อะตอมคลินิก เร่งเครื่องธุรกิจความงาม ลุยขยายฐานลูกค้า


เพิ่มเพื่อน    

“อะตอมคลินิก” ลุยหนักครึ่งปีหลัง รับศึกธุรกิจความงามแข่งเดือด เล็งขยายสาขาเพิ่ม พร้อมเสริมทัพผลิตภัณฑ์สกินแคร์ ควบลุยหาลูกค้าใหม่ทั้งชาวไทยและต่างชาติ หวังสร้างยอดเติบโตปีละ 20%

นายแพทย์อนุพงษ์ ไพรวิจิตร แพทย์ผู้บริหาร บริษัท อะตอม จำกัด ผู้ดำเนินธุรกิจคลินิกความงามภายใต้ชื่อ“อะตอมคลินิก” เปิดเผยว่า แนวทางการดำเนินธุรกิจนับจากนี้ มีเป้าหมายสร้างยอดขายในแต่ละปีให้มีอัตราเติบโตที่ 20% ผ่านการขยายสาขาใหม่ รวมถึงการเพิ่มสินค้าในกลุ่มสกินแคร์ และเพิ่มทำตลาดกับตลาดต่างชาติให้มากขึ้น คาดการณ์ว่าปี 2561 น่าจะมียอดขายแตะ 200 ล้านบาท

สำหรับปัจจุบันอะตอมคลินิกเปิดให้บริการ 5 สาขา ประกอบด้วย 1. สาขาเลียบด่วนรามอินทรา 2. สาขาสุขุมวิท 3. สาขานครราชสีมา 4. สาขาขอนแก่น และ 5.สาขาบุรีรัมย์ แม้ว่าการขยายสาขาของบริษัทจะไม่เร่งจำนวนที่มาก เพราะต้องการควบคุมคุณภาพเรื่องบริการให้มีประสิทธิภาพอยู่เสมอ แต่ก็มองโอกาสจะเปิดเพิ่มอีก 1 สาขา คาดการณ์ว่าจะอยู่ในปี 2562 เป็นทำเลทางแถบภาคใต้หรือภาคตะวันออก

ขณะเดียวกันในช่วงที่ผ่านมาบริษัทยังได้มีการเปิดตัวผลิตภัณฑ์สกินแคร์ เพื่อขยายไลน์ธุรกิจให้หลากหลายยิ่งขึ้น ตอนนี้สัดส่วนรายได้มาจากการจำหน่ายสกินแคร์ประมาณ 5% ซึ่งมีเพียงแค่ 3 ตัวเท่านั้น แต่มีผลตอบรับจากลูกค้าเป็นอย่างดี เชื่อว่าหลังจากนำสินค้าเข้ามาเสริมเป็น 14 ตัว ก็เชื่อว่ายอดขายจากส่วนนี้จะเพิ่มเป็น 20% อย่างแน่นอน

พร้อมกันนี้ บริษัทยังเตรียมขยายกลุ่มเป้าหมายให้กว้างขึ้น จากเดิมจะเป็นคนทำงานหรือวัยที่มีอายุระหว่าง 25-45 ปี คิดเป็น 70% ของฐานลูกค้าทั้งหมด แต่ขณะเดียวกันก็มองว่าหากบริษัทสามารถเจาะลูกค้าได้หลากหลายมากขึ้น ก็จะสร้างโอกาสการเติบโต โดยเฉพาะในกลุ่มวัยรุ่นที่ต้องใช้กลยุทธ์ผ่านโซเชียลมีเดีย ในปีนี้อยู่ระหว่างการวางฐานระบบของเว็บไซต์ และแอพลิเคชั่นบนมือถือ รวมถึงการนำเสนอผ่านช่องทางยูทูป ควบคู่ไปกับทำตลาดผ่านกลุ่มผู้สูงวัยที่ต้องการดูแลผิวพรรณของตัวเอง

“ในช่วงครึ่งปีแรกบริษัทเติบโต 10% เป็นเหตุผลว่าทำไมช่วงที่เหลือของปีนี้ จึงต้องรุกหนักมากขึ้น เพื่อให้การเติบโตและยอดขายเป็นไปตามเป้าหมาย แน่นอนว่าปัจจุบันธุรกิจความงามมีคนสนใจเข้ามาลงทุนกันมาก ทำให้มีคู่แข่งรายใหม่เข้ามาเยอะ ทั้งผู้ประกอบไทยและต่างชาติ เราจึงพัฒนาตัวเองเพื่อให้รับกับการแข่งขันที่รุนแรง” นายแพทย์ กล่าว

นอกเหนือจากการขยายฐานผู้บริโภคชาวไทยแล้ว บริษัทยังเตรียมเพิ่มตลาดต่างชาติให้มากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นเมียนมา และอินโดนีเซีย ส่วนประเทศจีนคงเริ่มรุกด้วยการสร้างแบรนด์คลินิกผ่านการจำหน่ายผลิตภัณฑ์สกินแคร์ก่อนลำดับแรก ต่อจากนั้นจึงวางแผนทำตลาดในขั้นต่อไป และคาดว่าในปี 2562 สัดส่วนที่มาจากลูกค้าต่างชาติจะเพิ่มเป็น 20% จากปัจจุบัน 13%

อย่างไรก็ดี ตลาดความงามเมืองไทยมีมูลค่ามากถึง 1.8 แสนล้านบาท มีอัตราการเติบโต 10-15% ต่อเนื่อง โดยหากแบ่งเป็นธุรกิจคลินิกความงามจะอยู่ที่ประมาณ 3 หมื่นล้านบาท แน่นอนว่าก็มีการเติบโตดีไม่แพ้กัน จึงทำให้มีผู้สนในเข้ามาลงทุนจำนวนมาก และภาพรวมการแข่งขันดุเดือดมาหลายปี


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"