คณะวิทยาศาสตร์ มธ.เปิดตัว เรือสำรวจขนาดพกพา นวัตกรรมวัดระดับความลึกคูคลองหนองบึง พร้อมรับมือน้ำท่วม - กักเก็บน้ำยามฝนทิ้งช่วง
30ก.ค.61-คณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (มธ.) เปิดตัว “เรือสำรวจขนาดพกพา” นวัตกรรมเรือบังคับพลังงานแสงอาทิตย์ สำหรับวัดระดับความลึกท้องน้ำ เพื่อคำนวณความสามารถของแม่น้ำในการรองรับปริมาณน้ำกรณีเกิดอุทกภัย โดยนวัตกรรมดังกล่าว เป็นการทำงานร่วมกันใน 3 ส่วนคือ 1. อุปกรณ์ระบบโซนาร์วัดความลึกจากผิวน้ำ พร้อมอุปกรณ์จีพีเอส 2. อุปกรณ์วัดค่าคุณภาพน้ำในระดับพื้นฐาน และ 3. อุปกรณ์ชุดอินเทอร์เน็ต ออฟ ธิง
ทั้งนี้ ระบบดังกล่าว ยังสามารถนำไปประยุกต์ใช้ได้ในหลากมิติ ทั้งการสำรวจคุณภาพน้ำ การเป็นข้อมูลในการติดตามความตื้นเขินคูคลอง เพื่อเตรียมขุดลอกคูคลองรองรับปริมาณน้ำ รวมถึงสำรวจพื้นที่น้ำท่วม และหาเส้นทางเข้าช่วยเหลือผู้ประสบภัย อย่างไรก็ตาม นวัตกรรมดังกล่าว อยู่ระหว่างการยื่นจดอนุสิทธิบัตร โดยล่าสุด สามารถคว้ารางวัลเหรียญทองเกียรติยศ จากเวทีประกวดสิ่งประดิษฐ์เวทีนานาชาติ ครั้งที่ 46 ณ กรุงเจนีวา ประเทศสวิสเซอร์แลนด์
รศ.ดร.สุเพชร จิรขจรกุล รองคณบดีฝ่ายยุทธศาสตร์และพัฒนาองค์กร คณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี มธ. ผู้เชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีภูมิสารสนเทศ (Geo-Informatics) หัวหน้าทีมวิจัย กล่าวว่า ทีมนักวิจัย ได้คิดค้นและพัฒนา “เรือสำรวจขนาดพกพา” นวัตกรรมเรือบังคับวิทยุพลังงานแสงอาทิตย์ สำหรับวัดระดับความลึกท้องน้ำ เพื่อคำนวณความสามารถของแม่น้ำหรือคูคลอง ในการรองรับปริมาณน้ำ และสามารถใช้งานกรณีเกิดอุทกภัยและกรณีฝนทิ้งช่วง พร้อมแสดงผลข้อมูลแบบเรียลไทม์ (Real Time) บนสมาร์ทโฟน
โดยสามารถทำงานได้ต่อเนื่องกว่า 3 ชั่วโมง ในระยะทางควบคุม 500 เมตร มีค่าความผิดพลาดระดับความลึกโดยเฉลี่ย 3 เซนติเมตร ที่ระดับความลึกสูงสุดที่ได้ทดลองใช้งาน 20 เมตร ทั้งนี้ นวัตกรรมดังกล่าว เป็นการบูรณาการองค์ความรู้ร่วมกันระหว่าง ระบบอินเทอร์เน็ต ออฟ ธิง (IoT: Internet of Things) และการจัดทำแผนที่ด้วยระบบสารสนเทศภูมิศาสตร์ (GIS) เข้าด้วยกัน
รศ.ดร.สุเพชร กล่าวต่อว่า สำหรับการทำงานของนวัตกรรมดังกล่าว ประกอบด้วยองค์ประกอบ 3 ส่วน คือ 1. อุปกรณ์ระบบโซนาร์วัดความลึกจากผิวน้ำ พร้อมอุปกรณ์จีพีเอส (GPS) ที่ช่วยระบุตำแหน่งของเรือบังคับ 2. อุปกรณ์วัดค่าคุณภาพน้ำในระดับพื้นฐาน ได้แก่ ค่าอุณหภูมิ ค่าความเป็นกรดด่าง (pH) และค่าออกซิเจนละลายในน้ำ (Dissolved Oxygen: DO) และ 3. อุปกรณ์ชุดอินเทอร์เน็ต ออฟ ธิง (IoT) เพื่อบันทึกค่า และส่งข้อมูลไปยัง Cloud Server โดย “การวัดระดับความลึกท้องน้ำ” ใช้อุปกรณ์ระบบโซนาร์ วัดความลึกจากท้องเรือลงไปถึงพื้นคลองหรือร่องน้ำ และสามารถแสดงผลข้อมูลเรียลไทม์บนสมาร์ทโฟน ทีมวิจัยสามารถประมวผลข้อมูลระยะความลึกที่ได้ มาเทียบกับความสูงจากระดับน้ำทะเลปานกลาง (Mean sea level) และจัดทำแผนที่ระดับความตื้น-ลึกของแหล่งน้ำใน ระบบสารสนเทศภูมิศาสตร์ (GIS) และอาศัยพลังงานแสงอาทิตย์ช่วยเพิ่มพลังงานให้กับแบตเตอรี่ในระหว่างการสำรวจในแหล่งน้ำเพื่อเพิ่มระยะเวลาการสำรวจได้นานขึ้น
ทั้งนี้ นวัตกรรมดังกล่าว ยังสามารถนำไปประยุกต์ใช้ได้ในหลากมิติ อาทิ การสำรวจคุณภาพน้ำ เพื่อทดสอบคุณภาพของน้ำว่า เหมาะแก่การใช้งานในภาคการเกษตรหรือไม่ การเป็นข้อมูลในการติดตามความตื้น-ลึกคูคลอง เพื่อวางแผนขุดลอกคูคลองรองรับปริมาณน้ำ แม้ในกรณีอุทกภัยสามารถใช้สำรวจพื้นที่น้ำท่วม และหาเส้นทางเข้าช่วยเหลือผู้ประสบภัย โดยทีมวิจัยได้ทำการทดสอบประสิทธิภาพบริเวณแหล่งน้ำในพื้นที่ตัวอย่าง จ.นครสวรรค์ และ จ.ปราจีนบุรี และสระเก็บน้ำในแปลงเกษตรทดลองของ มธ.
ในกระบวนการสำรวจที่ผ่านมานั้น อาจจะต้องพึ่งพาเครื่องมือขนาดใหญ่จากต่างประเทศ ซึ่งมีราคาสูง และต้องอาศัยเจ้าหน้าที่วิศวกรที่มีความเชี่ยวชาญในการดำเนินสำรวจ และประมวลผลระดับความลึกท้องน้ำ และต้องใช้แรงงานจำนวนมาก รวมถึงใช้ระยะเวลาสำรวจและประมวลผลนาน ซึ่งนวัตกรรมนี้ จะช่วยลดข้อจำกัดดังกล่าวได้ และยังสามารถเพิ่มอุปกรณ์เชื่อมต่อเพื่อสนับสนุนงานวิจัยด้านแหล่งน้ำในอนาคต
อย่างไรก็ตาม นวัตกรรม “เรือสำรวจขนาดพกพา” เป็นผลงานวิจัยร่วมกับ ผศ.ดร.ธนิท เรืองรุ่งชัยกุล, ผศ.ดร.ธเนศ วีระศิริ และ อาจารย์ณัฐพล จันทร์แก้ว อาจารย์ประจำสาขาวิชาเทคโนโลยีเพื่อการพัฒนายั่งยืน คณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี มธ. โดยนวัตกรรมดังกล่าว อยู่ระหว่างการยื่นจดอนุสิทธิบัตร โดยล่าสุด ได้รับรางวัลเหรียญทองเกียรติยศ จากเวทีประกวดสิ่งประดิษฐ์เวทีนานาชาติ ครั้งที่ 46 (46th International Exhibition of Inventions of Geneva) ณ กรุงเจนีวา ประเทศสวิสเซอร์แลนด์ (Switzerland) รศ.ดร.สุเพชร กล่าวทิ้งท้าย
ด้าน รศ.ดร.สมชาย ชคตระการ คณบดี คณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี มธ. กล่าวเสริมว่า ที่ผ่านมา ประเทศไทย ประสบปัญหาในการเตรียมขุดลอก พื้นที่แม่น้ำ คูคลอง เพื่อรองรับปริมาณน้ำในช่วงหน้าฝนเป็นอย่างมาก ซึ่งสังเกตได้ว่า ในช่วงที่ฝนตกหนักติดต่อกัน ได้ก่อให้เกิดมวลน้ำจำนวนมากเกิดอุทกภัยและไหลเข้าพื้นที่นาข้าว และสร้างความเสียหายแก่เกษตรกรเป็นจำนวนมาก ขณะเดียวกัน ก็ประสบปัญหาในการกักเก็บน้ำฝน ที่ไม่เพียงพอต่อการทำการเกษตรในช่วงหรือช่วงหน้าแล้ง
คณะวิทยาศาสตร์ฯ มธ. ได้เล็งเห็นถึงปัญหาของสังคมในด้านต่างๆ จึงมีนโยบายสนับสนุนและผลักดันงานวิจัยของคณาจารย์ในทุกมิติ ให้เป็นเหมือนเครื่องมือหนึ่ง ที่สามารถช่วยเหลือและแก้ปัญหาสังคมได้อย่างเป็นรูปธรรม พร้อมกันนี้ ยังปลูกฝังหลักคิดในการต่อยอดองค์ความรู้วิทยาศาสตร์ และบริหารธุรกิจแก่นักวิทยาศาสตร์รุ่นใหม่ เพื่อให้บัณฑิตสามารถสร้างสรรค์ธุรกิจที่สร้างรายได้ในอนาคต หรือนวัตกรรมที่ช่วยแก้ปัญหาสังคมในแง่มุมต่างๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ตอกย้ำยุทธศาสตร์ “นักวิทย์คิดประกอบการ” หรือ “SCI+BUSINESS” อย่างแท้จริง ทั้งนี้สามารถสอบถามเพิ่มเติมได้ที่ ฝ่ายประชาสัมพันธ์ คณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี มธ. ศูนย์รังสิต โทร. 02-564-4491 ต่อ 2020 เฟซบุ๊กแฟนเพจ www.facebook.com/ScienceThammasat เว็บไซต์ www.sci.tu.ac.th.
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |