเนินการอยู่ ทั้งนี้ คดีนี้ถือเป็นคดีอุกฉกรรจ์ สะเทือนขวัญ คนร้ายก่อเหตุอย่างอุกอาจต่อหน้าพระพุทธรูปสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ซึ่งเจ้าหน้าที่ก็พยายามอย่างเต็มที่จนสามารถคลี่คลายคดีได้โดยเร็ว.