อัจฉริยะไล่บี้หนัก คดีฆ่าน้องหญิง จ่อฟันพยาบาล ทำลายกางเกงใน


เพิ่มเพื่อน    

    คดีฆ่าน้องหญิงบานปลาย เตรียมแจ้งจับพยาบาลเอากางเกงในเหยื่อไปทำลาย "อัจฉริยะ" เผยอาทิตย์หน้าครอบครัวน้องหญิงจะยื่นฟ้องเอาผิดตำรวจบางปะอินละเว้นปฏิบัติหน้าที่ ยันมีหลักฐานรับเงิน 3 แสนล้มคดี ด้าน ผอ.รพ.การุญเวชแจงกางเกงในหายเป็นเพราะแม่บ้านเข้าใจผิดเอาไปทิ้งลงถัง
    เมื่อวันที่ 6 สิงหาคมนี้ เฟซบุ๊กชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม โพสต์ข้อความระบุว่า “ชมรมและครอบครัวน้องหญิงประชุมปรึกษากันแล้ว พรุ่งนี้ (7 ส.ค.) บ่าย 2 โมง จะเข้าแจ้งความที่กองปราบปรามกอง 2 ดำเนินคดีกับพยาบาลโรงพยาบาลการุญเวช และโรงพยาบาล ในความผิดทำลายหลักฐานวัตถุพยานกางเกงใน โดยมีเจตนาในการช่วยเหลือผู้ต้องหาให้พ้นผิด จึงแจ้งมาให้ทราบโดยทั่วกัน” 
    คดีนี้ น.ส.นรีกานต์ หรือน้องหญิง ยาวิราช อายุ 19 ปี ไปเที่ยวสถานบันเทิงแห่งหนึ่งใน อ.บางปะอิน จ.พระนครศรีอยุธยา ก่อนจะขึ้นรถเทรลเลอร์ของนายสุรพล หรืออ๊อฟ ดาราคำ อายุ 23 ปี ที่ น.ส.สิรินาถ หรือเป็ด รอบรัมย์ เพิ่งแนะนำให้น้องหญิงรู้จัก เพื่อกลับหอพัก แต่น้องหญิงกลับเสียชีวิตปริศนา โดยนายสุรพลอ้างว่าน้องหญิงเสียชีวิตเพราะกระโดดลงจากรถเทรลเลอร์ แต่ผลการชันสูตรของแพทย์ระบุว่าถูกตีด้วยของแข็งที่ท้ายทอย ซึ่งชมรมต่อต้านอาชญากรรมได้เปิดเผยข้อมูลทางคดี จนในที่สุดตำรวจได้แจ้งข้อหานายสุรพร เจตนาฆ่า ขณะที่ น.ส.สิรินาถก็ตกเป็นผู้ต้องหาเช่นกัน ซึ่งทั้งคู่ถูกคุมขังอยู่ในเรือนจำ
    เฟซบุ๊กชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรมยังโพสต์ด้วยว่า “คดีน้องหญิง ขอให้ทีมงานชุดใหม่ทำหน้าที่ด้วยความซื่อตรงให้สมกับเป็นที่พึ่งของประชาชน กอบกู้ชื่อเสียงขององค์กรกลับคืนมา ขณะนี้ชมรมมีหลักฐานเด็ดอยู่ในมือ เปิดเมื่อไรพังยับ พรุ่งนี้ติดตามการเปิดโปงแผนการร้ายจากคดีฆาตกรรมเป็นอุบัติเหตุ รับรองสะเทือน สภ.บางปะอิน พรุ่งนี้มาพบกัน ทีเด็ดที่นี้ ชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม”
    ขณะที่นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ทนายความประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม เปิดเผยว่า กลางสัปดาห์หน้า ครอบครัวน้องหญิงเตรียมเดินทางไปยื่นฟ้องต่อศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 1 อาคารศาลจังหวัดสระบุรี เอาผิดกับตำรวจ สภ.บางปะอิน จ.พระนครศรีอยุธยา ท้องที่เกิดเหตุ ฐานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ ตามมาตรา 157 รับเงินจากครอบครัวของนายสุรพล ดาราคำ หรืออ๊อฟ ผู้ต้องหา เป็นเงิน 300,000 บาท ให้การล้มคดีและมีความพยายามทำคดีฆาตกรรมให้เป็นคดีอุบัติเหตุ ยืนยันมีพยานหลักฐานที่สามารถเอาผิดกับตำรวจ สภ.บางปะอินได้
    นายอัจฉริยะกล่าวว่า ทางชมรมยังเตรียมเปิดคลิปคำรับสารภาพของพยาบาลโรงพยาบาลที่น้องหญิงเข้าไปรักษาอาการบาดเจ็บที่แรก ว่าเป็นคนนำกางเกงชั้นในของน้องหญิงแยกใส่ถุง 2 ถุง คือกางเกงขาสั้นและกางเกงชั้นใน และนำไปให้แม่บ้านนำไปทิ้งให้บริษัทกำจัดขยะติดเชื้อนำไปทำลาย พยาบาลคนนี้อ้างไม่เห็นร่องรอยผิดปกติ แต่เห็นเปียกน้ำจึงนำไปทิ้ง แต่ก่อนหน้านี้เมื่อญาติไปสอบถาม ทางโรงพยาบาลกลับอ้างว่าได้ส่งมอบให้ไปแล้ว แต่แท้จริงไม่ได้ให้ ทำให้เห็นความผิดปกติที่ให้การไม่ตรงกัน
    นพ.ธนะวัตร วัฒนวงษ์ภิญโญ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลการุญเวช จ.พระนครศรีอยุธยา กล่าวว่า ได้มีการเรียกสอบเจ้าหน้าที่พยาบาล ทั้งคนที่เข้าเวรและทำการรักษาน้องหญิงในวันที่ถูกส่งตัวมาที่โรงพยาบาล ทราบว่าเมื่อรับผู้ป่วยเข้าทำการรักษา ได้เร่งช่วยเหลือน้องหญิง เพราะจะต้องมีการส่งตัวต่อไปยังโรงพยาบาลปุทมธานี ซึ่งปกติเราจะแยกเสื้อผ้าผู้ป่วย ว่าเป็นเสื้อผ้าชนิดใด ติดเชื้อหรือไม่ โดยเสื้อผ้าปกติจะใส่ไว้ในถุงสีขาว ส่วนเสื้อผ้าติดเชื้อจะใส่ไว้ในถุงสีแดง ส่วนกางเกงชั้นในของน้องหญิงได้มีการแยกออกมา เกรงว่าจะติดเชื้อ ในวันนั้นเจ้าหน้าที่เร่งรีบที่จะช่วยเหลือ จึงส่งถุงสีขาวคืนให้กับญาติไปเพียงถุงเดียว ต่อมาแม่บ้านเห็นถุงสีแดงคิดว่าเป็นถุงติดเชื้อ เลยนำลงไปทิ้งลงถังแยกประเภทไว้ 
    นพ.ธนะวัตรกล่าวว่า จากการสอบสวนข้อเท็จจริง เจ้าหน้าที่พยาบาลที่บอกทางญาติไปว่าคืนเสื้อผ้าหมดแล้ว ไม่ใช่คนที่ยื่นให้ แต่เป็นคนที่เห็นพยาบาลอีกคนยื่น จึงคิดว่าคืนไปหมดแล้ว ต่อมาภายหลังญาติมาถามกับคนที่เป็นคนยื่น จึงได้รับคำตอบว่ายื่นไปเพียงถุงเดียว ดังนั้น การปฏิบัติหน้าที่ของแพทย์และพยาบาลทำหน้าที่ตามหลักจรรยาบรรณไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องในคดีที่เกิดขึ้น
    วันเดียวกัน ที่กองบังคับการปราบปรามการค้ามนุษย์ (ปคม.) พล.ต.ต.กรไชย คล้ายคลึง ผบก.ปคม. กล่าวถึงกรณีที่พยานในคดีการเสียชีวิตของน้องหญิง เดินทางเข้าพบพนักงานสอบสวน ปคม.เพื่อให้ข้อมูลว่า วันนี้ทาง ปคม.ได้เตรียมพนักงานสอบสวนหญิงไว้ ซึ่งจะสอบสวนเพื่อหาความเชื่อมโยงการเสียชีวิตของน้องหญิงว่ามีพฤติการณ์เข้าข่ายการค้ามนุษย์หรือไม่ จะต้องดูการสอบปากคำว่ามีการบังคับขู่เข็ญหลอกลวงหรือไม่ โดยตนจะเข้าสอบปากคำด้วยตนเอง อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้ทาง ปคม.ได้ลงพื้นที่ไปหาพยานหลักฐานและสอบปากคำพยานแวดล้อมทั้งหมดแล้ว คาดว่าหากสอบสวนพยาน 2 คนนี้ คือ น.ส.รุ้งและ น.ส.เจนแล้วเสร็จ จะมีความชัดเจนมากขึ้น
    พล.ต.ต.กรไชยกล่าวว่า เบื้องต้นเตรียมสอบถามทุกประเด็นที่เกี่ยวข้องกับคดี โดยเฉพาะวัน-เวลาที่เกิดเหตุว่ามีลักษณะคล้ายกับเหตุการณ์ของน้องหญิงหรือไม่ เพื่อคลายข้อสงสัยและตอบคำถามสังคมได้ ซึ่งการเข้าพบพนักงานสอบสวนในวันนี้ เป็นเพียงการพูดคุยเพื่อนำข้อมูลไปประกอบกับพยานหลักฐานและพยานวัตถุ พิจารณาว่าเป็นการเข้าข่ายมูลฐานความผิดค้ามนุษย์หรือไม่.


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"