เสนอเพิ่ม'โรค'ใช้กัญชารักษาได้ ทั้งพาร์กินสันส์ อัลไซเมอร์ ปวดจากระบบประสาทผิดปกติ


เพิ่มเพื่อน    

เครดิตภาพ voathai.com

     

     ศ.นพ.ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา หัวหน้าศูนย์วิทยาศาสตร์สุขภาพโรคอุบัติใหม่ คณะแพทยศาสตร์ โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ ในฐานะกรรมการปฏิรูประบบสาธารณสุขและกรรมการพิจารณาการนำกัญชามาใช้ประโยชน์ทางการแพทย์ กล่าวว่า อย่างที่ทราบว่าเมื่อไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา ทาง นพ.โสภณ เมฆธน ประธานคณะกรรมการพิจารณาการนำกัญชามาใช้ประโยชน์ทางการแพทย์ได้ให้ข้อมูลความคืบหน้าการประชุมเพื่อนำกัญชามาใช้ประโยชน์ทางการแพทย์ โดยได้รับข้อมูลเบื้องต้นว่า กัญชาสามารถใช้รักษาได้ใน 3 โรค คือ  แก้คลื่นไส้อาเจียนในคนไข้มะเร็งที่ได้รับยาเคมีบำบัด โรคลมชักในเด็ก และปลอกประสาทอักเสบ ซึ่งจุดมุ่งหมายสำคัญของการปลดล็อกกัญชา คือ การให้ผู้ป่วยได้รับประโยชน์สูงสุด โดยเฉพาะที่ป่วยจากโรคที่รักษาไม่ได้และมีภาวะที่ยากต่อการควบคุมและมีผลกระทบกับคนรอบข้างคนในครอบครัว ซึ่ง นพ.ปิยะสกล สกลสัตยาทร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ได้สั่งการว่า ต้องสามารถนำกัญชามาใช้ประโยชน์สูงสุด ดังนั้น เมื่อวันที่ 30 ก.ค. ตนจึงได้รวบรวมข้อมูลในการนำกัญชามาใช้ประโยชน์ในการรักษาภาวะโรคต่างๆ ที่ควรจะมีการบรรจุเพิ่มเติมส่งไปยังคณะกรรมการพิจารณาฯ และ รมว.สธ. 


    ศ.นพ.ธีระวัฒน์ กล่าวว่า  จากข้อมูลภาวะและโรคที่ควรรวบรวมบรรจุเพิ่มเติมอยู่ในรายการที่กัญชาจะสามารถนำมาใช้ได้ในคนป่วยในประเทศไทย อาทิ อาการแข็งเกร็ง ที่อาจร่วมกับการบิดของกล้ามเนื้อที่เกิดจากความผิดปกติของสมอง เช่น จากเส้นเลือดตันหรือแตก ความผิดปกติที่ระดับของไขสันหลัง รวมถึงความผิดปกติที่เกิดขึ้นกับเด็กหลังคลอดที่มีสมองพิการหรือเจริญเติบโตผิดปกติ อาการปวดทรมานที่นอกเหนือจากมะเร็งหรือปวดจากความผิดปกติของเส้นประสาทหรือระบบประสาท เช่น อาการปวดที่เกี่ยวเนื่องจากการอักเสบของข้อ เส้นเอ็นและกล้ามเนื้อ โดยปกติจะต้องใช้ยาแก้ปวดอย่างรุนแรงและร่วมกับยาแก้ปวดที่เป็นอนุพันธ์ของมอร์ฟีน ภาวะของการปฏิเสธอาหารทั้งที่เกิดขึ้นจากโรคทางจิตประสาท anorexia nervosa และโรคทางกายที่เกิดขึ้นที่มีผลกระทบกับจิตใจ โรคทางสมอง ได้แก่ โรคพาร์กินสันส์ และโรคสมองเสื่อม เช่น อัลไซเมอร์ ในทางป้องกัน การชะลอโรค และการบรรเทาอาการที่มีอยู่ โรคเหล่านี้พบได้มากในผู้สูงอายุ  ซึ่งจะเป็นประโยชน์มาก เพราะสังคมไทยกำลังก้าวสู่สังคมผู้สูงอายุ


    ศ.นพ.ธีระวัฒน์  กล่าวอีกว่า การใช้ยังคงต้องระวัง เนื่องจากจะทำให้กระบวนการของสมองในการสั่งปฏิบัติงานเฉื่อยลงบ้าง และจำเป็นต้องระวังอย่างกวดขันในการทำกิจกรรมที่สุ่มเสี่ยงอันตราย รวมทั้งการขับรถ ความจริงอาจไม่ต้องเป็นห่วงมาก เพราะจุดมุ่งหมายเพื่อนำไปใช้ในผู้ป่วย ซึ่งมีข้อจำกัดการช่วยเหลือตนเองในการดำเนินชีวิตประจำวันอยู่แล้ว  ทำให้เป็นภาระกับคนรอบข้างถึงระดับที่ต้องมีคนในครอบครัวอยู่เป็นเพื่อนตลอดหรือจ้างคนมาช่วยหรือต้องส่งไปยังสถานพักฟื้น ทั้งหมดที่กล่าวมานี้ไม่ได้เป็นโรคที่เกิดกับคนเดียว แต่มีผลกระทบกับคนรอบข้างไปทั่ว


    “ จะเห็นว่าจริงๆ กัญชาสามารถนำมารักษาได้มากกว่าใน 3 กลุ่มโรคที่ทางคณะกรรมการย่อยได้ทำการเสนอ ประเทศไทยมีกัญชาอยู่ทั่วไป แต่ถูกจำกัดและมองข้ามประโยชน์ ต้องทำความเข้าใจ โดยเริ่มจากคณะกรรมการย่อย เพราะคณะกรรมการพิจารณาฯ ไม่ได้มีข้อจำกัด โดยข้อมูลทั้งหมดตนได้ส่งไปยังคณะกรรมการและ สธ.เพื่อให้พิจารณาแล้ว ทั้งนี้ การรักษาเราใช้ยาแผนปัจจุบันเป็นหลัก  แต่หากสามารถนำกัญชามาใช้ประโยชน์ควบคู่ได้จะสามารถลดการใช้ยาแผนปัจจุบันเพื่อประโยชน์ของคนไข้และลดค่าใช้จ่ายซื้อยาจากต่างประเทศด้วย ”ศ.นพ.ธีระวัฒน์   กล่าว
 


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"