3ส.ค.61- พ.ต.อ.วิรุตม์ ศิริสวัสดิบุตร อดีตรองผู้บังคับการจเรตำรวจ กล่าวถึงร่างพระราชบัญญัติตำรวจแห่งชาติ พ.ศ..... และร่างพระราชบัญญัติการสอบสวนคดีอาญาพ.ศ. .... ตามที่คณะกรรมการพิจารณาร่างพระราชบัญญัติตำรวจแห่งชาติ พ.ศ. .... ที่มีนายมีชัย ฤชุพันธุ์ เป็นประธานฯ ได้พิจารณาวาระที่หนึ่งเสร็จแล้ว ซึ่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาได้เผยแพร่เพื่อให้มีการรับฟังความคิดเห็นจากผู้ที่เกี่ยวข้อง ว่า ร่าง พ.ร.บ.ตำรวจแห่งชาติฉบับใหม่นี้ แม้ในภาพรวมจะถือว่ามีการเปลี่ยนแปลงมากซึ่งบางคนอาจคิดว่าเป็นการปฏิรูประบบตำรวจแล้ว แต่ในความเป็นจริง ประเด็นที่แก้ไขหรือเพิ่มเติมล้วนแต่เป็นเรื่องการบริหารงานบุคคลซึ่งถือเป็นเรื่องภายในองค์กรเป็นส่วนใหญ่ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการแต่งตั้งโยกย้าย การช่วยราชการ การมีคณะกรรมการพิทักษ์คุณธรรม และคณะกรรมการพิจารณาเรื่องร้องทุกข์
"ไม่ได้มีแนวทางปฏิรูปที่สอดคล้องกับเสียงเรียกร้องต้องการของประชาชนอย่างแท้จริงเลย ไม่ว่าจะเป็นเรื่อง "ตำรวจจังหวัด” ที่ผู้ว่าราชการจังหวัดจะต้องมีอำนาจในการแต่งตั้งโยกย้ายให้คุณให้โทษตำรวจในจังหวัดได้เมื่อผ่านความเห็นชอบของคณะกรรมการตำรวจจังหวัด หรือ กต.ตร. ปัจจุบัน ที่ผู้ว่าราชการจังหวัดเป็นประธานฯ อยู่แล้ว ซึ่งสามารถปรับโครงสร้างองค์ประกอบให้มีข้าราชการในกระบวนการยุติธรรมฝ่ายอื่นเพิ่มขึ้นรวมทั้งตัวแทนทนายความและสื่อมวลชนและองค์กรเอกชนในจังหวัด"
พ.ต.อ.วิรุตม์ กล่าวต่อว่า อย่างงานสอบสวน แม้จะกำหนดให้มีสายงานสอบสวน มีตำรวจระดับผู้บัญชาการเป็นหน้าคู่ไปกับผู้บัญชาการพื้นที่ มีอำนาจเสนอแต่งตั้งโยกย้ายและเลื่อนเงินเดือนพนักงานสอบสวน แต่ก็ระบบงานสอบสวนก็ยังไม่มีความเป็นอิสระอย่างแท้จริง โดยเฉพาะสถานี ยังไม่เห็นการกำหนดความเป็นอิสระของหัวหน้างานสอบสวนสถานีในเรื่องการเสนอแต่งตั้งโยกย้ายและการเลื่อนเงินเดือนรวมทั้งการลงโทษทางวินัย ความเป็นอิสระของพนักงานสอบสวนที่ไม่ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความ “อยาก” หรือ “ความกลัว” เพื่อเป็นหลักประกันความยุติธรรมในการรวบรวมพยานหลักฐานด้วยความสุจริตและมีประสิทธิภาพอย่างแท้จริงจึงยังไม่เกิดขึ้น
"หรืออย่างการโอนหน่วยตำรวจและงานสอบสวนเฉพาะทาง 11 หน่วย เช่น ตำรวจตรวจคนเข้าเมือง ตำรวจน้ำ ตำรวจทางหลวง กองบังคับการตำรวจจราจร ตำรวจป้องกันปราบปรามอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ ตำรวจป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ตำรวจท่องเที่ยว ตำรวจคุ้มครองผู้บริโภค ไปให้กระทรวงทบวงกรมที่รับผิดชอบตามมติสภาปฏิรูปแห่งชาติและมติคณะรัฐมนตรี ซึ่งเป็นเรื่องที่ทำได้ง่ายๆ ด้วยการตราเป็นพระราชกฤษฎีกาตาม พ.ร.บ.ตำรวจแห่งชาติฉบับปัจจุบันเท่านั้น และไม่มีเหตุผลอะไรที่จะยื้อหรือซื้อเวลาให้เนิ่นนานสร้างความเสียหายต่อประชาชนและสังคมต่อไป ก็ไม่มีความชัดเจน คงมีเพียงการยุบเลิกตำรวจรถไฟ การกำหนดให้โอนตำรวจป่าไม้และทรัพยากรธรรมชาติรวมทั้งงานจราจรให้กรุงเทพมหานคร และมหานครภายในเวลาห้าปี"
ส่วน ร่างพ.ร.บ.การสอบสวนดคีอาญา นั้น พ.ต.อ.วิรุตม์ กล่าวว่า ก็ยังคงเป็นการกำหนดวิธีปฏิบัติเกี่ยวกับสอบสวนในเรื่องที่ไม่ใช่สาระสำคัญของปัญหา เช่น ประเด็นการตรวจสอบควบคุมการสอบสวนคดีสำคัญโดยพนักงานอัยการตั้งแต่เกิดเหตุรวมทั้งคดีที่ประชาชนร้องเรียนว่าไม่ได้รับความเป็นธรรม และการบันทึกภาพเสียงการสอบปากคำผู้กล่าวหา ผู้เสียหาย ประจักษ์พยาน และผู้ต้องหา ยังไม่ได้ถูกกำหนดไว้
"ยังคงเป็นช่องว่างที่พยานหลักฐานการกระทำผิดคดีต่างๆ อยู่ในความรับรู้ของตำรวจฝ่ายเดียว โดยเฉพาะการสอบปากคำบุคคลมีโอกาสที่จะเกิดความคลาดเคลื่อนหรือบิดเบือนได้ง่ายอย่างยิ่ง ไม่มีใครหรือองค์กรใดสามารถตรวจสอบระหว่างการสอบสวนได้ว่า พนักงานสอบสวนได้รวบรวมพยานหลักฐานอย่างครบถ้วนเพื่อพิสูจน์ความผิดหรือความบริสุทธิ์ของผู้ถูกกล่าวหาด้วยความสุจริตและมีประสิทธิภาพยุติธรรมอย่างแท้จริงหรือไม่?"
พ.ต.ท.วิรุตม์ กล่าวด้วยว่า ประเด็นการปฏิรูปสำคัญที่ไม่ได้ถูกบัญญัติไว้ในร่างกฎหมายทั้งสองฉบับของคณะกรรมการปฏิรูปชุดนายมีชัย ฤชุพันธุ์ เหล่านี้ ก็เป็นเรื่องที่ประชาชนจะต้องเรียกร้องต่อรัฐบาลไม่ว่าชุดนี้หรือพรรคการเมืองที่จะอาสามาเป็นรัฐบาลในการหาเสียงการเลือกตั้งที่จะเกิดขึ้นให้ดำเนินการปฏิรูปต่อไป
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |