4 ส.ค.61 - นายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธานแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) ให้สัมภาษณ์ภายหลังออกจากเรือนจำว่า ก่อนอื่นต้องขอขอบพระคุณพี่น้องประชาชน พี่น้องนปช.และพี่น้องคนเสื้อแดงเพื่อนพ้องน้องพี่ทางการเมืองรวมไปถึงผู้ต้องขังที่เกี่ยวข้องทั้งหมดตลอดระยะเวลา 1 ปี 15 วัน ที่อยู่ในคุก ซึ่งดูเสมือนว่าเป็นเวลาที่เนิ่นนาน มีเรื่องราวเกิดขึ้นมากมาย แต่ก็ได้ผ่านความรู้สึกนั้นมาได้
นายจตุพร กล่าวว่าภารกิจของพวกเรายังต้องเดินหน้าและทำงานต่อไป หนทางข้างหน้าของประเทศชาติบ้านเมืองเป็นเรื่องของคนไทยทุกคนที่จะต้องร่วมกันหาทางออก ซึ่งประวัติศาสตร์ได้สอนเราทุกครั้งว่าประเทศไทยจะตายก่อนแก้ปัญหาเสมอ แต่ไม่เคยแก้ปัญหาก่อนตายแม้แต่เพียงครั้งเดียว เพราะฉะนั้นหนทางที่เป็นวิกฤติชาติบ้านเมืองอยู่นั้น เห็นว่าแต่ละฝ่ายคงต้องตระหนักหาทางออกร่วมกัน
เชื่อว่าทุกคนที่ผ่านเหตุการณ์ 14 ตุลา 2516 และเหตุการณ์พ.ค.2535 หรือในช่วง 10 ปีนี้ถ้าจุดเริ่มต้นของบ้านเมืองยังคงเป็นลักษณะอย่างนี้ไปที่สุดปลายทางก็จะไม่แตกต่างกับอดีตที่ผ่านมา ตนมีความปรารถนาที่ต้องการให้บ้านเมืองเดินไปข้างหน้าอย่างปณิธานของรัชกาลที่ 10 ความจริงทุกแนวทางในการแก้ไขปัญหาชาติบ้านเมือง อยู่ในพระกระแสรับสั่ง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องความยุติธรรมความสมัครสมานสามัคคีภายในชาติถ้าทุกฝ่ายน้อมนำและปฏิบัติอย่างเป็นจริงเราก็จะผ่านพ้นวิกฤตการณ์อันนี้ไปได้
นายจตุพร กล่าวต่อว่าหลังออกจากเรือนจำจะมีการปรึกษาหารือ ในการหาทางออกให้ชาติบ้านเมือง ซึ่งเราเองก็ไม่เคยบอกว่าเราทำถูกทุกเรื่อง เรื่องที่ผิดและถูกก็ย่อมเป็นบทเรียน แล้วอยู่บนสถานการณ์นั้นๆคนที่ผ่านเหตุการณ์บ้านเมืองก็น่าจะรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นถ้ายังเดินไปในสภาพอย่างนี้ ตนมีคำถามว่าเราจะแก้ปัญหาก่อนตายหรือตายก่อนแก้ อย่าเดินตามประวัติศาสตร์เพราะประวัติศาสตร์ ได้สอนอยู่แล้วอะไรที่ทำให้บ้านเมืองกลับมายังจุดวิกฤติเราก็ไม่ควรที่จะย่ำรอยเดิมและต้องตระหนักว่าจะไม่ทำในสิ่งเหล่านั้นอีก อะไรที่สำคัญที่สุดจะถูกหยิบยกมาใช้ในการจะนำพาบ้านเมืองไปสู่จุดเดิม
85 ปีที่ผ่านมามีทั้งการเลือกตั้งและการยึดอำนาจ นักการเมืองและผู้ยึดอำนาจสำหรับการมีอำนาจ ส่วนผู้ที่ตายฝ่ายเดียวก็ไม่เคยเปลี่ยนไม่ว่าผลเลือกตั้งจะเป็นอย่างไรหรือผลการยึดอำนาจจะเป็นอย่างไร ประชาชนก็ยังเป็นประชาชนในวันยังค่ำ เมื่อกงล้อประวัติศาสตร์อธิบายเช่นนั้นเราก็ไม่ควรย่ำรอยเดิมเราควรหาสิ่งที่ถูกต้องอย่างที่ควรจะเป็นสิ่งที่น่ากลัวในปัจจุบันไม่ใช่ว่าใครจะได้เสียงเท่าไหร่ แต่ยิ่งสร้างวิกฤติศรัทธาก็จะยิ่งเป็นสาเหตุให้บ้านเมืองกลับสู่หายนะ คือความน่ากลัว ทั้งนี้ความน่ากลัวไม่ได้อยู่บนความพ่ายแพ้ของการเลือกตั้งเป็นเรื่องเล็กมาก เล็กที่สุด แต่ใหญ่ที่สุดก็คือผลพวงของการสร้างภาพปรากฏการณ์วิกฤติศรัทธาที่จะเป็นสาระสำคัญ
ผู้สื่อข่าวถามว่าเจ้าหน้าที่รัฐได้จับตามองการเคลื่อนไหวของกลุ่มนปช. นายจตุพรกล่าวว่าไม่มีอะไรที่จะต้องแก้เกม แม้ตนไม่อยู่แต่ก็มีน้องๆอยู่คอยเป็นผู้ปัดกวาดบ้านให้สะอาด
เมื่อถามว่าได้มีการพูดคุยกับนายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตร และ อดีตพระพุทธะอิสระแกนนำกปปส.บ้างหรือไม่นายจตุพรกล่าวว่า ตนก็ได้พบทั้งคู่ ซึ่งตนเคยพูดว่า ไม่มีการพกความคับแค้นเข้ามาในคุก เพราะในคุกคือสังคมแห่งการอโหสิกรรมซึ่งกันและกัน แต่ใจกว้างพูดคุยเรื่องราวต่างๆที่จะเป็นประโยชน์ต่อชาติบ้านเมืองในวันข้างหน้าซึ่งมีเรื่องราวต่างๆมากมาย และในวันพรุ่งนี้ตอนจะเดินทางไปพบกับมวลชนที่อิมพีเรียลลาดพร้าวเพื่อทำกิจกรรมที่ยังค้างคาอยู่.
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |