เด้ง2ผกก.เซ่นคดี ฆาตกรรมอำพราง


เพิ่มเพื่อน    

    พ่อแห่โลง "น้องหญิง" ไปพึ่งกองปราบฯ คดีลูกตายปริศนา กะโหลกแตก สมองบวม ตำรวจบางปะอินระบุเป็นอุบัติเหตุตกรถเทรลเลอร์ตามที่ผู้ต้องสงสัยให้การ แต่แพทย์ระบุถูกตีด้วยของแข็ง "อัจฉริยะ" เตรียมร้อง บช.ภ.1 เอาผิด ผกก.กับรองสารวัตรเจ้าของคดี "ศรีวราห์" โดดคุมคดี เผย "บิ๊กป้อม" สนใจ ล่าสุดสั่งเด้งตำรวจทั้ง 2 นายแล้ว
    เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 30 กรกฎาคมนี้ ที่กองปราบปราม นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม ได้พานายสุบิน ยาวิราช อายุ 41 ปี และ น.ส.ภาณิศา ยาวิราช พ่อและอาของ น.ส.นรีกานต์ ยาวิราช หรือ “น้องหญิง” อายุ 19 ปี ที่เสียชีวิตอย่างปริศนา เดินทางเข้าพบ พ.ต.อ.สุวัฒน์ แสงนุ่ม รอง ผบก.ป. เพื่อแจ้งความดำเนินคดีนายสุรพล หรืออ๊อฟ ดาราคำ อายุ 23 ปี, น.ส.สิรินาถ รอบรัมย์ หรือเป็ด อายุ 18 ปี และนายท็อป ไม่ทราบชื่อ นามสกุลจริง ในข้อหาร่วมกันทำให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย หลังพบหลักฐานที่ทำให้เชื่อว่าทั้ง 3 คนน่าจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับการเสียชีวิตของ น.ส.นรีกานต์ โดยนำหลักฐานเป็นคลิปเสียงผู้ตายก่อนเสียชีวิต ข้อมูลจีพีเอสสัญญาณโทรศัพท์ และข้อความทางไลน์ของผู้เสียชีวิต มามอบเพื่อประกอบการพิจารณา โดยในการเดินทางมาครั้งนี้ ครอบครัวผู้ตายได้แห่โลงศพน้องหญิงมาด้วย
    เมื่อวันที่ 19 กรกฎาคมที่ผ่านมา น้องหญิงได้ไปเที่ยวสถานบันเทิงแห่งหนึ่งใน อ.บางปะอิน จ.พระนครศรีอยุธยา ขากลับ นายสุรพลคนขับรถเทรลเลอร์ได้อาสาขับรถไปส่ง โดยมี น.ส.เป็ดและนายท็อปนั่งไปด้วย ก่อนที่น้องหญิงจะเสียชีวิตอย่างปริศนาระหว่างทาง กะโหลกศีรษะแตกและสมองบวม โดยนายสุรพลอ้างว่าน้องหญิงได้กระโดดลงจากรถเทรลเลอร์ไปเอง ขณะที่พนักงานสอบสวน สภ.บางปะอินได้ลงบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐานในคดีอุบัติเหตุ กระทั่งต่อมา ผลชันสูตรของแพทย์ระบุว่าน้องหญิงเสียชีวิตจากการถูกตีด้วยของแข็งเข้าที่ท้ายทอย จึงได้มีการเชิญตัว น.ส.สิรินาถ อาชีพเด็กเสิร์ฟ อยู่ในร้านอาหารร้านเดียวกับที่น้องหญิงทำงานเป็นพนักงานบัญชี มาสอบปากคำ หลังทราบว่า น.ส.สิรินาถเป็นผู้โทรศัพท์ชักชวนผู้ตายไปเที่ยวในวันเกิดเหตุ ก่อนที่ต่อมาจะมีการแจ้งข้อหากักขังหน่วงเหนี่ยวผู้อื่นเป็นเหตุให้ถึงแก่ความตายกับนายสุรพล แต่ทางญาติยังไม่ปักใจเชื่อ เนื่องจากพบหลักฐานข้อพิรุธหลายอย่างเกี่ยวกับสาเหตุการตาย และเชื่อว่าการเสียชีวิตของน้องหญิงน่าจะเป็นการฆาตกรรม
    นายอัจฉริยะกล่าวว่า การเดินทางมายังกองปราบฯ ในวันนี้ ทางพ่อและครอบครัวของผู้เสียชีวิตมีความประสงค์ให้ทางตำรวจกองปราบฯ ช่วยทำคดีดังกล่าว และเอาผิดกับผู้ต้องสงสัยทั้ง 3 คน เนื่องจากพบหลักฐานเชื่อมโยงหลายอย่าง ทั้งข้อมูลสัญญาณโทรศัพท์ที่ระบุสถานที่จุดสุดท้ายของผู้ตายก่อนขาดหายการติดต่อไป ซึ่งตรงกับจีพีเอสตัวรถเทรลเลอร์ของนายสุรพล ที่บอกพิกัดตำแหน่งสถานที่อยู่ในจุดเดียวกันในช่วงเวลานั้น และมีการจอดรถนานกว่า 7 นาที นอกจากนี้ยังมีคลิปเสียงของผู้ตายก่อนจะเสียชีวิตที่ส่งไปให้กับกลุ่มเพื่อนสนิทต่างๆ ส่วน น.ส.สิรินาถ จากการตรวจสอบทราบว่าเป็นผู้ที่ชักชวนผู้ตายไปเที่ยวในวันเกิดเหตุ ก่อนจะแยกไปกับนายท็อป ไม่ทราบชื่อนามสกุลจริง จึงเชื่อว่าน่าจะมีส่วนรู้เห็นด้วย โดย น.ส.สิรินาถทำหน้าที่เป็นนางนกต่อ เนื่องจากการตรวจสอบประวัติของ น.ส.สิรินาถ พบว่าเคยล่อลวงหญิงสาวไปให้ผู้ชายก่อเหตุคล้ายๆ กับล่วงละเมิดทางเพศมาแล้ว
    นายอัจฉริยะกล่าวด้วยว่า คดีนี้ ก่อนหน้านี้ทาง สภ.บางปะอินยังไม่ได้รับเรื่องหรือตรวจสอบทางคดีแต่อย่างใด มีเพียงแค่ลงบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐานในคดีอุบัติเหตุเท่านั้น กระทั่งเรื่องนี้กลายเป็นกระแสวิพากษ์วิจารณ์ในสังคม จึงเริ่มตรวจสอบและเรียกตัวนายสุรพลมาแจ้งข้อกล่าวหากักขังหน่วงเหนี่ยวผู้อื่นเป็นเหตุให้ถึงแก่ความตาย โดยที่ก่อนหน้านี้ไม่เคยมีการเชิญคนในครอบครัวของน้องหญิงมาสอบปากคำถึงเรื่องดังกล่าวแต่อย่างใด ด้วยเหตุนี้จึงได้พาผู้เสียหายมาเข้าร้องทุกข์กับตำรวจกองปราบฯ นอกจากนี้ ในวันที่ 31 ก.ค. ตนและครอบครัวผู้เสียชีวิตจะเดินทางไปยื่นเรื่องร้องเรียนกับกองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 ให้ช่วยตรวจสอบและลงโทษทางวินัยและอาญากับคณะเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.บางปะอิน ในความผิดตามมาตรา 157 ฐานละเว้นหรือปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพราะที่ผ่านมา การกระทำของตำรวจ สภ.บางปะอินทำให้รูปคดีได้รับความเสียหายมาก มีการบิดเบือนข้อกล่าวหาให้กลายเป็นข้อหากักขังหน่วงเหนี่ยว ไม่มีการตรวจสอบหรือสนใจคดีดังกล่าวจนกระทั่งเรื่องแดงขึ้นมา
    ด้านนายสุบินกล่าวว่า ตนกับลูกไม่ได้อยู่ด้วยกัน ก่อนเกิดเหตุตนทราบว่าน้องหญิงได้ย้ายไปอยู่กับ น.ส.สิรินาถเมื่อไม่นานมานี้ ตั้งแต่เกิดเหตุ พนักงานสอบสวน สภ.บางปะอินไม่เคยเชิญตนไปสอบปากคำแต่อย่างใด บอกเพียงว่าเป็นคดีอุบัติเหตุเท่านั้น แต่เมื่อพิจารณาจากคลิปเสียงที่พบในโทรศัพท์น่าจะเป็นการฆาตกรรม จึงได้พยายามค้นหาหลักฐานต่างๆ ด้วยตนเองเพื่อนำมามอบให้พนักงานสอบสวน แต่ก็ไม่มีการตอบกลับมาแต่อย่างใด เมื่อสอบถามไปยัง ผกก.สภ.บางปะอิน ก็ได้รับคำตอบเพียงว่าขอรวบรวมตรวจสอบก่อน
    เบื้องต้นพนักงานสอบสวน กก.2 บก.ป.ได้รับเรื่องไว้ ก่อนจะรวบรวมพยานหลักฐานทั้งหมดส่งต่อให้ผู้บังคับบัญชาพิจารณาสั่งการต่อไป
    ต่อมา พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รอง ผบ.ตร. พร้อมคณะ ได้เดินทางมายังกองปราบฯ เพื่อติดตามความคืบหน้าทางคดี โดยรับฟังการบรรยายสรุปประมาณ 15 นาที จากนั้นก็รีบเดินทางไปยัง สภ.บางปะอิน ท้องที่เกิดเหตุ และเปิดเผยเพียงสั้นๆ กับสื่อมวลชนว่า คดีนี้ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม ได้ให้ความสนใจเป็นพิเศษ จึงสั่งการให้ตนมาดูรายละเอียดทางคดี
    ด้าน พ.ต.อ.ฤทธิ์ ศิริเทพ ผกก.สภ.บางปะอิน กล่าวว่า นับแต่ทางญาติมาแจ้งความร้องทุกข์ ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ดำเนินการไปตามขั้นตอนกระบวนการสอบสวนเพื่อหาข้อเท็จจริง เรียกตัวนายอ๊อฟมาสอบสวน ขอตรวจพิสูจน์รถ พร้อมนำตัวนายอ๊อฟไปตรวจร่างกาย และสอบพยานผู้เกี่ยวข้อง ซึ่งที่ยังไม่มีการแจ้งข้อกล่าวหาในตอนแรก เพราะต้องทำการตรวจสอบว่าเป็นคดีอาชญากรรม หรือคดีจราจร ในส่วนที่ทางชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรมจะไปแจ้งความตนเองนั้นก็พร้อมที่จะชี้แจง
    ต่อมา พล.ต.อ.ศรีวราห์ได้เดินทางไปถึง สภ.บางปะอิน เพื่อตรวจสำนวนและติดตามความคืบหน้าทางคดี โดยได้ประชุมร่วมกับตำรวจชุดคลี่คลายคดี
    ล่าสุด พล.ต.อ.ศรีวราห์ได้มีคำสั่งให้ พ.ต.อ.ฤทธิ์ ศิริเทพ ผกก.สภ.บางปะอิน และ ร.ต.อ.ประเสริฐศักดิ์ วงค์ภูผานนท์ รองสารวัตรสอบสวน สภ.บางปะอิน เจ้าของคดี ไปช่วยราชการที่ ศปก.ภ.จว.พระนครศรีอยุธยาเป็นเวลา 30 วัน โดยมีผลทันที.


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"