ในกฎเกณฑ์คำว่า 'ชะตาบาป'


เพิ่มเพื่อน    

 

  แค่ "ข่าว" ไทยขอให้อังกฤษ "ส่งตัว" เท่านั้นแหละ

                "ยิ่งลักษณ์".......

                เผ่นแน่บจากอังกฤษไปซุกดูไบแล้วแต่วาน (๑ ส.ค.๖๑)

                ว่ากันจริงๆ ไม่เห็นต้องเผ่น

                เพราะล้านเปอร์เซ็นต์ อังกฤษไม่ทำตามคำขอของไทยอยู่แล้ว!

                ไม่เฉพาะรายยิ่งลักษณ์นี่หรอก

                รายไหนก็เหมือนกัน

                หรือใครเคยเห็นอังกฤษ ส่งตัว "ผู้ร้ายข้ามแดน" ให้ประเทศที่บริหารด้วย "รัฐบาลเผด็จการ" บ้างล่ะ?

                มันเป็นมาตรฐาน "ตามรูปแบบ" ที่สังคมประชาธิปไตยเขายึด

                ยิ่งเป็นผู้ร้ายในคราบนักการเมืองด้วยแล้ว ไม่เพียงอังกฤษ ประเทศไหนๆ เขาก็ไม่ส่ง

                แล้วเราจะทำยังไง?

                เมื่อเข้าตามตรอกออกตามประตูไม่ได้ ถ้าอยากได้ตัวจริงๆ ก็ต้องเข้าทางหน้าต่าง

                อย่างที่ประเทศประชาธิปไตยตีนใหญ่เขาทำกันบ่อย แต่เราไม่รู้เอง

                ส่งมือดีไปอุ้มกลับมา!

                อุ้มให้เนียนละกัน ไม่มีใครสน แต่ถ้าไม่เนียน ก็ตัวใคร-ตัวมัน

                ให้ไปอุ้มกลับนะ ไม่ใช่ให้ไปหิ้วชายกระโปรงหรือหิ้วถุงช็อปปิ้งตามตูดต้อยๆ อย่างเป็นข่าวสองเดือนก่อน

                ฟังที่ท่านรองฯ วิษณุพูดเมื่อวาน ประมาณว่า ที่ไทย "ขอตัว" เพราะฝ่ายอังกฤษ "ร้องขอ" ให้ไทยทำหนังสือไป

                ถึงฟังทะแม่งๆ แต่ก็มีเหตุผล

                สมมุติเราเป็นรัฐบาลอังกฤษ การให้นักโทษหนีคุกซุกหัว ในใจย่อม "กระดากใจ" ต่อประเทศต้นทางอยู่บ้าง

                เพื่อไม่ไปถึงขั้น "มองตา" กันไม่ได้

                เราจะให้ผู้ร้ายรู้จักมรรยาท "ผู้ดีอังกฤษ" เตือนอย่าทำตัวอล่างฉ่างเป็นนางกลางเมืองให้มากไป

                มันจะเสียกันไปหมด........

                แต่ ๒-๓ เดือนที่ผ่านมา ๒ จอมโจร-จอมใจ ใช้อังกฤษเป็น "สโมสรโจร" เอิกเกริกมาก

                จัดงาน ออกข่าว ออกคลิป ทั้งการบ้าน การเมือง การสืบพันธุ์ของลูกเต้า

                ล่าสุด ถึงขั้น ถ่ายคลิป โจรพาว่าที่ "ผู้สมัคร ส.ส." โขยงหนึ่ง ทัวร์ลอนดอน ยึดพื้นที่ข่าว

                เนี่ย...อังกฤษเขาคงเอือม ก็เลยสะกิด บอกให้ไทยช่วยทำหนังสือขอตัวผู้ร้ายข้ามแดนมาทีเหอะ

                เรียกว่าอังกฤษ "ยืมมือไทย" ส่งสัญญาณ "ไม่ชอบใจ" ไปถึงโจรไร้สกุลนั้น

                ก็ได้ผลทันตา........

                เก็บเสื้อผ้ายัดกระเป๋าเผ่นจากลอนดอนไปสุมสโมสรต่อที่ดูไบแทนในบัดดล!

