ในระหว่างฝ่ายพลังดูดของกลุ่มสามมิตรนำโดยสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ, สมศักดิ์ เทพสุทิน, สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกฯ ภายใต้พรรคพลังประชารัฐ กับฝ่ายทักษิณ นายใหญ่พรรคเพื่อไทย ที่กำลังเกทับบลัฟแหลกในประเด็นการกวาด ส.ส. ว่าใครจะชนะเลือกตั้งในปี 62
เรื่องนี้คงต้องดูกันยาวๆ แต่ที่แน่ๆ คอการเมืองต้องฟังคือ การฟันธงของ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ผู้ร่วมก่อตั้งพรรครวมพลังประชาชาติไทย (รปช.) ที่หยามพรรคเพื่อไทยว่าไม่ได้เป็นรัฐบาลอย่างแน่นอน
“การเลือกตั้งที่จะเกิดขึ้น จะไม่มีพรรคการเมืองใดได้เสียงข้างมากเด็ดขาดเพียงพรรคเดียว ดังนั้น การจัดตั้งรัฐบาลจึงต้องเป็นพรรครัฐบาลผสม”
กลับมาวิเคราะห์คำพูดของสุเทพ ที่เป็นเซียนการเมือง เคยผลักดันให้นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เป็นนายกฯ ได้สำเร็จ โดยมีสายสัมพันธ์ที่ดีกับ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ในฐานะเป็น รมว.กลาโหม รัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์และเป็นพี่ใหญ่รัฐบาล คสช.ในขณะนี้
ก็พอจะคาดการณ์ได้ว่า “สุเทพ” ในฐานะผู้สนับสนุนรัฐธรรมนูญปี 60 จนผ่านประชามติมาแล้ว อ่านขาดว่า กฎหมายสูงสุดของประเทศออกแบบมาเพื่อตัดตอนพรรคเพื่อไทย
โดยไม่อนุญาตให้ได้ ส.ส.เกินคะแนนความนิยมของพรรค ในส่วนที่เกินออกมาก็คือ ส.ส.บัญชีรายชื่อจะถูกตัด และโอนไปให้พรรคกลางเมืองในระดับกลางและเล็ก ที่ยังได้โควตาไม่ถึง จึงทำให้พรรคเพื่อไทยไม่สามารถจัดตั้งรัฐบาลพรรคเดียวได้ หากไม่ได้ ส.ส.เขตเกิน 251 เสียงขึ้นไป
สอดคล้องกับความยากลำบากของทักษิณ ที่ถูกตอกย้ำเรื่องทุจริตคอร์รัปชันด้วยหมายจับใบที่ 5 ในคดีหวยบนดิน ยังลามไปถึง “พานทองแท้ ชินวัตร" บุตรชายนายทักษิณ ที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) สั่งฟ้องต่อสำนักอัยการสำนักงานคดีพิเศษ ทุจริตอนุมัติสินเชื่อของอดีตผู้บริหารธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) ให้กับกลุ่มธุรกิจในเครือกฤษดามหานครโดยมิชอบ
และล่าสุดที่รัฐบาลประสานไปยังประเทศอังกฤษเพื่อจับตัวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร มาดำเนินคดีจำคุกที่ไทย 5 ปี ในคดีโครงการรับจำนำข้าว
ที่เปรียบเสมือนผ้ายันต์สะกด “ทักษิณ” ให้หยุดความเคลื่อนไหว เพราะ “ยิ่งดิ้นก็ยิ่งถูกรัดแน่นขึ้น”
ประกอบกับ ส.ส.ฐานเสียงหลักพรรคเพื่อไทยในภาคเหนือและภาคอีสาน ก็เกิดความไม่มั่นใจว่า “ทักษิณ” จะสู้จริงหรือไม่ เพราะยังหาผู้นำทัพไม่ได้ ท่อน้ำเลี้ยงก็ไม่ไหลมาเป็นเวลานาน
ท่ามกลางสถานการณ์ที่กลุ่มสามมิตรรุกหนักด้วยอำนาจเงิน ตำแหน่งทางการเมือง และการใช้คดีความกดดัน เพื่อกวาดต้อนเข้าค่ายพรรคพลังประชารัฐ
คู่ขนานกับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ ได้นำพา ครม.ลงพื้นที่จังหวัดต่างๆ อัดฉีดงบโครงการประชารัฐ และไทยนิยมยั่งยืน เพื่อแก้ปัญหาความยากจนของชาวบ้าน ที่เชื่อว่าจะสามารถชนะใจประชาชนได้ และทำให้ลืม นายใหญ่ได้สำเร็จ และไม่เกิดเหตุการณ์ “ชนะยิ่งกว่าแลนด์สไตล์” หรือ “หิมะถล่ม” ตามที่ “ทักษิณ” กล่าวอ้าง
ไม่นับกลไกต่างๆ ของประเทศ ได้แก่ ข้าราชการ ทหาร ตำรวจ องค์กรอิสระ อาทิ กกต., ป.ป.ช., ศาลรัฐธรรมนูญ ที่ สนช. แต่งตั้งในยุครัฐประหาร ต่างโอบอุ้ม และเกื้อหนุนพรรคพลังประชารัฐ และพรรคพันธมิตรของ คสช.ให้ชนะการเลือกตั้ง
รวมทั้งมี ส.ว.สรรหา จำนวน 250 คน ที่คลอดจากคสช. ทำหน้าที่โหวตนายกฯ และพร้อมจะเป็นปรปักษ์ทันที หากเป็นรัฐบาลฝ่ายตรงข้าม คสช. ผ่านการกำกับโดยกฎหมายปฏิรูปและยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี ที่หากใครไม่ปฏิบัติตามมีโทษทางอาญาและตัดสิทธิ์ทางการเมือง
อย่างไรก็ตาม แม้จะมีคำถามว่า หากสุดท้ายพรรคเพื่อไทยจับมือพรรคประชาธิปัตย์ต้องการล้มทหาร ด้วยการรวม ส.ส.เกิน 376 เสียง แม้ตามทฤษฎีจะเกิดขึ้นได้ แต่เมื่อดูสถานการณ์จริงยอมรับว่าเป็นไปได้ยาก
ดูง่ายๆ แค่ปรากฏการณ์ “นคร มาฉิม” ที่โจมตีพรรคเก่าคือ พรรคประชาธิปัตย์ ไปสมคบคิดกับทหารและตุลาการศาลบางคนโค่นล้มระบอบทักษิณ ทำให้เห็นอาการของคนทั้ง 2 พรรคว่ารังเกียจกันขนาดไหน “ผีไม่เผา เงาไม่เหยียบ” มิเพียงเท่านั้นการเลือกตั้งครั้งต่อๆ ไปยังสุ่มเสี่ยงถูกแฟนคลับลงโทษที่ทรยศต่อความไว้ใจ จนอาจต้องสูญพันธุ์ทางการเมือง
ขณะที่ “สุเทพ” ที่มีส่วนรู้เห็นเรื่องนี้เพราะเรื่องเกิดขึ้นในช่วงเป็นเลขาธิการพรรค ปชป. ทั้งที่มีโอกาสชี้แจง แต่เลือกจะวางเฉย “ตอนนี้ผมไม่ได้อยู่พรรคประชาธิปัตย์แล้ว จึงไม่อยากจะไปแก้ตัวแทนเขา“
เซียนการเมืองที่เล่นบทเขี้ยวอย่างลุงกำนันมองทะลุว่า เรื่องนี้จะกระทบพรรคเก่าแก่ และคะแนนความนิยมซึ่งเป็นฐานเสียงเดียวกันก็จะไหลมาที่ รปช. ส่งผลให้เป็นพรรคร่วมรัฐบาลได้นั่นเอง
เรื่องเหล่านี้อยู่ในสายตาของ “สุเทพ เทือกสุบรรณ” ทั้งหมด จึงทำให้กล้าฟันธงว่าพรรคเพื่อไทยไม่ชนะเลือกตั้ง.
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |