ภูเก็ตเป็นเมืองที่ไม่เคยหลับใหล มีแหล่งท่องเที่ยวมากมายตั้งแต่ตัวเมืองจนถึงนอกเมือง มีย่านตึกเก่าโบราณสไตล์ชิโน-โปรตุกีส รวมเสน่ห์ของอาคารที่สร้างขึ้นสมัยรัชกาลที่ 5 ทั้งยังเป็นแหล่งรวมสินค้าร้านขายผ้าปาเต๊ะ ผ้าลูกไม้ ร้านกาแฟ โรตีมะตะบะ พอออกจากตัวเมืองจะพบกับท้องทะเลที่งดงาม
ภาพของท้องฟ้าสีสดใส กับน้ำทะเลสีฟ้าอ่อนๆ หาดทรายขาวๆ กับแสงแดดที่สาดลงมามักจะเป็นภาพที่ทุกคนฝันถึงในหน้าร้อน เลยเป็นเหตุผลที่ใครๆ ต่างก็หลั่งไหลไปผ่อนคลายที่ทะเลในช่วงเวลาร้อนๆ แต่สำหรับภูเก็ตนั้น แม้ไม่ใช่หน้าร้อนก็ยังคงคึกคักเหมือนเดิม เพราะช่วงปลายเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา เราได้รับเชิญไปร่วมงาน "เคปพันวา โฮเทล ภูเก็ต เรซวีค” เป็นงานแข่งขันเรือใบพร้อมกิจกรรมปาร์ตี้ชายหาดที่จัดขึ้นเป็นประจำทุกปีที่โรงแรมเคปพันวา ซึ่งมีนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางมาร่วมงานมากมาย เป็นเหตุผลที่ว่าทำไมภูเก็ตไม่ได้คึกคักแค่หน้าร้อน
งานเคปพันวา โฮเทล ภูเก็ต เรซวีค หรืองานแข่งเรือใบ นับเป็นงานที่เราตั้งตารอคอย เพราะงานแข่งเรือใบไม่ได้มีให้ดูบ่อย และไม่ได้หาชมได้ในสนามเหมือนกีฬาชนิดอื่น งานนี้ โรงแรมเคปพันวาเป็นเจ้าภาพหลัก อำนวยความสะดวกทั้งสถานที่พักและกิจกรรมปาร์ตี้ให้ลูกเรือที่เข้าแข่งขันด้วย เช่นเดียวกันกับเรา สำหรับโรงแรมตั้งอยู่ที่แหลมพันวา ไม่ไกลจากโรงแรมสุดหรูอย่างศรีพันวา สามารถมองเห็นกันได้ ถ้าเดินทางมาจากในเมืองใช้เวลาราว 1 ชม.
เราใช้เวลาอยู่ที่เคปพันวา 2 วัน ในวันแรกเราเดินสำรวจโรงแรม เราชอบเคปพันวาตรงที่ถนนทางเข้าค่อนข้างเป็นเนินสูง แล้วก็มีต้นไม้รอบๆ ธรรมชาติที่โอบล้อมเอาไว้ทุกทิศทางของโรงแรม มองเห็นวิวทะเลได้หลายมุม นี่อาจจะเป็นเสน่ห์ที่ทำให้นักท่องเที่ยวต่างชาติต่างก็หลงใหล เพราะว่าเท่าที่สังเกตที่นี่สัดส่วนนักท่องเที่ยวต่างชาติค่อนข้างมาก ยิ่งช่วงนี้เป็นช่วงแข่งเรือใบ โรงแรมก็จะดูคึกคักเป็นพิเศษหน่อย เพราะผู้เข้าแข่งขันบางคนก็พาครอบครัวมาพักผ่อน และมาร่วมสังสรรค์ด้วย ที่ว่าคึกคักนี้ก็ไม่ได้ถึงขั้นพลุกพล่านวุ่นวาย เพราะนักท่องเที่ยวทุกคนต่างมีมุมของตัวเอง บางคนก็อยู่มุมสระว่ายน้ำ บางคนก็เลือกที่จะไปนอนรับลมทะเลริมหาดส่วนตัวของโรงแรม หรืออย่างบางคนก็ไปนวดสปา
ในส่วนของห้องพักมีหลายแบบ ทั้งห้องกว้างๆ แยกสัดส่วนห้องครัว ห้องนอน ห้องนั่งเล่นชัดเจน มีสระว่ายน้ำส่วนตัว หรือห้องธรรมดาก็มีสิ่งอำนวยความสะดวกไม่แพ้กัน จุดเด่นของที่นี่มีโครงสร้างมองเห็นวิวทะเล ถ้าตอนกลางคืนจะนอนฟังเสียงคลื่น ลม ก็ได้ยินเสียงชัดแจ๋ว ที่สำคัญริมระเบียงห้องพักจะมีที่นั่งกว้าง บางห้องมีอ่างสำหรับนอนแช่น้ำข้างนอกด้วย ส่วนห้องพักของเราเป็นห้องธรรมดาที่ไม่ธรรมดา เพราะเมื่อมีเวลาว่างแล้วขึ้นไปนั่งบนเตียงทีไรก็เผลอหลับทุกที เพราะหลับสบายมาก น่าจะดีต่อคนที่มีปัญหาเรื่องการนอนไม่ค่อยหลับ
วันที่สอง เราไปเที่ยวดูแข่งเรือใบ การแข่งขันเรือใบปีนี้ มีเรือเข้าร่วมแข่งเกือบ 40 ลำจากหลายประเทศ มีทั้งทีมฮอลลีวูด ออสเตรเลีย ฯลฯ แต่ละทีมมากันเป็นสิบๆ คน ตอนที่ไปดูปีนี้การแข่งขันดุเดือดเป็นพิเศษ อาจเป็นเพราะลีลาการพากย์ของครูยอด ศุภกิจ ด้วงเงิน อดีตนักเรือใบทีมชาติที่คอยอธิบายการแข่งขันว่าเรือมีกี่ประเภท แล้วแข่งกันอย่างไร การเรียนรู้เรื่องแข่งเรือใบต่อให้ศึกษาหรือมีคนมาเล่าให้ฟังยังไงก็ไม่สนุกเท่ามาดูด้วยตา ยิ่งมีครูยอดมาเล่าให้ฟังแล้วยิ่งสนุก การแข่งเรือใบมีเรือแข่งหลายประเภท แบ่งการแข่งออกเป็นคลาสๆ โดยอาศัยแรงลมเป็นหลัก นี่เป็นเหตุผลที่ทำไมถึงแข่งเรือใบเดือนกรกฎาคม เพราะเป็นช่วงฤดูฝน ลมฟ้าอากาศเป็นใจ ทำให้การล่องเรือใบภูเก็ตเผยแพร่สู่สายตาคนทั่วโลก
ความรู้สึกขณะดูเรือใบ จำได้ว่าแต่ละลำที่อยู่ในท้องทะเลท่ามกลางคลื่นลมทำเอาใจหายใจคว่ำ เพราะมองไกลๆ หลายลำต้องเอียงซ้ายเอียงขวาตามลมปะทะกับคลื่น แต่บรรยากาศตอนนั้นดูน่าสนุกดี ครูยอดยังบอกอีกว่าทุกๆ ปีมีผู้หญิงร่วมแข่งมากขึ้น ปีนี้มีลูกเรือหญิงล้วน 3 ลำ และอีกหลายลำที่มีลูกเรือหญิงอยู่ด้วย พร้อมกับบอกว่าคนไทยไม่ค่อยนิยมเล่นเรือใบด้วยเหตุผลหลายอย่าง แต่กีฬานี้เป็นกีฬาที่อยู่ใกล้ชิดกับธรรมชาติ สามารถฝึกเล่นได้ตั้งแต่อายุ 7-8 ขวบ อยากให้คนหันมาเล่นบ้าง
ในตอนค่ำมีงานปาร์ตี้สำหรับผู้เข้าร่วมแข่งขัน บรรยากาศคล้ายงานเลี้ยงรุ่นระหว่างเพื่อนที่ไม่ได้เจอกันนาน เพราะนักแล่นเรือใบอยู่กันคนละประเทศ ยิ่งเมื่อได้พูดคุยกับบรรดาลูกเรือที่ร่วมแข่งเรือใบทีม "Krabi Boat Lagoon Pinocchio” ยิ่งประทับใจ เป็นเรือเช่าเหมาลำลูกเรือหญิงล้วนชาวออสเตรเลีย ภาพแรกที่เรานึกถึงหญิงสาววัยทำงานสุดมั่น แต่ไม่ใช่เลย เป็นกลุ่มสตรีอายุเฉลี่ย 60 ปี ในทีมอายุมากสุด 72 ปี น้อยสุดก็ 40 ปีแล้ว ทุกคนในทีมดูแข็งแรงมาก พวกเขาบอกว่ามาจากเพิร์ท ออสเตรเลีย และไม่กลัวที่จะต้องมาแข่งกับผู้ชาย เพราะใช้สมองเป็นหลัก ไม่ได้ใช้กำลัง วัยเก๋าแบบนี้น่าจะเป็นแบบอย่างให้กับผู้หญิงยุคใหม่ หรือเป็นแรงใจให้กับสาวๆ ก็เล่นเรือใบได้
หลังงานแข่งเรือใบจบ ได้เดินทางไปเที่ยวเกาะยาวน้อย ที่ อ.เกาะยาว จ.พังงาต่อ ถ้าใครสนใจให้ไปขึ้นเรือที่ท่าเรือบางโรง ป่าคลอก นั่งสปีดโบ๊ตประมาณ 20 นาทีก็ถึงเกาะยาวน้อยแล้ว จริงๆ การมาเกาะยาวน้อยจากภูเก็ตจะใกล้กว่า แต่ก็สามารถเดินทางมาได้จากทางพังงา บนเกาะยาวน้อยมีที่พักหลายแห่งที่น่าสนใจ แต่เราแนะนำโรงแรมเคปกูดู โรงแรมในเครือเดียวกันกับเคปพันวา บรรยากาศต่างกันที่ความเงียบสงบ ตัวโรงแรมโดดเด่น ตั้งตระหง่านหันหน้าเข้าหาทะเล สไตล์โมเดิร์น มีความทันสมัย เวลาถ่ายรูปสวยมาก เหมือนหลุดออกมาจากนิตยสารท่องเที่ยว โรงแรมกลมกลืนไปกับธรรมชาติ ที่สำคัญบริการอาหารแสนอร่อย แล้วยังมีคาเฟ่ให้นั่งเล่นชิลๆ
มาพักแนะนำให้ไปท่องเที่ยวรอบเกาะ มีทั้งรถจักรยานยนต์ให้เช่าหรือรถสองแถวโรงแรมพาไปได้ รอบเกาะยังคงหลงเหลือวิถีชีวิตชาวมุสลิมให้ได้เห็นอยู่ ส่วนใหญ่ทำอาชีพประมง สวนยาง ทำนา ชาวบ้านส่วนหนึ่งหันมาทำที่พัก โฮมสเตย์ เพื่อรองรับนักท่องเที่ยวมากขึ้น เราได้พักที่นี่ 1 คืนก่อนเดินทางกลับกรุงเทพฯ และปรารถนาจะมาสัมผัสที่นี่ให้ได้หลายๆ ครั้งในชีวิต.
----------------------------------------
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |