ผมมาไซ่ง่อน (โฮจิมินห์ซิตี) ครั้งนี้ได้ข้อสรุปว่าเวียดนามไม่ได้มองไทยเป็นคู่แข่ง
แต่เขากำลังมองข้ามช็อตจะไปเทียบเคียงกับสิงคโปร์และมาเลเซียแล้ว
ผมแวะมาคารวะอนุสาวรีย์ของ "ลุงโฮ" ที่ไซ่ง่อน 43 ปีหลังสิ้นสุดของสงครามเวียดนามเมื่อวันที่ 30 เมษายน 1975 ด้วยความเสียดายว่าลุงโฮเสียชีวิตก่อนจะเห็นชัยชนะที่ตัวเองได้ฟันฝ่าต่อสู้ดิ้นรนมาตลอดชีวิต
ลุงโฮเสียชีวิตปี 1969 และทหารเวียดนามเหนือบุกยึดไซ่ง่อนได้ปี 1975 ก่อนจะรวมชาติกลายเป็นเวียดนามเดียว มีฮานอยเป็นเมืองหลวงและไซ่ง่อนเป็นศูนย์กลางแห่งพาณิชย์
หากวันนี้ลุงโฮเห็นเวียดนามอย่างที่ผมเห็นจะคิดอย่างไรผมไม่แน่ใจ เหมือนที่ผมจินตนาการไม่ออกว่าหากเหมาเจ๋อตุงลุกขึ้นจากหลุมฝังศพมาเห็นจีนวันนี้จะดีใจ ตกใจหรือตีอกชกลมกันแน่
แต่ผมประเมินเองว่าทั้งประธานเหมาและลุงโฮหากสามารถล่วงรู้ได้ถึงสิ่งที่เกิดขึ้นกับประเทศตัวเองวันนี้จะเห็นพ้องกันอย่างหนึ่งว่า
เราจะต้องอยู่แถวหน้าของความเปลี่ยนแปลงของโลก!
ตัวเลขอัตราโตทางเศรษฐกิจของเวียดนามสำหรับไตรมาสแรกของปีนี้กระโดดไปอยู่ที่ 7.38% เปรียบเทียบกับ 5% ของช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนหน้านี้
ปีนี้ทั้งปีรัฐบาลเวียดนามตั้งเป้าให้โตประมาณ 6.7%
หากเทียบกับของไทยที่พยายามจะให้อัตราโตของผลผลิตมวลรวมหรือจีดีพีปีนี้อยู่ที่ 4.5% ก็ย่อมแปลว่าเวียดนามมีพลังเร่งสูงกว่าไทย
เวียดนามวันนี้ดูดการลงทุนของบริษัทยักษ์ๆ จากต่างประเทศได้คล่องตัวกว่าเดิม บริษัทผลิตสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ยักษ์อย่าง Samsung, LG และ Canon มาตั้งฐานการผลิตของตนที่นี่ บางส่วนโอนย้ายจากไทย อีกบางส่วนมาเปิดใหม่
เหตุผลที่เวียดนามวันนี้มี “พลังดูด” เงินลงทุนจากต่างชาติมากขึ้น เพราะกติกาว่าด้วยการให้สิทธิพิเศษสำหรับนักลงทุนต่างชาติที่จูงใจสูงขึ้น
เวียดนามมีประชากร 95 ล้านคน และเกือบ 70% เป็นคนอายุต่ำกว่า 35 ซึ่งหมายถึงแรงงานและมันสมองที่มีความคึกคักกว่า “สังคมคนสูงวัย” ที่ไทยเรากำลังจะเดินเข้าหา หนุ่มสาวเวียดนามขยัน ใฝ่รู้ และกระตือรือร้น
เมื่อเร็วๆ นี้ผลสอบ PISA ระดับมัธยมของเด็กเวียดนามสร้างความตื่นตะลึงเพราะเอาชนะแม้ประเทศตะวันตกได้
คนรุ่นใหม่ที่ทำงานบริการ เช่นโรงแรมและสถานบริการสามารถพูดภาษาอังกฤษได้โดยเฉลี่ยน่าจะคล่องกว่าคนไทยในระดับเดียวกัน
ที่สำคัญคือ ทัศนคติกล้าพูดกล้าลองผิดลองถูกของเยาวชนเวียดนามดีกว่าของเด็กไทย
เวียดนามกำลังเรียนรู้จากประสบการณ์เปิดประเทศทางเศรษฐกิจจากจีน แม้จะเริ่มช้ากว่าจีนประมาณ 10 ปี แต่เขากำลังเร่งฝีเท้าให้ทันกับนวัตกรรมระดับสากล
อีกด้านหนึ่งเวียดนามมีความระหองระแหงกับจีนในทะเลจีนใต้เพราะต่างก็อ้างสิทธิ์เหนือหมู่เกาะบางแห่งทับซ้อนกัน
ความไม่พอใจของคนเวียดนามต่อการรุกคืบของนักธุรกิจจีนในเวียดนามเห็นได้ชัดจากการชุมนุมต่อต้านจีนเมื่อเร็วๆ นี้ที่เกิดขึ้นพร้อมๆ กันในหกเมืองใหญ่ โดยที่รัฐบาลฮานอยไม่ได้ห้ามปรามเด็ดขาด เผลอๆ จะมีการให้ท้ายอย่างไม่เป็นทางการด้วยซ้ำ
เหตุของการประท้วงก็คือกฎหมายใหม่ของเวียดนามที่เปิดทางให้ต่างชาติเช่าที่ในเขตเศรษฐกิจพิเศษที่ตั้งใหม่ยาว 99 ปี
พอเปิดทางโล่งอย่างนั้น นักธุรกิจจีนก็เฮโลกันเข้ามาจนสร้างความตกใจให้คนเวียดนาม ทั้งในระดับปัญญาชนและชนชั้นกลางที่ระแวงอิทธิพลจีนอยู่ก่อนหน้านี้แล้ว
เวียดนามจึงมียุทธศาสตร์คานอิทธิพลจีนด้วยการคืนดีกับสหรัฐฯ อย่างเปิดเผย พยายามจะกลบความทรงจำอันขมขื่นอันเกิดจากสงครามเวียดนามที่ยาวนานถึงเกือบ 20 ปีที่ทำให้คนเวียดนามเสียชีวิตอย่างน้อย 3 ล้านคน
อีกด้านหนึ่ง เวียดนามพยายามดึงญี่ปุ่นและเกาหลีใต้เข้ามาลงทุนเพื่อสร้างความสมดุลในโครงสร้างการลงทุนต่างประเทศให้เหมาะสม เพื่อรักษาไว้ซึ่งอิสระแห่งการดำเนินนโยบายของตน
เวียดนามเดินตามรอยของจีนอีกด้านหนึ่งคือ การจัดการเรื่องคอร์รัปชันในแวดวงเจ้าหน้าที่รัฐอย่างเข้มข้นขึ้น เพราะเป็นที่ยอมรับกันว่าเรื่องสินบนใต้โต๊ะเป็นปัญหาใหญ่อีกเรื่องหนึ่งของประเทศนี้
ผู้นำพรรคคอมมิวนิสต์เวียดนามตระหนักเช่นเดียวกับแกนนำพรรคคอมมิวนิสต์จีนว่าหากพรรคเองเน่าจากข้างใน อีกไม่ช้าไม่นานก็จะไม่สามารถรักษาอำนาจของพรรคอยู่ได้ อาจถึงกาลล่มสลาย และอาจมีการก่อขบถจากภายในประเทศจนระบอบคอมมิวนิสต์พังต่อหน้าต่อตาได้ โดยเฉพาะในขณะที่โลกเกิดความเปลี่ยนแปลงอย่างหนักหน่วงและรุนแรงอย่างที่เห็น
เวียดนามอยู่ใต้การยึดครองของจีนกว่า 1,000 ปี
อยู่ใต้การปกครองของฝรั่งเศสเกือบ 100 ปี
และทำสงครามกับอเมริกาเกือบ 20 ปี
วันนี้เวียดนามเรียนรู้จากอดีต สั่งสมความอดทนบึกบึนและทรหดเพื่อมาประยุกต์กับโลกสมัยใหม่ และพร้อมจะปรับตัวให้ทันกับนวัตกรรมที่กำลังพลิกโฉมโลก
ความพร้อมจะกระโจนเข้าสู่ "สิ่งที่ไม่คุ้นเคย" และปลีกตัวเองออกจาก comfort zone อย่างทะมัดทะแมงของคนรุ่นใหม่เวียดนามนี้แหละที่เป็นคุณสมบัติที่ทำให้เขาแตกต่างไปจากคนไทยหลายวงการ
เวียดนามไม่ได้คิด "แซง" เฉยๆ แต่กำลังจะทำทุกอย่างเพื่อ “กระโดดข้าม” ขั้นตอนเดิมๆ เพื่อไปยืนอยู่แถวหน้าของอาเซียนแล้ว
คนไทยได้ยินเสียงนาฬิกาปลุกดังลั่นบ้านหรือยัง?
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |