31 ก.ค.61-   นางธิดา ถาวรเศรษฐ ประธานที่ปรึกษาแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) โพสต์เฟซบุ๊ก  ประเด็น คำเปิดโปงของ ‘นคร มาฉิม’ กับทฤษฎีเครือข่ายสมคบคิดทางการเมือง!!! โดยระบุว่า

ประเด็นหนึ่งที่ กล่าวในรายการเหลียวหลังแลไปข้างหน้าฯว่าเรื่องที่นายนคร มาฉิมเปิดโปงทฤษฎีเครือข่ายสมคบคิดทางการเมืองทำให้คนในพรรคประชาธิปัตย์เต้นมาก ซึ่งมีคนถามว่ามาเทียบกับเรื่องนายสุภรณ์ อัตถาวงศ์ที่ย้ายออกจากเพื่อไทยแล้วถูกดูดไปค่ายที่สนับสนุนพล.อ.ประยุทธ์ได้ไหม? สองเรื่องนี้แตกต่างกัน

นายสุภรณ์อาจจะบอกว่าออกจากพรรคเพื่อไทยเพราะพรรคไม่ดูแล แต่ก็พูดไม่ดัง สื่อที่นำมาขยายความมากก็จะพูดเรื่องนปช.  ยืนยันว่าสิ่งที่นายสุภรณ์พูดนั้นไม่จริง ส่วนนายนคร มาฉิม อดีตส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ ได้ออกมาโพสต์ถึงทฤษฎีเครือข่ายสมคบคิดและแบ่งงานกันทำจนทำให้เกิดการล้มล้างรัฐบาลที่ผ่านมา

คนหนึ่งย้ายสังกัดของประชาชนที่อยู่ค่ายประชาธิปไตยย้ายข้ามไปอยู่ฝ่ายที่สนับสนุนการสืบทอดอำนาจ ส่วนอีกคนหนึ่งย้ายไปต่างค่ายเช่นกัน สิ่งที่เกิดขึ้นในประวัติศาสตร์ทางการเมืองพรรคประชาธิปัตย์เป็นส่วนหนึ่งของฝ่ายอนุรักษ์นิยมในฐานะบทบาทพรรคการเมือง ส่วนทฤษฎีสมคบคิดว่าได้ไปร่วมกันอย่างไร ตอนไหน แบ่งงานกันทำอย่างไร นายนครบอกว่าพร้อมที่จะเปิดเผย ขณะที่นายสุภรณ์บอกว่านปช.มีการต่อรองเพื่อผลประโยชน์อย่างไร แต่ตนไม่เชื่อว่าแกนนำนปช.จะใช้สถานะแกนนำไปต่อรองเอาผลประโยชนส่วนตน

แต่สิ่งที่ทั้งสองคนนี้แตกต่างกันนั้น  นางธิดากล่าวว่าแนวนโยบายของพรรคเพื่อไทยและแนวนโยบายของนปช.มีลักษณะร่วมกัน ต่อต้านรัฐประหาร ต่อต้านระบอบเผด็จการ ต่อต้านการสืบทอดอำนาจ ซึ่งถือว่าเป็นสิ่งที่ก้าวหน้าและถือเป็นเรื่องของผลประโยชน์ประเทศชาติประชาชน ถ้าคุณเคยอยู่ฝั่งที่ก้าวหน้าแล้วย้ายไปฝั่งล้าหลังที่คุณโจมตีมาตลอด ประชาชนเขาก็ตัดสินเอง

ส่วนนายนคร มาฉิม อ.ธิดาพูดเลยว่าอยู่ในฝ่ายล้าหลังแล้วสารภาพผิดขอมาอยู่ฝ่ายก้าวหน้า ในทัศนะของตนเห็นว่าไม่ใช่เรื่องที่จะถูกโจมตี อยู่ที่ทัศนะการมอง แต่เราจะตัดสินว่าถูกหรือผิดเราต้องคำนึงถึงผลประโยชน์และทิศทางความก้าวหน้าของการเมืองที่คน ๆ นั้นกำลังปฏิบัติเป็นเรื่องหลัก

นางธิดากล่าวว่าสิ่งที่นายนครโพสต์นั้นใคร ๆ ก็รู้อยู่แล้ว เพราะการล้มเวทีรัฐสภาโดยเลื่อนเก้าอี้ ปาแฟ้ม อะไรต่าง ๆ จะเกิดขึ้นอย่างหนาแน่นอย่างนั้นหรือถ้าไม่ได้นัดหมายกัน นั่นคือการบอกให้รู้ว่าไม่มีเวทีรัฐสภาอีกต่อไป จนกระทั่งเกิดการทำรัฐประหาร นอกจากนั้นขณะนี้เกิดพรรคการเมืองใหม่ที่นายสุเทพ เทือกสุบรรณเชื่อมั่นว่าจะได้เป็นรัฐบาลแน่ ๆ จึงเป็นกระบวนการที่เครือข่ายของระบอบอำมาตยาธิปไตยที่มองว่ายังไม่ควรจะให้อำนาจประชาชน 100 เปอร์เซ็น

สิ่งที่นายนครพูดอาจจะมองว่าเป็นผลประโยชน์ส่วนตัวที่อยากจะมาเป็นส.ส.ก็ได้ แต่ถามว่าผลประโยชน์ส่วนตัวนี้สอดคล้องและเป็นประโยชน์กับผลประโยชน์ประชาชนไหม? ตอบได้ว่าสอดคล้องและเป็นผลประโยชน์ประชาชน ดังนั้นฝ่ายประชาธิปไตยก็ต้องชื่นชม ตรงข้ามฝ่ายที่โจมตีนายนครก็คงกลัวถูกเปิดโปง

นางธิดาระบุว่าไม่อยากให้เกิดความสับสนในระหว่างคนสองส่วน คือจากล้าหลังไปก้าวหน้านั้น OK แต่จากเคยแสดงว่าก้าวหน้าแล้วไปถอยหลัง ไปสนับสนุนฝ่ายที่ตรงข้ามอำนาจประชาชน มันก็ต้องถูกประชาชนโจมตี!

สิ่งที่นายนครพูดนั้นเป็นการย้ำให้เห็นว่าที่นปช.พูดนั้นเป็นความจริงคือไม่ใช่แค่สมคบคิด แต่เป็นเครือข่ายที่เกิดขึ้นมายาวนานและยังสามารถเติบโตได้ จึงทำให้ระบอบประชาธิปไตยไม่สามารถลงหลักปักฐานในประเทศได้อย่างจริง ๆ 

 ถ้าใครที่เป็นพวกลัทธิวีรชนเอกชน พวกเสรีไร้ระเบียบวินัย เวลาอยู่ในท่ามกลางการทำงานของนปช.นั้นจะดำเนินไปไม่ได้ ดังนั้น
1) พวกเสรีไร้ระเบียบวินัยจะไม่มีวันชอบอ.ธิดา 
2) อ.ธิดาไม่สามารถให้ผลประโยชน์กับใครเพราะไม่ได้เกี่ยวข้องกับพรรคการเมืองไม่สามารถต่อรองตำแหน่งได้ เอะอะก็พูดแต่หลักการและระเบียบวินัย