นายชวลิต วิชยสุทธิ์ สมาชิกพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีนายนคร มาฉิม อดีต ส.ส.พิษณุโลก พรรคประชาธิปัตย์ เปิดโปงทฤษฎีสมคบคิดล้มล้างรัฐบาล ทักษิณ รัฐบาลยิ่งลักษณ์ ชินวัตรว่า เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นภายในพรรคประชาธิปัตย์ ไม่ทราบข้อเท็จจริงว่าเป็นอย่างไร แต่ประชาชนก็น่าจะเชื่อไปแล้วระดับหนึ่ง เพราะผู้เปิดเผยเคยเป็นคนใน ยิ่งถ้าจะมีการฟ้องร้องนายนคร เกิดขึ้นจริง ความจริงลึกๆก็คงจะได้เปิดเผยในศาลมากกว่านี้ เพราะเท่าที่เคยