รับสั่งเร่งช่วยผู้ประสบภัย ริมโขงผวาระดับนํ้าเพิ่มสูง


เพิ่มเพื่อน    

    "รมว.มหาดไทย" เผย สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวพระราชทานกำลังพระราชหฤทัยแก่ครอบครัวผู้เสียชีวิตและผู้ประสบภัยน้ำท่วม พร้อมทั้งมีพระราชกระแสรับสั่งให้ทุกหน่วยงานเร่งแก้ปัญหาเร็วที่สุด  "บิ๊กตู่" วอน ปชช.ฟังข่าวรัฐอย่าเชื่อข้อมูลลวงในโซเชียล "อุตุฯ" แจ้งฝนยังตกหนักทั่ว ปท. "ปภ."  เตือน "น่าน-แม่ฮ่องสอน-ตาก" เสี่ยงดินโคลนถล่ม "นครพนม" ผวา! ระดับน้ำในแม่น้ำโขงเพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว
    เมื่อวันที่ 30 ก.ค. พล.ท.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงสถานการณ์น้ำท่วมในหลายพื้นที่ว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) แสดงความเป็นห่วงพี่น้องประชาชนในพื้นที่ที่ประสบภัยน้ำท่วม อันเนื่องมาจากฝนตกหนักติดต่อกันหลายวัน โดยเบื้องต้นได้รับรายงานบางจังหวัดมีน้ำท่วมสูงโดยเฉพาะภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ทำให้เป็นอุปสรรคต่อการสัญจร บ้านเรือนและพื้นที่การเกษตรได้รับความเสียหาย 
    พล.ท.สรรเสริญกล่าวว่า นายกฯ ได้กำชับผู้ว่าราชการจังหวัดผ่านกระทรวงมหาดไทย ให้บูรณาการทุกหน่วยงานในพื้นที่เร่งให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัย และสำรวจความเสียหายเพื่อชดเชยเยียวยาประชาชนต่อไป ซึ่งนายกฯ ย้ำว่ารัฐบาลและกลไกทุกระดับของภาครัฐเฝ้าติดตามสภาพอากาศอยู่ตลอดเวลา เพราะช่วงนี้เริ่มเข้าสู่ช่วงมรสุมทำให้มีฝนตกต่อเนื่องหลายพื้นที่ พร้อมทั้งพยายามแจ้งเตือนพี่น้องประชาชนให้ทันท่วงที
    "หากเป็นเหตุที่เกิดขึ้นอย่างฉับพลันก็จะเร่งบรรเทาความเดือดร้อนให้ได้โดยเร็วที่สุด พร้อมทั้งยังได้ฝากเตือนประชาชนให้ติดตามข่าวสารภัยพิบัติอย่างระมัดระวัง โดยขอให้ติดตามข่าวจากทางราชการ  ไม่หลงเชื่อข่าวลือที่ส่งต่อกันทางโซเชียลมีเดีย เพราะอาจเกิดความตื่นตระหนกได้ เช่นกรณีที่ระบุว่า จ.สกลนครเกิดน้ำท่วมรุนแรงที่สุดในรอบ 20 ปี เป็นต้น" โฆษกประจำสำนักนายกฯ กล่าว
    ขณะที่ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย พร้อมด้วยนายฉัตรชัย พรหมเลิศ ปลัด มท.และผู้บริหารระดับสูงของ มท.ได้ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมและให้กำลังใจประชาชนผู้ประสบภัยดินโคลนถล่ม ที่ศูนย์พักพิงชั่วคราวโรงเรียนบ้านสว้า ต.ดงพญา อ.บ่อเกลือ จ.น่าน ทั้งนี้ นายไพศาล  วิมลรัตน์ ผวจ.น่าน และหัวหน้าส่วนราชการ ร่วมรายงานสถานการณ์พร้อมมอบเงินช่วยเหลือแก่ครอบครัวผู้เสียชีวิตจำนวน 8 ราย และมอบถุงยังชีพแก่ผู้ประสบภัยจำนวน 268 คน รวม 61 ครัวเรือน ก่อนที่พล.อ.อนุพงษ์และคณะจะเดินทางไปพบปะให้กำลังใจประชาชนผู้ประสบภัยภายในศูนย์พักพิง
พระราชทานกำลังพระราชหฤทัย
    พล.อ.อนุพงษ์กล่าวกับประชาชนผู้ประสบภัยภายในศูนย์พักพิงว่า "สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมีพระราชกระแสรับสั่งให้ทุกหน่วยงาน ทุกคน ทุกฝ่าย ช่วยแก้ไขปัญหาให้พี่น้องประชาชนให้หมดไปให้เร็วที่สุด และพระราชทานกำลังใจแก่ครอบครัวผู้เสียชีวิตและผู้ประสบภัยทุกคน"
    รมว.มหาดไทยกล่าวว่า รัฐบาลจะช่วยเหลือซ่อมแซมที่อยู่อาศัย และชดเชยเยียวยาให้ผู้ประสบภัยทุกราย ในวันนี้มาเป็นกำลังใจให้ทุกคน และขอฝากเจ้าหน้าที่ทั้งท้องถิ่นและท้องที่ดูแลพี่น้องประชาชนอย่างเต็มกำลังความสามารถ
    เวลา 13.00 น. พ.อ.ดุษิต ปุระเสาร์ รองผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ 38 เป็นประธานในพิธีฌาปนกิจศพผู้เคราะห์ร้ายทั้ง 8 ราย หลังเคลื่อนย้ายศพจากวัดสว้า ลำเลียงไปยังสุสานบ้านสว้า ซึ่งเป็นสถานที่สำหรับฌาปนกิจศพของหมู่บ้านสว้า ท่ามกลางฝนที่ตกโปรยปรายต่อเนื่องไม่ขาดสาย โดยมีญาติพี่น้องและครอบครัวของผู้เสียชีวิต ชาวบ้านห้วยขาบ หมู่บ้านใกล้เคียง และชาวบ้านในพื้นที่อำเภอบ่อเกลือที่ทราบข่าวเดินทางมาร่วมงานพิธีกว่า 500 คน เพื่อไว้อาลัยเป็นครั้งสุดท้ายท่ามกลางบรรยากาศที่สลดหดหู่และเศร้าใจ
    ด้านกรมอุตุนิยมวิทยาออกประกาศฉบับที่ 9 เรื่อง "คลื่นลมแรงบริเวณภาคใต้ และฝนตกหนักไทยตอนบน" ระบุในช่วงวันที่ 30-31 ก.ค.61 ประเทศไทยยังคงมีฝนตกชุกหนาแน่นและมีฝนตกหนักบางแห่งบริเวณภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง ภาคตะวันออก และภาคใต้ ขอให้ประชาชนบริเวณดังกล่าวระวังผลกระทบจากฝนตกหนักและฝนตกสะสมที่ทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก และน้ำล้นตลิ่ง รวมถึงดินโคลนถล่มไว้ด้วย
    สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันมีคลื่นสูง 2-4 เมตร และอ่าวไทยตอนบนมีคลื่นสูง 2-3 เมตร  ขอให้ชาวเรือเดินเรือด้วยความระมัดระวังและเรือเล็กควรงดออกจากฝั่งในช่วงเวลาดังกล่าว สำหรับประชาชนที่อาศัยอยู่บริเวณชายฝั่งภาคใต้ฝั่งตะวันตกและภาคตะวันออกให้ระวังคลื่นที่พัดเข้าหาฝั่งไว้ด้วย ทั้งนี้เนื่องจากหย่อมความกดอากาศต่ำปกคลุมบริเวณอ่าวตังเกี๋ยและประเทศเวียดนามตอนบน  ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ภาคใต้ และอ่าวไทยมีกำลังแรง ลักษณะเช่นนี้ทำให้ประเทศไทยมีฝนตกชุกหนาแน่น กับมีฝนตกหนักบางแห่ง จึงขอให้ประชาชนติดตามประกาศจากกรมอุตุนิยมวิทยาอย่างใกล้ชิด และติดตามข้อมูลที่เว็บไซต์กรมอุตุนิยมวิทยา http://www.tmd.go.th หรือสายด่วนพยากรณ์อากาศ 1182 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง
    นายชยพล ธิติศักดิ์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) กล่าวว่า จากการประสานข้อมูลกับกรมทรัพยากรธรณี พบในระยะนี้พื้นที่ในจังหวัดตราด น่าน แม่ฮ่องสอน และตาก เป็นพื้นที่เสี่ยงต่อการเกิดดินโคลนถล่มและน้ำป่าไหลหลาก ต้องเฝ้าระวังการเกิดสถานการณ์ภัยอย่างใกล้ชิด 
