นพ.ธีระเกียรติ เจริญเศรษฐศิลป์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (รมว.ศธ.) กล่าวถึงความคืบหน้าการตั้งคณะกรรมการสอบสวนวินัยผู้เกี่ยวข้องกรณีโครงการก่อสร้างศูนย์ศึกษาการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ หรือ อควาเรียม ทะเลสาบสงขลา วิทยาลัยประมงติณสูลานนท์ จ.สงขลา สังกัดสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา (สอศ.) ว่า ตามที่คณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีดังกล่าวมี นายการุณ สกุลประดิษฐ์ ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ (ปลัด ศธ.) เป็นประธาน ได้สรุปข้อมูลการตรวจสอบข้อเท็จจริงเสร็จเรียบร้อยแล้ว พบว่า ข้อมูลในสำนวนสรุปชัดเจนเอื้อประโยชน์ให้แก่บริษัทเอกชนและทำให้ราชการเสียหายชัดเจน ดังนั้น เมื่อเร็วๆ นี้ ตนได้เรียกเจ้าหน้าที่ฝ่ายนิติการสำนักงานปลัดกระทรวงศึกษาธิการ (สป.) มาหารือแล้ว และขณะนี้ได้มีการดำเนินการส่งหนังสือไปถึงกระทรวงต่างๆ ที่มีผู้เกี่ยวข้องในโครงการนี้แล้ว เพื่อให้ผู้บังคับบัญชาต้นสังกัดเหล่านั้นชี้มูลความผิดกลับมาเพื่อจะเสนอรายชื่อคณะกรรมการสอบสวนทางวินัยให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทรโอชา นายกรัฐมนตรี พิจารณาต่อไป หากไม่มีการชี้มูลความผิดกลับมาก็ต้องสามารถอธิบายเหตุผลได้  
    “ เรื่องนี้ไม่มีอะไรเพิ่มเติมแล้วและไม่มีอะไรจะต้องย้อนถอยหลังนับหนึ่งสอบสวนใหม่อีก ซึ่งรายชื่อคณะกรรมการสอบสวนทางวินัย ผมจะเป็นคนเสนอรายชื่อให้นายกรัฐมนตรี คิดว่าเราไม่สามารถตั้งคณะกรรมการสอบสวนทางวินัยหลายๆ คณะกรรมการได้ ต้องใช้คณะกรรมการชุดเดียวสอบสวนผู้เกี่ยวข้องทั้งหมด ทั้งนี้ แม้มีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องหลายหน่วยงาน แต่จะไม่ล่าช้าในการตอบกลับหนังสือชี้มูลแน่นอน เพราะหากมีหน่วยงานใดหน่วยงานหนึ่งส่งหนังสือชี้มูลความผิดมาเพียงหน่วยงานเดียว เราจะสรุปสำนวนทันทีไม่ต้องรอให้ครบทั้งหมด เพราะในส่วนของ ศธ. เจ้าหน้าที่นิติกร สป.ได้สรุปความผิดเรียบร้อยหมดแล้ว อีกทั้งผมยังมอบหมายให้ ปลัด ศธ.ประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกำชับว่า เรื่องนี้ช้าไม่ได้ เพราะไม่ได้เกิดประโยชน์ต่อใคร  ส่วนจะตั้งใครเป็นประธานคณะกรรมการสอบสวนทางวินัย ผมคิดไว้ว่าต้องเป็นข้าราชการระดับ 11 ของ ศธ. เพราะข้าราชการ ศธ.รู้เรื่องทั้งหมดอยู่แล้ว  แต่ขอปรึกษาหารือกับทุกฝ่ายก่อน” รมว.ศธ.กล่าว 
    นพ.ธีระเกียรติ กล่าวต่อว่า สำหรับความความคืบหน้าการตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีการจัดซื้อครุภัณฑ์ฝึกทักษะมัธยมศึกษาตอนต้น ปีการศึกษา2561 โรงเรียนสังกัดสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.)  ในงบประมาณ 6 แสนบาทต่อโรงเรียน วงเงิน 279 ล้านบาท ของเขตพื้นที่การศึกษาในภาคอีสานนั้น ขณะนี้ตนได้รับรายงานเรื่องดังกล่าวเบื้องต้นว่า อยู่ระหว่างการสอบสวน ไม่อยากไปเร่งรัด เพราะขอบเขตการสอบสวนเกี่ยวข้องกว่า 100 โรงเรียน อยากให้คณะทำงานหาข้อมูลอย่างเต็มที่ เพราะมีข้อมูลซับซ้อน ขัดคำสั่งตั้งแต่ระดับนโยบาย การล็อคสเปก