คดีพลิก! ศาลอุทธรณ์สั่งคุกตลอดชีวิต "แม่หมอนิ่ม" สั่งฆ่า "เอ็กซ์ จักรกฤษณ์" ขณะที่อดีตภรรยานักยิงปืนทีมชาติรอด! เมื่อศาลพิจารณาแล้วเห็นว่ายังมีความรักใคร่กับผู้ตาย จึงไม่มีเหตุจูงใจ พร้อมออกหมายจับทนายอี๊ด หลังมีพฤติการณ์หลบหนี
เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา ที่ห้องพิจารณา 203 ศาลจังหวัดมีนบุรี ถ.สีหบุรานุกิจ ศาลอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ คดีจ้างวานฆ่าเอ็กซ์ จักรกฤษณ์ พณิชย์ผาติกรรม อดีตนักยิงปืนทีมชาติ หมายเลขดำ อ.383/2557 ที่พนักงานอัยการสำนักงานคดีศาลจังหวัดมีนบุรี เป็นโจทก์ และนายมานพ พณิชย์ผาติกรรม บิดาของเอ็กซ์ จักรกฤษณ์ โจทก์ร่วม ยื่นฟ้องนายจิรศักดิ์ หรือจี กลิ่นคล้าย อายุ 36 ปี อาชีพรับจ้าง ซึ่งเป็นมือปืนยิง, น.ส.สุรางค์ ดวงจินดา อายุ 75 ปี มารดาของ พญ.นิธิวดี หรือหมอนิ่ม, พญ.นิธิวดี หรือหมอนิ่ม ภู่เจริญยศ อายุ 41 ปี อดีตภรรยาของเอ็กซ์ จักรกฤษณ์, นายสันติ หรืออี๊ด ทองเสม อายุ 31 ปี อาชีพทนายความ และนายธวัชชัย หรืออ้น เพชรโชติ อายุ 36 ปี อาชีพรับจ้าง ผู้ขี่รถจักรยานยนต์พามือปืนก่อเหตุ เป็นจำเลยที่ 1-5 ในความผิดฐานร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน, จ้างวานใช้ ยุยงส่งเสริม ให้ฆ่า, มีและพกพาอาวุธปืน ยิงอาวุธปืนในที่ทางสาธารณะ
โดยคดีนี้ เมื่อวันที่ 19 ธ.ค.2559 ศาลจังหวัดมีนบุรีได้มีคำพิพากษาประหารชีวิตสถานเดียวหมอนิ่ม จำเลยที่ 3 และนายสันติหรือทนายอี๊ด จำเลยที่ 4 ซึ่งระหว่างอุทธรณ์คดี ทั้งสองได้ประกันตัวคนละ 1 ล้านบาท
ส่วนมือปืน จำเลยที่ 1 และคนขี่จักรยานยนต์ จำเลยที่ 5 ให้จำคุกตลอดชีวิต โดยทั้งสองถูกคุมขังนับตั้งแต่ฟ้องคดีจนถึงระหว่างอุทธรณ์คดี สำหรับ น.ส.สุรางค์ จำเลยที่ 2 ซึ่งเป็นมารดาหมอนิ่มนั้น ให้ยกฟ้อง
ต่อมาอัยการโจทก์, นายมานพ บิดาของผู้ตายที่เป็นโจทก์ร่วม และจำเลยที่ 1, 3, 4, 5 ยื่นอุทธรณ์
โดยวันนี้หมอนิ่มและ น.ส.สุรางค์ มารดา เดินทางมาพร้อมฟังคำพิพากษากับนายชำนาญ ชาดิษฐ์ ทนายความและทีมทนาย ส่วนทนายอี๊ด จำเลยที่ 4 ไม่มาศาล ซึ่งนัดฟังคำพิพากษารอบที่ 2 เมื่อเดือน มิ.ย.ที่ผ่านมา ศาลได้ออกหมายจับให้ตามตัวมาฟังคำตัดสินและริบเงินสดประกันตัว 1 ล้านบาทไว้แล้ว
ขณะที่วันนี้นางบุญคิด มารดาของผู้ตาย ในฐานะผู้ร้องขอให้ชดใช้ค่าเสียหาย ก็เดินทางมาร่วมฟังคำพิพากษาด้วยกับเพื่อนของเอ็กซ์และคนใกล้ชิด
โดยวันนี้ศาลใช้เวลาอ่านคำพิพากษากว่า 60 หน้าเกือบชั่วโมง ซึ่งเสร็จสิ้นเมื่อเวลา 12.30 น. โดยศาลอุทธรณ์ตรวจสำนวนประชุมปรึกษาหารือแล้ว พยานหลักฐานที่นำสืบมาประกอบคำให้การรับสารภาพของ น.ส.สุรางค์ จำเลยที่ 2 ที่ได้กระทำโดยเปิดเผยในสถานที่ราชการต่อหน้าพนักงานสอบสวน และประธานสภาทนายความประจำจังหวัดมีนบุรีที่ตำรวจประสานให้ร่วมฟังการสอบสวน รวมทั้งมีสื่อมวลชนและนางปวีณา อดีต รมว.พม.ขณะนั้น ที่จำเลยที่ 2-3 ให้ความเคารพไว้วางใจตั้งแต่เหตุการณ์ที่ช่วยไกล่เกลี่ยปัญหาครอบครัว
จึงเชื่อได้ว่าจำเลยที่ 2 ไม่ให้ถูกชักจูงใจ
ข้อเท็จจริงรับฟังได้จำเลยที่ 2 ว่าเป็นผู้จ้างวานให้คนกลางซึ่งตำรวจและอัยการกันไว้เป็นพยาน ได้ติดต่อกับทนายอี๊ด สันติทองเสม จำเลยที่ 4 ได้รับมอบเงิน 2 ครั้ง ครั้งแรก 600,000 บาท และมีการร้องขอเพิ่มอีก 600,000 บาท ซึ่งจำเลยที่ 2 ตกลงให้แล้ว จำเลยที่ 4 ได้จ้างจำเลยที่ 1 ที่เป็นมือปืน และจำเลยที่ 5 ที่เป็นคนขับรถจักรยานยนต์ นำปืนที่จำเลยที่ 4 เตรียมไว้ไปฆ่าผู้ตายวันเกิดเหตุ 19 ต.ค.2556 โดยจำเลยที่ 1, 5 ระบุว่าได้เงินจ้างคนละ 200,000 บาท เนื่องจาก น.ส.สุรางค์ยังโกรธแค้นที่ผู้ตายทำร้ายร่างกายหมอนิ่ม ซึ่งเป็นบุตรสาวคนเดียว และทำร้ายหลานสาวได้รับบาดเจ็บหลายครั้งหลายหน และเชื่อว่าผู้ตายไม่สามารถแก้ไขพฤติกรรมได้ น.ส.สุรางค์ จำเลยที่ 2 มารดาหมอนิ่มนั้น จึงมีความผิดฐานใช้จ้างวานให้ฆ่าเอ็กซ์ จักรกฤษณ์ ผู้ตาย ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 289 (4)
ที่ศาลชั้นต้นยกฟ้องนั้น ศาลอุทธรณ์เห็นควรพิพากษากลับเป็นให้ประหารชีวิต อย่างไรก็ตาม คำให้การของ น.ส.สุรางค์ จำเลยที่ 2 เป็นประโยชน์ต่อการพิจารณาบ้าง ลดโทษให้ 1 ใน 3 คงจำคุกไว้ตลอดชีวิต
ส่วนหมอนิ่ม จำเลยที่ 3 ศาลอุทธรณ์เห็นว่า ตามทางนำสืบและคำเบิกความพยานต่างๆ ในศาลชั้นต้นรับฟังได้ว่า จำเลยที่ 3 ยังมีความรักใคร่กับผู้ตายอยู่ โดยก่อนเกิดเหตุคดีนี้เดือน ส.ค.2556 จำเลยที่ 3 ยังเคยพาบุตรสาวไปเยี่ยมผู้ตายที่เรือนจำทหารระหว่างถูกดำเนินคดีทำร้ายร่างกายจำเลย และไม่คัดค้านการประกันตัวผู้ตายของศาลทหารด้วย รวมทั้งยังเคยนั่งไปกับผู้ตายช่วงก่อนเกิดเหตุ อีกทั้งช่วงหลังที่ผู้ตายออกมาก็ไม่มีเหตุทำร้ายจำเลย จึงไม่เป็นเหตุจูงใจ เชื่อจำเลยยังมีความรักกับผู้ตายอยู่ พยานหลักฐานแวดล้อมยังฟังไม่ได้ว่าเป็นคนจ้างวาน ที่ศาลชั้นต้นพิพากษาในส่วนของหมอนิ่ม จำเลยที่ 3 นั้น ศาลอุทธรณ์ไม่เห็นพ้องด้วย โดยพยานหลักฐานมีข้อสงสัยตามสมควรว่าร่วมจ้างหรือไม่ จึงยกประโยชน์แห่งความสงสัยให้จำเลย ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 227 พิพากษาให้ยกฟ้อง โดยศาลไม่สั่งขังจำเลยระหว่างฎีกาด้วยแต่อย่างใด
ส่วนมือปืน จำเลยที่ 1 กับคนขี่รถจักรยานยนต์พามือปืนไปยิง จำเลยที่ 5 พิพากษายืนตามศาลชั้นต้นให้จำคุกตลอดชีวิต และทนายอี๊ด คนติดต่อมือปืน จำเลยที่ 4 ก็ยืนลงโทษประหารชีวิตสถานเดียวตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
โดยให้จำเลยที่ 1, 2, 4, 5 ร่วมกันชดใช้เงิน 2.5 ล้านบาทให้พ่อแม่ของเอ็กซ์ จักรกฤษณ์ด้วย
ซึ่งทนายอี๊ด จำเลยที่ 4 ไม่มาฟังคำพิพากษาและก็ไม่มีทนายมาศาลแจ้งเหตุขัดข้อง เชื่อว่ามีพฤติการณ์หลบหนีคดี โดยวันนี้ศาลได้อ่านคำพิพากษาลับหลังจำเลยที่ 4 แล้ว และเมื่อศาลอุทธรณ์มีคำพิพากษายืนลงโทษจำเลย ศาลจึงให้ออกหมายจับทนายอี๊ด จำเลยที่ 4 เพื่อติดตามตัวมารับโทษต่อไป ซึ่งมีอายุความในการติดตามตัวภายใน 20 ปี
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ระหว่างฟังคำพิพากษา หมอนิ่มมีอาการเสียใจ เคร่งเครียดอย่างเห็นได้ชัด บางครั้งใช้มือปาดน้ำตาและใช้กระดาษทิชชู่คอยซับน้ำตาที่ไหลอาบแก้มตลอดเวลา
ขณะที่ น.ส.สุรางค์ ปัจจุบันอายุ 75 ปีแล้ว ก็ยืนฟังคำพิพากษากว่า 2 ชั่วโมง ด้วยสีหน้าเรียบเฉยข้างๆ บุตรสาวและญาติคนใกล้ชิด
อย่างไรก็ดี เมื่อเวลา 14.00 น.เศษ นายชำนาญ ชาดิษฐ์ ทนายความ ได้นำหลักทรัพย์เป็นเงินสดและหลักทรัพย์อื่น รวมประมาณ 1 ล้านบาท ยื่นขอประกันตัว น.ส.สุรางค์ เพื่อสู้คดีในชั้นศาลฎีกา
ต่อมานายชำนาญ ทนายความของหมอนิ่ม เปิดเผยว่า ศาลอุทธรณ์พิพากษายกฟ้องหมอนิ่ม โดยสรุปได้ใจความว่าจะกลับมาคืนดีกัน ไม่ได้ถึงขนาดที่ต้องเลิกกัน และยังมีความสงสัยในบางเรื่องบางประเด็นอยู่เกี่ยวกับความรักความผูกพัน และมองว่าถ้าจ้างวานไม่น่าต้องเอาตัวเข้ามาเกี่ยวข้องนั่งรถด้วยกัน โดยในวันนี้หมอนิ่มก็มีทั้งดีใจที่ศาลยกฟ้องและก็ยังเสียใจที่พิพากษาลงโทษแม่
นายชำนาญกล่าวต่อไปว่า ขั้นตอนขณะนี้ก็ได้เตรียมหลักทรัพย์ประกันตัวนางสุรางค์ จำเลยที่ 2 แม่หมอนิ่ม ประมาณ 1 ล้านบาท ซึ่งในส่วนของแม่หมอนิ่มจะต้องฎีกาอยู่แล้ว เนื่องจากศาลพิพากษาลงโทษ แต่ในส่วนของหมอนิ่ม เมื่อศาลพิพากษายกฟ้องขึ้นอยู่อัยการโจทก์และโจทก์ร่วมว่าจะฎีกาคำพิพากษาหรือไม่ เพราะเราเป็นฝ่ายชนะคดี
เมื่อถามว่า ก่อนมาฟังคำพิพากษาหมอนิ่มมีความกังวลใจหรือไม่ นายชำนาญกล่าวว่า เป็นธรรมดาที่จะกังวลใจอยู่บ้าง เพราะไม่ทราบว่าผลคำพิพากษาจะออกมาเป็นเช่นไร แต่หมอนิ่มก็มั่นใจในความบริสุทธิ์ของตัวเอง
ด้านนางบุญคิด พณิชย์ผาติกรรม มารดาของเอ็กซ์ จักรกฤษณ์ กล่าวว่า ไม่คิดว่าคำพิพากษาจะออกมาเป็นแบบนี้เหมือนกัน ก็แล้วแต่ดุลยพินิจของศาล แต่ก็ดีกับหลาน อย่างไรก็ตาม หลานคนโตยังนอนกับคุณยาย ติดคุณยายมาก ส่วนหลานคนเล็กจะนอนกับแม่เขา คือหมอนิ่ม เมื่อวันที่ 10 ก.ค.ที่ผ่านมา แม่หมอนิ่มก็ได้โทร.นัดและให้ไปเจอหลานทั้ง 2 คน หลังจากไม่ได้เจอมานาน 1 ปี เมื่อเจอก็พาไปกินสุกี้ ส่วนหลานคนเล็กก็ไปไดรฟ์กอล์ฟ ส่วนตัวรู้สึกสงสารนางสุรางค์ เพราะอายุเยอะแล้ว และมีโรคประจำตัวด้วย
เมื่อถามว่าจะยื่นฎีกาหรือไม่ นางบุญคิดกล่าวว่า ยังไม่ทราบ เพราะวันนี้ทนายความก็ไม่ได้มา จึงยังไม่ได้คุย อย่างไรก็ดี ส่วนตัวได้อโหสิกรรมทุกอย่าง ศาลมีคำตัดสินอย่างไรตนก็รับได้ ที่ผ่านมาตนไม่ค่อยได้คุยอะไรกับหมอนิ่ม แต่เมื่อช่วงเช้าวันนี้เจอกัน หมอนิ่มก็เข้ามาทักทายสวัสดี ตนก็รับไหว้ ตนก็มีความสุขทุกครั้งที่ได้เจอหลาน หลานตนกำลังฝึกเล่นเปียโน เก่งน่ารัก ต้องยอมรับว่าหมอนิ่มเลี้ยงลูกดี เก่ง และทุ่มเทมาก
"ได้คุยกันกับคุณยาย (สุรางค์) และทราบว่าก่อนนัดฟังคำพิพากษานิ้วต้องดามสปริงเหล็ก เพราะระหว่างอยู่ที่บ้าน ได้ไปสอยสาเกแล้วลูกสาเกตกใส่นิ้วโดยไม่ทันระวังตัว ทำให้นิ้วได้รับบาดเจ็บ" นางบุญคิดกล่าว
จากนั้นในเวลา 15.30 น. ศาลจังหวัดมีนบุรีได้มีคำสั่งอนุญาตให้ปล่อยชั่วคราว น.ส.สุรางค์ จำเลยที่ 2 ระหว่างฎีกาคดีฆ่าเอ็กซ์ จักรกฤษณ์ โดยศาลตีราคาประกัน 1 ล้านบาท พร้อมกำหนดเงื่อนไขห้ามออกนอกประเทศ เว้นแต่จะได้รับอนุญาตจากศาล.
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |