ปปช.เชือดกราวรูดโกงเงินวัด


เพิ่มเพื่อน    

    อ่วม ป.ป.ช.ฟันกราวรูด อดีต ผอ.พศ. "นพรัตน์-พนม" พ่วงเจ้าอาวาสวัดไทยเดนมาร์กและพวกนับสิบ หลังชี้มูลความผิดทุจริตเงินทอนวัดจังหวัดลำปาง-แพร่ พร้อมส่งอัยการฟ้องศาลดำเนินคดีอาญา-ผู้บังคับบัญชาฟันวินัย 
    เมื่อวันที่ 7 ส.ค. ที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) สนามบินน้ำ จ.นนทบุรี นายวรวิทย์ สุขบุญ เลขาธิการ ป.ป.ช. แถลงผลคณะกรรมการ ป.ป.ช. ว่า สืบเนื่องกรณีกล่าวหานายนพรัตน์ เบญจวัฒนานันท์ ผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) กับพวก ว่าทุจริตเงินงบประมาณโครงการเงินอุดหนุนการบูรณปฏิสังขรณ์วัดและการพัฒนาวัด จากการไต่สวนข้อเท็จจริงพยานหลักฐานฟังได้ว่า ในปีงบประมาณ 2556 พศ.ได้รับงบประมาณเพื่อดำเนินการตามแผนงานงบประมาณ โครงการเงินอุดหนุนการบูรณปฏิสังขรณ์วัดและการพัฒนาวัด ซึ่งในการดำเนินการตามโครงการดังกล่าว ปรากฏข้อเท็จจริงว่าพระสุทธิพงศ์ เจ้าอาวาสวัดไทยเดนมาร์กพรหมวิหาร ได้ติดต่อกับเจ้าอาวาสวัดพระพุทธบาทตากผ้า โดยแจ้งว่าจะขอนำเงินอุดหนุน ผ่านบัญชีของทางวัดพระพุทธบาทตากผ้า เพื่อโอนต่อไปยังวัดไทยเดนมาร์กพรหมวิหาร เนื่องจากไม่สามารถโอนเงินให้วัดที่อยู่ต่างประเทศได้โดยตรง โดยพระสุทธิพงศ์ แจ้งว่าได้มีการพูดคุยในเรื่องดังกล่าวกับนายนพรัตน์ไว้แล้ว
    ต่อมานายนพรัตน์ได้พบกับเจ้าอาวาสวัดพระพุทธบาทตากผ้า ในงานพิธีกรรมทางพระพุทธศาสนา ที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ และได้แจ้งกับเจ้าอาวาสวัดพระพุทธบาทตากผ้าว่าจะขอนำเงินอุดหนุนการบูรณปฏิสังขรณ์วัดและการพัฒนาวัด โอนผ่านเข้าบัญชีเงินฝากของวัดพระพุทธบาทตากผ้า เพื่อโอนต่อไปยังบัญชีเงินฝากของวัดไทยเดนมาร์กพรหมวิหาร ที่มีพระสุทธิพงศ์เป็นเจ้าอาวาส เนื่องจากไม่สามารถโอนเงินให้วัดไทยเดนมาร์กพรหมวิหาร ซึ่งเป็นวัดไทยที่อยู่ต่างประเทศได้โดยตรง จากนั้นนายนพรัตน์ได้สั่งการให้นายวสวัตติ์ กิตติธีระสิทธิ์ เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการส่วนบูรณะพัฒนาวัดและศาสนสงเคราะห์ กองพุทธศาสนสถาน ดำเนินการจัดทำเอกสารเพื่ออนุมัติเงินอุดหนุนการบูรณปฏิสังขรณ์วัดและการพัฒนาวัด ให้วัดพระพุทธบาทตากผ้า จำนวน 2 ครั้ง
    ครั้งที่ 1 ในวันที่ 25 ธันวาคม 2555 นายวสวัตติ์ได้จัดทำบันทึกกองพุทธศาสนสถาน ลงวันที่ 25 ธันวาคม 2555 เพื่อจัดสรรเงินให้วัดพระพุทธบาทตากผ้า จำนวน 3,000,000 บาท เสนอนายเฉลิมพล มีศิลารัตน์ ผู้อำนวยการกองพุทธศาสนสถาน พิจารณาและลงนามในเอกสารการขออนุมัติการใช้จ่ายเงินประจำงวดและเสนอเรื่องต่อนายพนม ศรศิลป์ รอง ผอ.พศ. พิจารณาและลงนามเพื่อเสนอเรื่องต่อนายนพรัตน์พิจารณาอนุมัติ ซึ่งนายนพรัตน์อนุมัติให้จัดสรรเงินดังกล่าวให้วัดพระพุทธบาทตากผ้า
    ครั้งที่ 2 ในวันที่ 12 กุมภาพันธ์ 2556 นายวสวัตติ์ จัดทำบันทึกกองพุทธศาสนสถาน ลงวันที่ 12 กุมภาพันธ์ 2556 เพื่อจัดสรรเงินให้วัดพระพุทธบาทตากผ้า จำนวน 3,000,000 บาท เสนอนายเฉลิมพล พิจารณาและลงนามในเอกสารการขออนุมัติการใช้จ่ายเงินประจำงวด เพื่อเสนอต่อนายนพรัตน์พิจารณาอนุมัติ  ซึ่งนายนพรัตน์อนุมัติให้จัดสรรเงินดังกล่าวให้วัดพระพุทธบาทตากผ้า เมื่อ พศ. โอนเงินให้วัดพระพุทธบาทตากผ้า ในวันที่ 8 มกราคม 2556 จำนวน 3,000,000 บาท และวันที่ 19 กุมภาพันธ์ 2556 จำนวน 3,000,000 บาท เจ้าอาวาสวัดพระพุทธบาทตากผ้า ได้โอนเงินดังกล่าวให้พระสุทธิพงศ์ เจ้าอาวาสวัดไทยในประเทศเดนมาร์ก ตามเลขที่บัญชีเงินฝาก ที่ได้รับแจ้งจากพระสุทธิพงศ์ ในวันที่ 9 มกราคม 2556 จำนวน 2,899,970 บาท และวันที่ 21 กุมภาพันธ์ 2556 จำนวน 2,899,970 บาท รวมทั้งสิ้น 5,799,940 บาท
ฟันเจ้าอาวาสวัดไทยเดนมาร์ก
    คณะกรรมการ ป.ป.ช.พิจารณาเห็นว่าการดำเนินการจัดสรรเงินดังกล่าวทั้ง 2 ครั้ง จึงมีมติดังนี้ 1.นายนพรัตน์ มีมูลเป็นความผิดทางอาญา ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 147 มาตรา 151 และมาตรา 157 ประกอบมาตรา 83 และตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2542 และที่แก้ไขเพิ่มเติม มาตรา 123/1 และเป็นความผิดทางวินัยอย่างร้ายแรงตามพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ.2551 2.นายพนมมีมูลเป็นความผิดทางอาญา ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 และตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2542 และที่แก้ไขเพิ่มเติม มาตรา 123/1 และเป็นผู้สนับสนุนในการกระทำความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 147 และมาตรา 151 และมีมูลความผิดทางวินัยอย่างร้ายแรงตามพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. 2551 3.นายเฉลิมพล และนายวสวัตติ์ มีมูลเป็นความผิดทางอาญา ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 และมาตรา 162 (1) (4) และตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2542 และที่แก้ไขเพิ่มเติม มาตรา 123/1 และเป็นผู้สนับสนุนในการกระทำความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 147 และมาตรา 151 และมีมูลความผิดทางวินัยอย่างร้ายแรงตามพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. 2551 และ 4.พระสุทธิพงศ์ ไม่มีสถานะเป็นเจ้าพนักงานตามกฎหมาย จึงเป็นผู้สนับสนุนในการกระทำความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 147 มาตรา 151 และมาตรา 157 มาตรา 123/1 ประกอบมาตรา 86 
    นายวรวิทย์กล่าวว่า คณะกรรมการ ป.ป.ช.ยังพิจารณาสำนวนตามที่กองบังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ที่กล่าวหานายพนม ศรศิลป์ เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการ พศ. กับพวก กรณีทุจริตการเบิกจ่ายเงินงบประมาณอุดหนุนการบูรณปฏิสังขรณ์ประจำปีงบประมาณ 2558 ที่ได้จัดสรรให้วัดใน จ.ลำปาง ประกอบด้วย วัดวัฒนาราม วัดอุมลอง วัดบ้านอ้อ วัดทุ่งต๋ำ วัดหาดปู่ด้าย และใน จ.แพร่ คือวัดศรีบุญนำ รวม 24,000,000 บาท และคณะกรรมการ ป.ป.ช. ได้แต่งตั้งคณะอนุกรรมการไต่สวนข้อเท็จจริง โดยมีนายสุรศักดิ์ คีรีวิเชียร กรรมการ ป.ป.ช. เป็นประธานอนุกรรมการนั้น
    จากการไต่สวนข้อเท็จจริงฟังได้ว่าในช่วงประมาณปลายปี 2557 พระศิวโรจน์ ปิยรัตน์เสรี เจ้าอาวาสวัดบ้านอ้อในขณะนั้น ได้ติดต่อไปยังนางณัฐฐาวดี ตันตยาวิสาสุทธิ นักวิชาการศาสนาชำนาญการ กองพุทธศาสนสถาน เพื่อขอความช่วยเหลือในการขอเงินงบประมาณอุดหนุนการบูรณปฏิสังขรณ์วัด และการพัฒนาวัดประจำปีงบประมาณ 2558 ซึ่งต่อมานางณัฐฐาวดีได้นำเรื่องดังกล่าวไปแจ้งยัง น.ส.ประนอม คงพิกุล เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการกองพุทธศาสนสถาน โดย น.ส.ประนอมได้แจ้งนางณัฐฐาวดี ว่าให้ไปแจ้งแก่วัดที่ต้องการเงินงบประมาณ ว่าหากวัดต้องการที่จะได้รับเงินงบประมาณจะต้องโอนเงินคืนมาประมาณ 70-80% จากนั้นนางณัฐฐาวดี จึงได้ติดต่อไปยังพระศิวโรจน์  เกี่ยวกับเงื่อนไขดังกล่าว ซึ่งเมื่อพระศิวโรจน์ได้ยอมรับเงื่อนไขแล้ว ก็ไปติดต่อวัดต่างๆ   
    ต่อมานายพนมและ น.ส.ประนอม ได้สั่งการให้นายวสวัตติ์ กิตติธีระสิทธิ์ ผู้อำนวยการส่วนบูรณะพัฒนาวัดและการศาสนสงเคราะห์ กองพุทธศาสนสถาน ดำเนินการจัดทำเอกสารบันทึกขออนุมัติการ ใช้จ่ายเงินประจำงวด เพื่อเสนอชื่อวัดที่ น.ส.ประนอม คงพิกุล ได้ติดต่อไว้แล้ว เพื่อเสนอต่อนายพนม ให้อนุมัติงบประมาณ และนายพนมได้อนุมัติเงินงบประมาณวัดละ 4,000,000 บาท เมื่อได้มีการอนุมัติเงินงบประมาณแล้ว น.ส.ประนอม จึงให้นางณัฐฐาวดี ไปแจ้งพระศิวโรจน์ ว่าวัดต่างๆ จะต้องโอนเงินกลับคืนมาจำนวนเท่าใด และพระศิวโรจน์ เมื่อได้รับเงินโอนกลับคืนมาแล้วจะต้องโอนเงินต่อไปยังบัญชีของบุคคลดังนี้ 1.นางณัฐฐาวดี 2.พระครูวิสุทธิวัฒนกิจ และ 3.น.ส.อุบล ดิษฐ์ด้วง ซึ่งในรายของพระครูวิสุทธิวัฒนกิจ และ น.ส.อุบล ดิษฐ์ด้วงนั้น นายวสวัตติ์ไปขอใช้บัญชีดังกล่าวตามคำสั่งของ น.ส.ประนอม คงพิกุล และหลังจากนั้นพระศิวโรจน์ได้ไปแจ้งแก่เจ้าอาวาสวัดดังกล่าวทั้ง 5 วัด และดำเนินการโอนเงินจากบัญชีของวัดดังกล่าว และวัดบ้านอ้อ ซึ่งตนเองเป็นเจ้าอาวาสอยู่ด้วย มายังบัญชีส่วนตัวของพระศิวโรจน์ ต่อมาพระศิวโรจน์ได้โอนเงินไปยังบุคคลที่นางณัฐฐาวดี ได้แจ้งไว้หลังจากที่ได้รับเงินแล้ว และนางณัฐฐาวดี ได้ถอนเงินให้แก่ น.ส.ประนอม ตามที่ น.ส.ประนอมได้สั่งการ ส่วน น.ส.อุบล และพระครูวิสุทธิวัฒนกิจนั้น นายวสวัตติ์ได้ดำเนินการพาไปถอนเงิน และเมื่อได้รับเงินแล้ว จึงนำเงินไปให้ น.ส.ประนอม
ชงฟ้องอาญาและโทษวินัย    
    คณะกรรมการ ป.ป.ช.พิจารณาแล้ว มีมติดังนี้ 1.นายพนมมีมูลความผิดอาญา ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 147 มาตรา 151 และมาตรา 157 ประกอบมาตรา 83 มาตรา 90 และมาตรา 91 และมีมูลความผิดวินัยอย่างร้ายแรงตามพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ.2551 2.น.ส.ประนอม และนายวสวัตติ์ มีมูลความผิดอาญาตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 147 และมาตรา 151 ประกอบมาตรา 86 และมาตรา 157 และมาตรา 162 (1) (4) ประกอบมาตรา 83 และมาตรา 90 และมาตรา 91 และมูลความผิดวินัยอย่างร้ายแรงตามพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ.2551  3.นางณัฐฐาวดี มีมูลความผิดอาญา ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 147 มาตรา 151 มาตรา 157 และมาตรา 162 (1) (4) ประกอบมาตรา 86 และมาตรา 90 และมาตรา 91 และมีมูลความผิดวินัยอย่างร้ายแรงตามพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ.2551 และ 4.นายศิวโรจน์ และ น.ส.อุบล มีมูลความผิดอาญา ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 147 มาตรา 151 มาตรา 157 และมาตรา 162 (1) (4) ประกอบมาตรา 86 และมาตรา 90 และมาตรา 91 ทั้งผู้ถูกชี้มูลความผิดทั้งหมด 2 สำนวนดังกล่าว ป.ป.ช.จะส่งเรื่องไปยังผู้บังคับบัญชาเพื่อพิจารณาโทษทางวินัย และส่งสำนวนไปยังอัยการสูงสุดเพื่อดำเนินคดีอาญาในศาลที่มีเขตอำนาจต่อไป.


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"