05 ส.ค.2561 – เว็บไซต์อะลิตเติ้ลบุ๊ดด่ะ ดอทคอมได้รายงานในหัวข้อ “ชะแว๊ป! สงสัย ใครหนอเคยเห็นหน้า คลับคล้ายคลับคลา” พร้อมโพสต์รูปจากเฟซบุ๊กประชาสัมพันธ์พุทธมณฑล และหมายเรียกพระราชรัตนมุนี (บุญเทียม มุสุ) หรือบุญเทียม ญานินโท เลขาฯสมเด็จพระพุทธชินวงศ์ เจ้าคณะหนกลาง ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดพิชยญาติการามวรวิหาร ในคดีเงินทอนวัดล็อต 2
ทั้งนี้ยังได้มี TIMELINE ระบุว่า 13 กรกฎาคม 2561 : กองปราบออกหมายเรียกเจ้าคุณบุญเทียม วัดพิชัยญาติ เลขานุการสมเด็จพระพุทธชินวงศ์ เจ้าคณะใหญ่หนกลาง ไปรับทราบข้อหาในคดีเงินทอนวัด แต่แปลก นอกจากเจ้าคุณบุญเทียมจะไม่ไปปรากฏตัวแล้ว ทางกองปราบเองก็อ้อมแอ้ม ไม่ยอมระบุว่ามีการออกหมายเรียกจริงหรือไม่ และถ้าไม่มาตามหมายเรียกจะดำเนินการต่อไปอย่างไร ทางวัดพิชัยญาติเอง ได้บอกกับนักข่าวว่า เจ้าคุณบุญเทียมไม่อยู่วัดนานหลายเดือนแล้ว และไม่มีใครพบตัว และก่อนหน้านี้ก็มีข่าวว่า เจ้าคุณบุญเทียมหนีไปสึกที่เมืองนอกเหมือนเจ้าคุณแป๊ะแล้ว
27 กรกฎาคม 2561 : มีงานปฏิบัติธรรม เนื่องในเทศกาลวันอาสาฬหบูชา-เข้าพรรษา ที่พุทธมณฑล ผลปรากฏว่า เจ้าคุณบุญเทียมได้ไปร่วมงานในฐานะเลขานุการของงานด้วย (โพสต์ภาพและข้อมูลของงาน โดยฝ่ายประชาสัมพันธ์พุทธมณฑล)
การแจ้งความในคดีเงินทอนวัดนั้น ดำเนินการโดยสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ในฐานะเจ้าทุกข์ ส่วนเจ้าคุณบุญเทียมนั้นตกเป็นผู้ต้องหาในคดีดังกล่าว แต่การที่ทั้งเจ้าทุกข์ทั้งผู้ต้องหาทำงานร่วมกันอยู่เป็นปกตินั้น มันก็ประหลาด ทั้งเลือกปฏิบัติและละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ เผลอๆ ในบัญชีกรรมการมหาเถรสมาคมชุดใหม่ อาจจะมีชื่อ "เจ้าคุณบุญเทียม" ได้รับแต่งตั้งด้วยก็ได้ เพราะขนาดมีชื่อตกเป็นผู้ต้องหาในคดีเงินทอนวัด ยังร่วมงานกับสำนักพุทธฯ ได้อย่างบริสุทธิ์ผุดผ่อง และเมื่อทำงานให้แก่สำนักพุทธฯ ก็ถือว่ามีผลงาน ย่อมจะสามารถได้รับการปูนบำเหน็จเป็นธรรมดา
แต่ถามว่า ยุติธรรมสำหรับพระรูปอื่นๆ ที่ตกเป็นผู้ต้องหาในคดีดังกล่าวและได้รับโทษ ทั้งถูกจับกุมคุมขัง สั่งปลดออกจากตำแหน่ง และสละสมณเพศไปอย่างมากมาย หรือไม่ ถามว่าประเทศไทยมีกี่มาตรฐาน กองปราบไม่ออกหมายเรียก แต่ขอศาลอาญาออกหมายจับ ส่งกำลังเจ้าหน้าที่นับร้อยเข้าปิดล้อมวัดตั้งแต่หัวค่ำ ก่อนปฏิบัติการล็อกตัวในตอนเช้าตรู่ คัดค้านการประกันตัว จับสึกใส่กางเกงนอนคุก เป็นอันเสร็จพิธีภายในวันเดียว
เลขานุการสมเด็จพระพุทธชินวงศ์ ต้องคดีเงินทอนวัดเช่นกัน กองปราบออกหมายเรียก แต่ไม่การันตีว่าออกจริงหรือไม่ เพราะเจ้าคุณบุญเทียมไม่เห็นไปปรากฏตัวที่กองปราบ แต่ก็ไม่เห็นทางกองปราบจะทำอย่างไรต่อไป ผ่านมาได้หลายวันแล้ว ขณะเดียวกัน สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ซึ่งเป็นเจ้าทุกข์ของเจ้าคุณบุญเทียม กลับนิมนต์ไปร่วมงานปฏิบัติธรรมที่พุทธมณฑล ทำงานร่วมกันได้หน้าตาเฉย เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
ผู้คนจึงสงสัย ว่าทำไมกฎหมายไทยใช้ไม่เหมือนกัน ? ถามไปยัง : 1. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ในฐานะรัฏฐาธิปัตย์ 2. พ.ต.ท.พงศ์พร พราหมณ์เสน่ห์ ในฐานะเจ้าของสำนักงานพุทธมณฑล ซึ่งเป็นผู้นิมนต์เจ้าคุณบุญเทียม ผู้ต้องหา ไปร่วมงาน และ 3. กองปราบปราม ในฐานะผู้ออกหมายเรียก ออกหรือไม่ออก เรียกหรือไม่เรียก เรียกแล้วไม่มาจะทำอย่างไร ฯลฯ ต้องตอบให้แก่สังคมไทยได้ทราบ อย่าโมเมเฉไฉ ไม่งั้นมีปัญหาแน่
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |