30 ก.ค.61 - นายพานทองแท้ ชินวัตร ลูกชายนายทักษิณ ชินวัตร โพสต์ข้อความลงในเฟซบุ๊ก Oak Panthongtae Shinawatra ว่า Talk of The Town ของคอการเมืองในช่วง 3-4 วันนี้ คงหนีไม่พ้นกรณีที่นาย นคร มาฉิม อดีตส.ส.ประชาธิปัตย์หลายสมัย ที่ได้โพสต์ข้อความแฉถึงเบื้องหลังในการที่พรรคประชาธิปัตย์พ่ายแพ้ทางการเมืองต่อพรรคฯทางฝั่งอดีตนายกทักษิณฯแบบยับเยิน จนต้องไปสมคบคิดกับกลุ่มนายทุน ขุนศึก และเครือข่ายต่างๆ เพื่อขจัดอดีตนายกรัฐมนตรีของไทยที่มาจากขั้วตรงข้ามให้หมดสิ้นครับ
ที่ผ่านมากลุ่มสมคบคิดทั้งหลาย ได้ขจัดอดีตนายกฯ จนพ้นทางไปแล้วถึง 4 คน ทักษิณ-สมัคร-สมชาย-ยิ่งลักษณ์ อันเป็นเหตุให้คุณพ่อผมและอาปู ไม่สามารถอยู่ในเมืองไทยได้ และกลุ่มดังกล่าวยังวางแผนที่จะแช่แข็งประเทศไทยไปอีก 5-20 ปี จนกว่าจะสามารถจัดการอำนาจในการปกครองบริหารประเทศได้อย่างเบ็ดเสร็จ ตามข่าวที่แพร่หลายไปทั่วนั้น
เนื่องจากข่าวการเมืองในช่วงนี้ มีแต่เรื่องการดูด ส.ส. ไปเข้ากับขั้วการเมืองที่ตั้งขึ้นมาเพื่อสืบทอดอำนาจเผด็จการ ดังนั้นการโพสต์ของนายนครฯ ในครั้งนี้ จึงถือเป็นการต่อต้านอำนาจเผด็จการ อย่างสันติวิธีครับ นายนครฯได้ยืนยันให้เห็นว่า ท่ามกลางข่าวกระแสดูดอย่างรุนแรง โดยมีผลประโยชน์และอำนาจรัฐเป็นเครื่องมือนั้น ยังมีคนที่ไม่หวั่นไหวพร้อมจะยืนอยู่บนหลักการแห่งความถูกต้อง โดยคนเหล่านั้นมีศูนย์กลางที่ยึดมั่นอยู่ที่พี่น้องประชาชนเท่านั้น!! จึงไม่หวั่นไหวต่อการดูดใดๆทั้งสิ้น
เท่าที่ผมได้ยินมา เครื่องมือที่ใช้ดูดในปัจจุบันนั้น ประกอบด้วยปัจจัยอันทรงพลัง ทางด้านมืด 3 ด้านด้วยกัน ซึ่งผมไม่รู้ว่า 3 พลังดูดที่ว่านี้ ไปเกี่ยวพันอะไร กับคำว่า “3 มิตร” หรือเปล่านะครับ โดยพลังที่ว่านั้นได้แก่
1. การใช้พลังเงิน ซึ่งไม่มีใครตอบได้ว่า ใครหาเงินเหล่านี้มา? หามาจากไหน? และหามาด้วยวิธีใด? กล่าวคือ ไม่มีที่มาของเงิน ไม่มีนายทุน และที่มาของแหล่งเงินทุน แต่เงินเหล่านี้มีจำนวนมหาศาล และได้ถูกนำมาใช้ทุ่มซื้อตัว ส.ส.บางประเภท จนปลิวลอยไปตามแรงดูด ให้ไหลไปตกรวมกัน ณ จุดที่เจ้าของเงินต้องการได้ดังใจ
การใช้เงินอันทรงพลังนี้ อีกทางหนึ่งยังได้มาจากการนำเงินงบประมาณมาถลุงในโครงการของ”รัฐ” ที่ตั้งชื่อให้คล้ายกับชื่อพรรคตั้งใหม่พรรคหนึ่ง นำเงินที่ได้จากภาษีอากรมาใช้หาเสียงควบคู่ไปด้วยกัน ระหว่างรัฐกับพรรคการเมือง เงินไม่พอก็ตั้งเรื่องหาช่องทางขูดรีดภาษีเพิ่มขึ้นไปอีก เท่ากับเป็นการใช้เงินภาษีของประชาชนในลักษณะ “อัฐยาย-ซื้อเสียงยาย” ในขณะที่พรรคฯการเมืองอื่น คุยกันเรื่องการเมืองยังแทบจะทำไม่ได้ กระบวนการแข่งขันแบบนี้ แมนโคตรๆ
2. การใช้พลังองค์กรอิสระ ในการข่มขู่อดีต ส.ส. ว่าจะตรวจสอบทุกเรื่องที่สามารถจะหามาเอาผิดได้ ถ้าไม่ยอมย้ายพรรคฯไปอยู่ด้วย ทั้งส.ส.ที่โดนดูด และอดีตนักการเมืองที่ถูกใช้ให้เดินสายดูด ต่างก็โดนชนักปักหลัง บังคับให้ต้องไปอยู่ฝั่งเดียวกัน จึงจะรอดคดีที่โดนตรวจสอบได้
3. การใช้พลังของข้าราชการในแต่ละกรมกอง เฉพาะที่สวามิภักดิ์ต่อเผด็จการฯ ใช้อำนาจทางด้านการปกครอง การออกใบอนุญาต การให้คุณให้โทษทางด้านต่างๆ ที่อำนาจรัฐพึงกระทำได้ ทั้งทางตรงและทางอ้อม ออกเดินสายต่อรอง ถ้ามาอยู่พรรคฯนี้จะได้การช่วยเหลือต่างๆ ช่วยกันดูดอดีต ส.ส. อย่างไม่อายฟ้าดิน
ทั้ง 3 พลังดูดที่ว่านี้ ต่างจากตอนที่คุณพ่อผมตั้งพรรคไทยรักไทยโดยสิ้นเชิงครับ ตอนนั้นคุณพ่อผมคิดนโยบายใหม่ๆ และมีวิธีการบริหารที่ชนะใจประชาชน จนเกิดกระแสที่ประชาชนต้องการพรรคการเมืองที่ คิดใหม่ ทำใหม่ จึงทำให้ ส.ส.ยินดีที่จะย้ายพรรคฯ เพราะกระแสพรรคฯจะช่วยให้ ส.ส. ชนะเลือกตั้งได้ง่ายขึ้น เงินทองที่นำมาใช้ในการทำพรรคการเมืองก็มีที่มาที่ไป และใช้ในการลงพื้นที่เพื่อนำนโยบายไปนำเสนอต่อพี่น้องประชาชน ไม่ใช่ใช้เงินเพื่อซื้อตัวอดีต ส.ส. มาเพื่อให้หาคะแนนให้ปาร์ตี้ลิสต์ แต่ตัวผู้สมัครเองกลับสอบตก จากการมาสังกัดพรรคการเมืองที่ประชาชนไม่ต้องการ!!
ทั้ง 3 ข้อของพลังดูดนี้ คือที่มาของคำพูดของคุณพ่อผมที่ว่า เข้าใจอดีตส.ส.ที่ถูกดูดไป ว่าเขามีเหตุจำเป็น แต่ในขณะเดียวกันก็บอกว่า ถึงแม้จะดูดไป แต่ Majority หรือเสียงส่วนใหญ่ของประเทศก็ยังอยู่ที่เดิม และจะมีคะแนนเสียงเทมามากขึ้นกว่าเดิมแบบ Land Slide !!
ว่าแต่ว่า พ่อเล่นพูดตรงๆแบบนี้ ถ้า ”เขา” รู้ว่าพรรคฯที่อุตส่าห์ตั้งชื่อกันมา ให้เหมือนชื่อโครงการของภาครัฐ จะแพ้หมดรูปขนาดนี้
ต้นปีหน้าเขาจะกล้าจัดให้มีการเลือกตั้งเหรอครัช..!!
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |