แพทย์ตรวจพิสูจน์ยืนยัน ดร.คณบดีเสียชีวิตเพราะสูดก๊าซพิษจากการจุดเตาถ่านทิ้งไว้ในรถแล้วตัวเองนอนปิดกระจกจนอากาศไม่สามารถถ่ายเท ญาติไม่ติดใจปมฆาตกรรมหรือฆ่าตัวตาย

    เมื่อวันที่ 21 มกราคมนี้ นพ.อังกูร แก่นจำปา แพทย์นิติเวชโรงพยาบาลศรีสะเกษ เปิดเผยว่า จากการชันสูตรศพ ดร.จักรพันธ์ โสมะเกษตริน ที่เสียชีวิตภายในรถปิกอัพ พบว่า ร่างกายของ ดร.จักรพันธ์มีก๊าซคาร์บอนมอนอกไซด์ เกิดจากการเผาไหม้ของเตาถ่านและเชื้อเพลิงภายในรถ และทำให้ก๊าซเข้าไปในร่างกายของ ดร.จักรพันธ์จำนวนมาก ทำให้ร่างกายขาดออกซิเจนและขาดอากาศหายใจ ส่งผลให้ ดร.จักรพันธ์เสียชีวิตในที่สุด ซึ่งขณะนี้บรรดาญาติพี่น้องได้รับศพของ ดร.จักรพันธ์ไปบำเพ็ญกุศลที่บ้านพัก อ.วารินชำราบ จ.อุบลราชธานี
    พ.ต.ท.ทองพูน ประกอบกิจ สารวัตรสอบสวน สภ.เมืองศรีสะเกษ เจ้าของคดี กล่าวว่า จากการตรวจสอบคดีนี้ไม่ใช่การฆาตกรรม ดร.จักรพันธ์เสียชีวิตเพราะขาดอากาศหายใจ ซึ่งญาติพี่น้องของ ดร.จักรพันธ์ไม่ได้ติดใจในสาเหตุการเสียชีวิตของ ดร.จักรพันธ์แต่อย่างใด ส่วนจะเป็นการฆ่าตัวตายหรือไม่นั้น ยังไม่สามารถพิสูจน์ยืนยันได้ ต้องสอบสวนหาสาเหตุที่แท้จริงต่อไป
    ด้านนางประทิ่น คำนาโฮม อายุ 72 ปี มารดา ดร.จักรพันธ์ และนายบัญจัด โสมะเกษตริน พี่ชาย กล่าวว่า หลังรู้ข่าว ดร.จักรพันธ์เสียชีวิต ได้เดินทางไปดูศพ และแพทย์โรงพยาบาลประจำจังหวัดศรีสะเกษ ซึ่งผ่าพิสูจน์ศพยืนยันว่าไม่พบยาหรือสิ่งผิดปกติในกระเพาะอาหารที่จะนำไปสู่การฆ่าตัวตาย พร้อมทั้งแพทย์ได้ลงความเห็นการเสียชีวิตมาจากขาดอากาศหายใจ ซึ่งครอบครัวก็ไม่ได้ติดใจสงสัยการเสียชีวิตในครั้งนี้ อีกทั้ง ดร.จักรพันธ์ ปกติเป็นคนอารมณ์ดี เป็นที่เคารพรักใคร่ทั่วไป ส่วนที่พบสิ่งของที่ใช้ในงานวิจัยอยู่ในรถจำนวนมากนั้น เป็นเรื่องปกติที่ ดร.จักรพันธ์มักพกพาเป็นประจำใช้ทำงานวิจัยระหว่างลงพื้นที่พูดคุยกับชาวบ้าน และเป็นไปได้ว่าที่นอนพักอยู่ในรถอาจมีอาการจากโรคประจำตัว คือไขมันและความดันสูง ประกอบกับเมื่อไม่นานมานี้เคยมีอาการวูบจากความดันสูงมาแล้ว แม้ไม่ดื่มเหล้าหรือสูบบุหรี่ แต่ชอบรับประทานอาหารรสจัด รสมัน 
    เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา มีผู้พบ ดร.จักรพันธ์ โสมะเกษตริน อายุ 43 ปี คณบดีคณะศิลปศาสตร์และวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏศรีสะเกษ นอนไม่ได้สติอยู่ภายในรถปิกอัพอีซูซุ 4 ประตู หมายเลขทะเบียน กค 518 ศรีสะเกษ ซึ่งจอดอยู่ที่ลานจอดรถของหอพักจิตติภัทรเพลส อ.เมืองศรีสะเกษ เมื่อเจ้าหน้าที่ตรวจสอบก็พบว่า ดร.จักรพันธ์เสียชีวิตแล้ว โดยภายในรถมีเตาถ่านซึ่งมีร่องรอยการก่อไฟวางอยู่ที่หลังเบาะ.