    นายชยพลยังกล่าวว่า ได้ประสาน 59 จังหวัด ภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง และภาคใต้ แยกเป็นภาคเหนือ 17 จังหวัด ได้แก่ แม่ฮ่องสอน เชียงใหม่ ลำพูน ลำปาง เชียงราย พะเยา  แพร่ น่าน อุตรดิตถ์ สุโขทัย กำแพงเพชร ตาก พิษณุโลก พิจิตร เพชรบูรณ์ นครสวรรค์ และอุทัยธานี  ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 20 จังหวัด ได้แก่ เลย หนองบัวลำภู อุดรธานี หนองคาย บึงกาฬ สกลนคร  นครพนม มุกดาหาร ร้อยเอ็ด ขอนแก่น มหาสารคาม กาฬสินธุ์ ชัยภูมิ นคราชสีมา บุรีรัมย์ สุรินทร์  ศรีสะเกษ อำนาจเจริญ ยโสธร และอุบลราชธานี ภาคกลาง 8 จังหวัด ได้แก่ กาญจนบุรี ราชบุรี  นครนายก ปราจีนบุรี สระแก้ว ระยอง จันทบุรี และตราด ภาคใต้ 14 จังหวัด ได้แก่ ชุมพร สุราษฎร์ธานี  นครศรีธรรมราช พัทลุง สงขลา ปัตตานี นราธิวาส ยะลา ระนอง พังงา ภูเก็ต กระบี่ ตรัง และสตูล รวมถึงศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเขตในพื้นที่เสี่ยงภัย ให้เตรียมพร้อมรับสถานการณ์อย่างต่อเนื่อง 
    "ได้ให้เฝ้าระวังและติดตามปริมาณน้ำฝนรายวัน ปริมาณน้ำฝนสะสม ระดับน้ำในลำน้ำและอ่างเก็บน้ำ และพื้นที่ลาดเชิงเขาอย่างใกล้ชิด พร้อมแจ้งเตือนประชาชนในพื้นที่เสี่ยงภัยระมัดระวังอันตรายจากสถานการณ์ภัยในระยะนี้" นายชยพลกล่าว
หลาย จว.ระดับน้ำสูงขึ้น
    อธิบดี ปภ.กล่าวว่า ในส่วนพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์น้ำท่วมในหลายจังหวัดของภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคกลางระดับน้ำลดลง มีเพียง จ.อุบลราชธานีที่น้ำในแม่น้ำโขงล้นตลิ่งในพื้นที่ 3 อำเภอ ได้แก่ อำเภอเขมราฐ อำเภอโพธิ์ไทร และอำเภอโขงเจียม รวม 5 ตำบล 10  หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 179 ครัวเรือน 689 คน อพยพ 15 ครัวเรือน 47 คน รวมทั้ง จ.สกลนครระดับน้ำเพิ่มสูงขึ้นในพื้นที่ 2 อำเภอ ได้แก่ อำเภอสว่างแดนดิน และอำเภอโพนนาแก้ว รวม 5  ตำบล 23 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 48 ครัวเรือน 134 คน นาข้าว 240 ไร่
    ที่ จ.นครพนม ผู้สื่อข่าวรายงานว่าระดับน้ำโขงเริ่มวิกฤติหลังมีฝนตกหนักต่อเนื่องมากว่า 15 วัน  ทำให้ระดับน้ำเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ล่าสุดอยู่ที่ระดับ 11.53 เมตร ห่างจากจุดวิกฤติ 1.47 เมตร ส่งผลให้แม่น้ำโขงสูงขึ้นจนบางจุดล้นตลิ่งเข้าท่วมพื้นที่การเกษตรและถนน ขณะเดียวกันผลกระทบจากน้ำโขงเพิ่มระดับรวดเร็วจนล้นตลิ่ง ทำให้ลำน้ำสาขาสายหลักต่างๆ อาทิ ลำน้ำสงคราม ลำน้ำก่ำ ลำน้ำบัง ลำน้ำอูน ลำน้ำยาม ที่รับน้ำจากพื้นที่หลายอำเภอเริ่มไหลระบายช้า จึงเกิดปัญหาเอ่อล้นท่วมขังพื้นที่การเกษตรแล้วประมาณ 128,098 ไร่ หากระดับน้ำโขงเพิ่มขึ้นถึงจุดวิกฤตที่ 13 เมตรจะส่งผลกระทบหนัก
    เบื้องต้นจังหวัดนครพนมได้ประกาศพื้นที่ประสบภัยพิบัติให้การช่วยเหลือเร่งด่วนแล้วจำนวน 8  อำเภอ ประกอบด้วย อ.ท่าอุเทน อ.โพนสวรรค์ อ.ธาตุพนม อ.เรณูนคร อ.ปลาปาก อ.เมืองนครพนม อ.บ้านแพง และ อ.นาแก ซึ่งอยู่ระหว่างการตรวจสอบความเสียหายที่แท้จริง พร้อมประกาศเตือนให้พื้นที่เสี่ยงติดกับแม่น้ำสายหลักเฝ้าระวังการเกิดปัญหาน้ำท่วมฉับพลัน
    ในส่วนบ้านปากบัง หมู่ที่ 2 ต.พิมาน อ.นาแก จ.นครพนม บริเวณจุดบรรจบของลำน้ำบังกับลำน้ำก่ำ น้ำได้ทะลักล้นตลิ่งเข้าท่วมพื้นที่การเกษตรและบ้านเรือนราษฎรตั้งแต่กลางดึก (29 ก.ค.) ที่ผ่านมา  ชาวบ้านและเจ้าหน้าที่ต้องขนย้ายสิ่งของและสัตว์เลี้ยงไปยังที่ปลอดภัย 
    จ.เชียงราย ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ระดับน้ำในแม่น้ำโขงยังคงเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง หลังมีฝนตกลงมาอย่างหนักทั่วพื้นที่ตอนบนของ จ.เชียงราย ล่าสุดสำนักงานเจ้าท่าภูมิภาค สาขาเชียราย ได้รายงานผลการตรวจวัดระดับน้ำโขง บริเวณหน้าที่ว่าการ อ.เชียงแสน ชายแดนไทย-สปป.ลาว พบว่ามีความลึกประมาณ 6.98 เมตร เพิ่มขึ้นจากวานนี้ (29 ก.ค.) ที่ลึกประมาณ 6.30 เมตร ซึ่งกระแสน้ำโขงที่เพิ่มสูงขึ้นต่อเนื่องได้ทะลักเข้าท่วมอาคารที่ทำการของเจ้าหน้าที่ประจำจุดผ่อนปรนแจมป๋อง บ้านแจม หมู่ที่ 5  ต.หล่ายงาว อ.เวียงแก่น ที่ตั้งอยู่ทางเข้าออกท่าเรือ จนต้องย้ายขึ้นมาทำงานกันบนฝั่งแทนแล้ว
    ส่วนที่จุดผ่อนปรนบ้านหาดบ้าย หมู่ที่ 1 ต.ริมโขง อ.เชียงของ ก็ถูกน้ำทะลักเข้าท่วมพื้นที่ท่าเรือริมฝั่ง ทำให้พ่อค้าแม่ค้าและผู้ให้บริการเรือข้ามฟากที่สร้างอาคารชั่วคราวไว้ใกล้ท่าเรือต้องขนย้ายข้าวของหนีน้ำขึ้นบนฝั่งเช่นกัน ขณะที่บริเวณผาถ่านซึ่งมีโขดหินสีดำปรากฏให้เห็น และเป็นที่ตั้งของศาลเจ้าพ่อผาถ่านนั้น ขณะนี้ถูกน้ำท่วมจนเห็นแต่ศาลที่บนโขดหินเหนือน้ำเท่านั้น
    นอกจากนี้พบว่า พื้นที่ทางการเกษตรริมฝั่งซึ่งมักปลูกข้าวโพดและข้าวไร่ตั้งแต่ อ.เชียงแสน อ.เชียงของ และ อ.เวียงแก่น ตลอดแนวถูกน้ำท่วมเป็นบริเวณกว้าง บ้านเรือนที่อยู่ในที่ลุ่มต้องขนย้ายข้าวของหนีน้ำกันทั่วหน้า ขณะที่สภาพอากาศยังคงมีฝนโปรยลงมาเกือบตลอดทั้งวันและท้องฟ้ายังคงมืดครึ้ม
    นายสุรนาท ศิริโชติ ผู้อำนวยการสำนักงานเจ้าท่าภูมิภาคสาขาเชียงราย กล่าวว่า ตอนนี้ระดับน้ำโขงเพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว อันเป็นผลมาจากฝนที่ตกลงมาเหนือน้ำ แต่จากการตรวจสอบข้อมูลคณะกรรมการแม่น้ำโขงหรือเอ็มอาร์ซี ทราบว่าปริมาณน้ำฝนทางตอนเหนือของแม่น้ำโขงลดลงแล้ว จากวันที่ 29 ก.ค.ที่มีฝนตกประมาณ 40 มิลลิเมตร ก็ลดลงเหลือเพียงแค่ 5 มิลลิเมตรเท่านั้น ทำให้คาดว่าเมื่อมวลน้ำนี้ผ่านไป ระดับน้ำก็คงจะลดลงสู่ภาวะปกติ.


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"