โพล4ปี‘คสช.’ เกือบสอบตก! งานเด่น‘มั่นคง’


เพิ่มเพื่อน    

  กรุงเทพโพลสำรวจความพึงพอใจ 4 ปีรัฐบาล คสช. สอบผ่านเฉียดฉิว ตัวนายกฯ ได้ 6.40 เต็ม 10 ความมั่นคงยังเป็นงานเด่น ส่วนการแก้ปัญหาเศรษฐกิจเป็นที่โหล่ รัฐบาลลุงตู่อำนวยความสะดวกชาวรากหญ้า เพิ่ม 1 แสนร้านค้าย่อย รับบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ก.ย.นี้ เตรียมคืน VAT ให้ด้วย

ด้วยในเดือนสิงหาคมนี้ รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี จะบริหารประเทศครบ 4 ปีกรุงเทพโพล โดยศูนย์วิจัยมหาวิทยาลัยกรุงเทพ จึงได้ดำเนินการสำรวจความคิดเห็นของประชาชนเรื่อง “ประเมินผลงาน 4 ปี รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา” โดยเก็บข้อมูลจากประชาชนอายุ 18 ปีขึ้นไป จำนวน 1,276 คน จากทุกภูมิภาคทั่วประเทศ พบว่า
    ประชาชนให้คะแนนความพึงพอใจในการบริหารงานของรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ในช่วง 4 ปีเฉลี่ย 5.06 คะแนน จากคะแนนเต็ม 10 คะแนน โดยด้านที่มีคะแนนมากที่สุดคือ ด้านความมั่นคงของประเทศที่ได้ 6.14 คะแนน รองลงมาคือ ด้านการบริหารจัดการและการบังคับใช้กฎหมาย ได้ 5.51 คะแนน และด้านสังคมและคุณภาพชีวิตได้ 5.03 คะแนน
    สำหรับการปฏิบัติหน้าที่ในฐานะนายกรัฐมนตรี ของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชาในช่วง 4 ปีประชาชนให้คะแนนความพึงพอใจ เฉลี่ย 6.40 คะแนน โดยด้านที่มีคะแนนมากที่สุดคือด้านความเด็ดขาด กล้าตัดสินใจ ที่ได้ 7.02 คะแนน รองลงมาคือด้านความซื่อสัตย์สุจริตได้ 6.81 คะแนน และความขยันทุ่มเทในการทำงานเพื่อแก้ปัญหาของประเทศได้ 6.70 คะแนน
ทั้งนี้ ตลอด 4 ปีที่ผ่านมา ผลงานหรือนโยบายของรัฐบาลที่โดดเด่นมากที่สุดในสายตาประชาชนคือ การดูแลผู้มีรายได้น้อยผ่านโครงการประชารัฐ เช่น บัตรสวัสดิการแห่งรัฐร้อยละ 23.4 รองลงมาคือทำให้ประเทศชาติมีความสงบสุข มั่นคง ไม่มีการชุมนุม ร้อยละ 20.5 และมีการปราบปราบคอร์รัปชันอย่างจริงจัง  ร้อยละ 13.7
    ส่วนเรื่องที่คาดหวังจากการทำงานของรัฐบาล ตลอด 4 ปีที่ผ่านมา แต่ยังทำไม่สำเร็จคือเรื่องปัญหาเศรษฐกิจร้อยละ 52.2 รองลงมาคือราคาสินค้าเกษตรตกต่ำร้อยละ 11.8 และการจัดให้มีการเลือกตั้งร้อยละ 8.3
    พ.อ.อธิสิทธิ์ ไชยนุวัติ ผู้ช่วยโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงการดำเนินโครงการบัตรสวัสดิการแห่งรัฐว่า โครงการนี้ พล.อ.ประยุทธ์ต้องการช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อยในการใช้ชีวิตประจำวันให้มีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น และต้องการนำข้อมูลของประชาชนมาจัดทำนโยบายเพื่อให้ตรงกลุ่มเป้าหมายมากที่สุด อีกทั้งยังต้องการให้ผู้มีรายได้น้อยได้พัฒนาชีวิตของตัวเองให้ดีขึ้น ซึ่งการดำเนินการโครงการดังกล่าวมีประชาชนลงทะเบียนรับบัตรสวัสดิการแห่งรัฐทั้งสิ้น 14.1 ล้านคน ผ่านหลักเกณฑ์ได้รับบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ 11.4 ล้านคน     ซึ่งขณะนี้ได้รับบัตรไปแล้ว 97% โดยสวัสดิการจากบัตรดังกล่าวในเฟสแรก ระหว่างเดือน ต.ค.60-มิ.ย.61 สำหรับผู้มีรายได้เกิน 3 หมื่นบาท แต่ไม่ถึง 1 แสนบาทต่อปี จะได้รับเงินจับซื้อสิ่งของจำเป็นในร้านค้าที่มีเครื่องรูดบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ จำนวน 200 บาทต่อเดือน สำหรับผู้ที่มีรายได้ไม่ถึง 3 หมื่นบาทต่อปีจะได้รับ 300 บาทต่อเดือน โดยเฟสสอง ระหว่างเดือน ก.พ.61-ก.ค.61 จะมีการปรับเพิ่มเงินให้กับผู้เข้าร่วมโปรแกรมพัฒนาคุณภาพชีวิตและอาชีพที่ภาครัฐจัดให้ เป็น 300 และ 500 บาท ตามลำดับ
    พ.อ.อธิสิทธิ์กล่าวด้วยว่า ในเฟสสอง จะเพิ่มการอำนวยความสะดวกให้ประชาชนสามารถใช้บัตรสวัสดิการแห่งรัฐได้สะดวกขึ้น โดยจะเปิดโอกาสให้ประชาชนสามารถใช้บัตรสวัสดิการแห่งรัฐได้ในร้านค้าปลีกทั่วไป ผ่านแอปพลิเคชันของธนาคารกรุงไทย ซึ่งในเดือน ก.ค.นี้มีร้านค้ารายย่อยลงทะเบียนแล้ว 1.5 หมื่นร้านค้า คาดว่าในเดือน ก.ย. จะมีร้านค้าเข้าร่วม 1 แสนแห่ง
    นอกจากนี้ ยังมีการศึกษาความเป็นไปได้ในการหักภาษีมูลค่าเพิ่ม สำหรับผู้ใช้บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ โดยจะเป็นเงินคืนเข้าบัตรในเดือนต่อไป ถ้าไม่มีข้อติดขัดอะไรจะสามารถเสนอเรื่องเข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรีได้ในปลายปีนี้ และรัฐบาลจะพยายามรับฟังความคิดเห็นเพื่อพัฒนาการให้บริการประชาชนต่อไป.
 


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"