ประกาศแล้วหลักเกณฑ์แต่งตั้งตำรวจล่าสุด!


เพิ่มเพื่อน    

31 ก.ค.61-ราชกิจจานุเบกษา ตอนพิเศษ 181ง ลงวันที่ 31 กรกฎาคม 2561 เผยแพร่ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง หลักเกณฑ์การแต่งตั้งและโยกย้ายข้าราชการตำรวจตามหลักอาวุโส ระบุว่า โดยที่เป็นการสมควรกำหนดหลักเกณฑ์การแต่งตั้งและโยกย้ายข้าราชการตำรวจตามหลักอาวุโสในระหว่างรอการแก้ไขปรับปรุงกฎหมายเกี่ยวกับการบริหารงานบุคคลข้าราชการตำรวจ อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 260 วรรคสาม ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย คณะรัฐมนตรีจึงออกประกาศไว้ ดังต่อไปนี้

ข้อ1.ให้ใช้หลักเกณฑ์การแต่งตั้งและโยกย้ายข้าราชการตำรวจตามหลักอาวุโสนี้ ตั้งแต่ วันที่ 6 เมษายน พ.ศ. 2561 เป็นต้นไป ข้อ 2.การแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการตำรวจให้ดำเนินการตามหลักอาวุโสซึ่งหมายความว่า
ข้าราชการตำรวจผู้มีระยะเวลาการดำรงตำแหน่งของข้าราชการตำรวจในแต่ละระดับ (อายุงานในแต่ละระดับ)
ที่มีความเหมาะสมให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์นี้จะได้รับการพิจารณาเลื่อนตำแหน่งสูงขึ้น โดยกาหนดระยะเวลาการดำรงตาแหน่งในแต่ละระดับและคุณสมบัติของผู้ที่จะได้รับการเลื่อนตำแหน่งสูงขึ้นไว้ ดังต่อไปนี้

ทั้งนี้ ข้าราชการตำรวจที่มีระดับตำแหน่ง ระยะเวลา และคุณสมบัติตามวรรคหนึ่งให้ถือว่าเป็นข้าราชการตำรวจที่อยู่ในหลักอาวุโสเดียวกันโดยให้พิจารณาข้าราชการตำรวจที่สานักงานตารวจแห่งชาติ ได้เรียงลาดับอาวุโสไว้แล้วได้รับการพิจารณาเรียงตามลำดับอาวุโสร้อยละสามสิบสามของจานวนตาแหน่งว่าง ในระดับเดียวกันในหลักเกณฑ์ตามข้อ 3 สำหรับข้าราชการตำรวจที่มีระดับตาแหน่ง ระยะเวลาและคุณสมบัติไม่ครบตามวรรคหนึ่งให้ถือว่าเป็นข้าราชการตำรวจที่ไม่อยู่ในหลักอาวุโส ไม่ให้นำวิธีนับอาวุโสในการรักษาราชการแทนของข้าราชการตำรวจมาใช้ในการพิจารณาแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการตำรวจตามหลักเกณฑ์นี้

การแต่งตั้งข้าราชการตำรวจที่อยู่ในหลักอาวุโสเดียวกันให้ไปดำรงตาแหน่งในระดับเดียวกัน หรือเลื่อนตำแหน่งสูงขึ้นให้พิจารณาโดยคำนึงถึงอาวุโสและความรู้ความสามารถ ตลอดจนผลงาน และประโยชน์แก่ทางราชการตำรวจตามนัยแห่งมาตรา 258 ง. ด้านกระบวนการยุติธรรม (4) ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยประกอบกันเพื่อให้ข้าราชการตำรวจได้รับความเป็นธรรมในการแต่งตั้งและโยกย้าย สามารถปฏิบัติหน้าที่ได้อย่างมีอิสระ ไม่ตกอยู่ในอาณัติของผู้ใดมีประสิทธิภาพ และภาคภูมิใจในการปฏิบัติหน้าที่และตำแหน่งของตน
    
การคัดเลือกแต่งตั้งข้าราชการตำรวจให้ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาพิเศษสานักงานตำรวจแห่งชาติ ผู้ทรงคุณวุฒิพิเศษสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และผู้ทรงคุณวุฒิสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ให้ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติคัดเลือกรายชื่อจากข้าราชการตำรวจที่ดำรงตำแหน่ง ผู้ช่วยผู้บัญชาการตารวจแห่งชาติ รองผู้บัญชาการ และรองผู้บังคับการ แล้วแต่กรณี ที่มีระยะเวลาการดำรงตำแหน่งครบถ้วนตามวรรคหนึ่ง และจะต้องเป็นผู้ที่มีอายุตั้งแต่ห้าสิบเก้าปีบริบูรณ์ขึ้นไปและมีเวลาราชการเหลือไม่เกินหกเดือน ในกรณีที่เป็นการเลื่อนตำแหน่งสูงขึ้นในตำแหน่งควบปรับระดับเพิ่ม - ลดได้ในตัวเองทุกกรณี ให้มีระยะเวลาการดำรงตำแหน่งตามระเบียบหรือหลักเกณฑ์ว่าด้วยการนั้น

ข้อ 3 ให้นำหลักเกณฑ์และวิธีการแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการตำรวจที่กาหนดไว้แล้วซึ่งใช้อยู่เดิมและไม่ขัดหรือแย้งกับหลักเกณฑ์นี้มาใช้บังคับโดยอนุโลม ข้อ 4 ข้าราชการตำรวจที่เห็นว่าตนไม่ได้รับความเป็นธรรมในการแต่งตั้งโยกย้ายให้ร้องทุกข์ หรือร้องเรียนต่อผู้บังคับบัญชาได้ตามกฎหมายว่าด้วยตำรวจแห่งชาติ ในกรณีที่ข้าราชการตำรวจ หรือบุคคลใดพบหรือทราบว่ามีการเรียก รับ หรือกระทำด้วยประการอื่นใดอันมีการเรียกร้อง
ผลประโยชน์แลกเปลี่ยนตอบแทนในลักษณะที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายหรือหลักการบริหารกิจการบ้านเมืองที่ดี
ให้แจ้งเบาะแส พฤติการณ์และตัวบุคคลอันสามารถนาไปสู่การสืบสวนข้อเท็จจริงต่อไป โดยไม่จำเป็นต้องแจ้งชื่อและที่อยู่ ต่อศูนย์อำนวยการต่อต้านการทุจริตแห่งชาติ (ศอตช.) กระทรวงยุติธรรม เพื่อตรวจสอบและนำตัวผู้กระทำความผิดมาลงโทษตามกฎหมายโดยทางการจะรักษาข้อมูลเกี่ยวกับผู้แจ้งไว้เป็นความลับ ข้อ 5 ในกรณีมีข้อสงสัยหรือปัญหาการตีความตามหลักเกณฑ์การแต่งตั้งและโยกย้ายข้าราชการตำรวจนี้ ให้ ก.ตร. เป็นผู้วินิจฉัย คำวินิจฉัยของ ก.ตร. ถือเป็นที่สุด แล้วรายงานให้นายกรัฐมนตรีทราบ
 


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"