                ต้องบอกว่า "ไล่โจรสะเทือนถึงอาณาจักรดาว"

                เพราะทำให้คนนึกถึงสารวัตรหนุ่ย "พ.ต.อ.วทัญญู วิทยผโลทัย" ขึ้นมาฉับพลันทันใด

                ตอนไปโผล่หิ้วถุงตามตูดยิ่งลักษณ์ต้อยๆ ที่อังกฤษ ปลายเดือนก่อนโน้น

                ข่าวโครมคราม "พล.ต.อ.ศรีวราห์" สั่งพักราชการ ให้ตั้งคณะกรรมการสอบสวน

                ก็รู้ๆ กันอยู่ ว่านั่นแค่ "พิธีกรรม"

                ถึงตอนนี้ คนลืมไปเกือบหมด เผลอๆ ตุลา สารวัตรหนุ่ย ขึ้นเป็นนายพลละก็ คงได้ขำกันกลิ้ง

                เมื่อนางโจรผู้มีตำรวจเป็นเงา "เป็นข่าว" คนก็นึกถึง "เงาโจร"

                อ่านข่าวจาก "ผู้จัดการออนไลน์" นักข่าวไปถาม "พล.ต.ต.ชยพล ฉัตรชัยเดช" รองผู้การสันติบาล ว่าเรื่องไปถึงไหนแล้ว?

                ท่านบอก......

                สืบสวนยังไม่เสร็จ ยังไม่ทราบว่า จะเข้าข่ายผิดทางอาญาหรือทางวินัยตำรวจหรือไม่?

                ตอนนี้ สอบยังไม่เสร็จ

                อันที่จริง น่าครบ ๓๐ วันแล้ว แต่ขยายเวลาต่อได้อีก ๓๐ วัน ตามกฎ

                นี่ถ้าผลสอบออกมาถึงขั้น "ผิดวินัยร้ายแรง" ไล่สารวัตรหนุ่ยออกละก็

                "สำนักงานตำรวจแห่งชาติ"........

                อยู่ได้ฤๅ?

                พูดถึงการตั้งกรรมการสอบ ทำให้นึกถึงเรื่อง "เงินทอนวัด"

                เมื่อวาน (๑ ส.ค.) กองปราบฯ ออกจับข้าราชการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ "คดีเงินทอนวัด" ๑๐ ราย

                ๑.นายพนม ศรศิลป์ อดีต ผอ.สำนักพุทธ

                ๒.น.ส.ประนอม คงพิกุล รอง ผอ.สำนักพุทธ

                ๓.นายแก้ว ชิดตะขบ ผอ.พศ.จ.สมุทรสงคราม

                ๔.นายณรงค์เดช ชัยเนตร ผอ.พศ.จ.สิงห์บุรี

                ๕.นายชยพล พงษ์สีดา รอง ผอ.พศ.

                ๖.นายวสวัตติ์ กิตติธีระสิทธิ์ ผอ.ส่วนบูรณะพัฒนาวัด

                ๗.นายบุญเลิศ โสภา ผอ.พศ.จ.ลำปาง

                ๘.นายพัฒนา สุอำมาตย์มนตรี นักวิชาการศาสนา

                ๙.นางพรเพ็ญ กิตติธรางกูร นักวิชาการศาสนา และ

                ๑๐.นายเจษฎา วงศ์เมฆ ธุรกิจส่วนตัว/รับเหมา

                ในจำนวน ๑๐ จับแล้ว ๖ ยังจับไม่ได้อีก ๔ คือ

                นางสาวประนอม, นายณรงค์เดช, นายวสวัตติ์ และนายเจษฎา

                ก็ไม่มีอะไรเป็นความเห็น........

                ในเมื่อทุกคนเป็นข้าราชการ "สำนักงานพระพุทธศาสนาฯ"

                บาปก็รู้ บุญก็รู้ นรกก็รู้ สวรรค์ก็รู้ ผิดก็รู้ ถูกก็รู้  

                เมื่อ ป.ป.ช.เขาสอบสวน ตั้งข้อหาตามพยานหลักฐานที่แต่ละคนเกี่ยวข้อง และศาลอนุมัติหมายจับ

                มีเวลา-มีโอกาสหนี แต่ไม่หนีไปไหน รอรับชะตากรรมตามกระบวนการกฎหมายเช่นนี้

                ก็ขอให้ "บริสุทธิ์-ไม่บริสุทธิ์" ของแต่ละท่าน จงมีอานิสงส์เป็นคุณตามกาลก็แล้วกัน

                "นายพนม ศรศิลป์" เป็นถึง ผอ.สำนักพุทธ คิดแล้วอนาถ ก็เคยเตือนตรงนี้หลายครั้ง

                ถึงตอนนี้ น่าจะซึ้ง "ทำกรรมเช่นใด ย่อมได้รับผลแห่งกรรมเช่นนั้น"

                ประเด็นที่ผมจะพูดอยู่ที่ "นางสาวประนอม คงพิกุล" รอง ผอ.สำนักพุทธ

                ข่าวว่า เธอเดินทางออกนอกประเทศไปแล้วเมื่อเดือนมิถุนา จึงไม่พบตัวเมื่อวาน!

                ท่านคงจำหน้า "นางสาวประนอม" กันได้กระมัง?

                ตอน "พ.ต.ท.พงศ์พร พราหมณ์เสน่ห์" เข้ามาชำระสะสางคดีทุจริตในสำนักพุทธ เธอยังทำหน้าที่รอง ผอ.สำนักพุทธอยู่

                ตามคำคนกลางเก่า-กลางแก่อย่างผมว่าเปี๊ยบเลย "ใบหน้าใช่ว่าคำตอบคน"

                เธอเหมือนนกกระยางกลางทุ่งนาหนองน้ำ ขาวสะอาดทั้งตัว ยืนสงบนิ่ง กลางระลอกน้ำพลิ้วลม เหมือนคนบรรลุ น่าเลื่อมใส

                แต่เผลอแป๊บเดียว.........

                จิกแม็บ ปลากระแด่วๆ คาปาก ขยอกๆ ปลาเป็นๆ ทั้งตัว หายวับลงท้อง

                แล้วยืนขาเดียวต่อ ล่อเหยื่อให้ตายใจว่า "จำศีล" แล้วจิกแม็บอีก

                หน้าตาดูธัมมะ-ธัมโมแท้ๆ แต่เผลอเป็นขยอก "วัดทั้งวัด" เป็นเงินทอน!

                ดูปูมประวัติแล้ว ไม่น่าจริงๆ..........

                เธอเป็นครูบาอาจารย์ทางสายเลือด จบครุศาสตร์ สาขาเทคโนโลยี จากวิทยาลัยครูเพชรบุรีวิทยาลงกรณ์

                เป็น "มหาบัณฑิต" ทางครุศาสตร์ สาขาการบริหารการศึกษา จากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

                เธอเป็น "คนดีศรีประเทศ" ได้รับการยืนยันโดยรางวัล

                ทั้ง "เสมาทองคำ"

                ทั้ง "คุรุสดุดี-ครุฑทองคำ"

                จากกระทรวงศึกษาฯ มาเป็นข้าราชการสำนักงานพระพุทธศาสนาฯ ถึงยุค "นายนพรัตน์ เบญจวัฒนานันท์" เป็น ผอ.สำนักพุทธ

                เธอก็ได้รับรางวัล แต่เป็นรางวัลที่ "ไม่เหลือดี" มีแต่หุบเหวนรกในจิตใจและพฤติกรรมที่เปลี่ยนไปในเรื่อง

                "เงินทอนวัด"!

                ใน ๔ ส่วน "หลอกพระ-หลอกเจ้า" ให้ทอนกลับถึง ๓ ส่วน เธอทำได้ ไม่ครั้งเดียว

                แต่เป็นอาจิณ!

                "พนม ศรศิลป์" กับเธอ "ประนอม คงพิกุล" เป็นมือซ้าย-มือขวา ของนายนพรัตน์ "เงินทอนตัวพ่อ" ที่หนีไปมีเมียอยู่เมืองนอกตอนนี้

                นพรัตน์ "ศิษย์เอกธรรมกาย" ต้นตำรับ "ธุดงค์ธรรมชัย" ทำรถติดทั้งกรุงเทพฯ เขานี่แหละ

                เมื่อเกษียณ พนมกับประนอม สืบเชื้อสายเงินทอนวัดและเอื้ออาทรธรรมกายต่อ

                วันนี้ ลูกพี่-ลูกน้อง ๓ คน ๓ เส้นทางชะตา

                เส้นทางสุดท้าย......

                นพรัตน์จะเสวยสุขด้วยเงินทอนอยู่กับภรรยาที่สหรัฐฯ นิรันดร์หรือไม่?

                พนม ศรศิลป์ ประหนึ่งสำนึก รอรับชะตากรรม เข้าอยู่ในตะรางวันนี้

                กับประนอม เกษียณแล้ว ไม่ทราบขณะนี้ หลบอยู่ไหน

                ทั้ง ๒ คนนี้ หนึ่งอยู่ หนึ่งหนี

                ก็น่าตามดู ณ ที่ "เส้นทางสุดท้าย" ในความหมาย "เงินทอนวัด"? 

               

               

 


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"