ผู้ทรยศ


เพิ่มเพื่อน    

    เป็นการสลับขั้วที่น่าสนใจทีเดียว
    "นคร มาฉิม" จากต่อต้านคอร์รัปชัน ไปอยู่กับนักโทษหนีคุกคดีโกง 
    "สุภรณ์ อัตถาวงศ์" จากกลุ่มเรียกตัวเองว่าฝ่ายประชาธิปไตย ไปอยู่กับฝ่ายเผด็จการทหาร 
    เพราะการเมืองไทยมักมีข้อมูล ๒ ชุด จาก ๒ ขั้วการเมืองเสมอ จึงทำให้ทั้งคู่ถูกจับตามองในฐานะ "ผู้ทรยศ"
    การเมืองไทยเป็นเรื่องยากที่จะอธิบาย เพราะเอาตำราฝรั่งตะวันตกมาจับแบบเพียวๆ ไม่ได้ ต้องใช้วัฒนธรรมการเมืองของไทยเองเข้ามาอธิบายประกอบด้วย จึงจะเห็นถึงข้อเท็จจริง 
    ซึ่ง...อาจขัด หรือแย้งกับตำราประชาธิปไตยตะวันตกบ้าง แต่ไม่ถึงขั้นอยู่ด้วยกันไม่ได้ 
    วานนี้พูดถึง "นคร มาฉิม" ไปแล้ว ซึ่งกลายร่างเป็น "นคร มาชิน" เต็มตัว 
    เป็นเรื่องน่าตกใจ ที่คนหนึ่งตรวจสอบอีกคนในเรื่องโกง วันดีคืนร้ายบอกว่า "ขอโทษ" ที่เข้าใจผิด 
    ขอโทษ ทั้งๆ ที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองพิพากษาจำคุก ทักษิณ ชินวัตร ๒ ปี คดีทุจริตซื้อขายที่ดินย่านรัชดาภิเษกไปแล้ว 
    และนั่นเป็นเหตุว่าทำไม "นคร มาฉิม" ถึงลามไปถึงตุลาการ 
    เรียกว่าไหนๆ ต้านแล้ว ก็ต้านให้สุดๆ 
    หันมาทาง "สุภรณ์ อัตถาวงศ์" แกนนำแดงที่ร่วมยุทธการเผาบ้านเผาเมือง ยึดปืนทหารไปโชว์บนเวทีปราศรัย 
    จนได้ชื่อว่าแดงฮาร์ดคอร์ตัวพ่อ 
    เจ้าของคำปราศรัยที่ดุเดือดเลือดพล่าน
    "ถ้ามีการปฏิบัติเมื่อไหร่ ส่วนคนที่อยู่ต่างจังหวัด แกนนำตามภูมิภาค ให้เป้าหมายศาลากลางทันที และแน่นอนที่สุด เข้าไปอยู่ศาลากลาง อากาศคืนนี้ที่อุดรฯ มันหนาวยิ่งนัก มันจำเป็นต้องก่อไฟผิงกันสักหน่อย"
    “จุดจบของอำมาตย์เปรม ก็ไม่ต่างจากผู้นำอิรัก ที่ชื่อซัดดัม ฮุสเซน นั่นหมายความว่า จุดจบของอำมาตย์เปรมต้องถูกแขวนคอ โดยประชาชน ที่ต้นมะขามท้องสนามหลวง เพราะคุณทำลายชาติ ทำลายประชาชน และสั่งกองทัพเข่นฆ่าประชาชน เป็นครั้งที่ ๒"
    วันนี้รู้ซึ้งแล้วว่า
    "มันไม่มีใครหรอก ไม่ว่าฝ่ายไหนเสื้อสีไหน ก็ต้องมีครอบครัวทุกคน มันต้องมีชีวิต ต้องกินข้าวทุกคน ดังนั้นแล้วจะมาบอกว่า สู้เพื่ออุดมการณ์ถวายชีวิต ไม่สนใจครอบครัว ไม่สนใจลูกเมีย ไม่สนใจตัวเอง มันไม่มี มันเป็นไปไม่ได้ การต่อสู้ทุกคนก็หวัง เอ้าคนนี้อยากเป็นรัฐมนตรี อยากมีตำแหน่ง อยากให้ผู้ใหญ่สนับสนุน ต่อรองกันเยอะแยะ ตนรู้หมด มีแต่ตนที่เห็นคนเขาต่อรองกัน สู้แล้วเรียกร้องผลประโยชน์ สู้แล้วเรียกร้องตำแหน่ง 
    ผมเห็นหมด ผมรู้หมด พอไม่ได้ก็งอแง ตั้งท่าจะอาละวาด ตั้งท่าจะโกรธไม่พอใจ ตั้งท่าจะตั้งก๊วนจัดมุ้ง ตั้งท่าจะแตกแถวออก ตั้งท่าจะโวยวายว่าสู้แล้ว มีการรับปากแล้วจะให้เป็นรัฐมนตรีแล้วมาไม่ให้เป็น เรื่องเหล่านี้มีหมด เราเห็นหมดในวงการ เห็นทุกอย่าง แล้วก็จะได้ดีไม่กี่คนที่ต่อรอง คนที่ต่อรองเท่านั้นถึงจะมีอำนาจ คนไม่ต่อรองก็ไม่ได้อะไร แล้วนิสัยผมไม่ใช่คนต่อรอง”
    เปรียบเทียบระหว่าง "นคร มาฉิม" กับ "สุภรณ์ อัตถาวงศ์" ความต่างมีไม่มาก เป็นเพียงการย้ายค่ายของนักการเมือง ในสภาวะที่มีความขัดแย้งทางการเมืองสูงเท่านั้น  อารมณ์ไม่ยอมรับและมองเป็นผู้ทรยศจึงสูงตามไปด้วย 
    แต่ที่ชัดเจนสุดคือ เรายังห่างคำว่า "ปฏิรูปการเมือง" อย่างสิ้นเชิง 
    นักการเมืองยังเข้าใจผิดเรื่องโกง เรื่องประชาธิปไตยสูงมาก จนน่ากังวลว่า การเมืองจะพาชาติเข้ารกเข้าพงกันอีกหรือไม่?.


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"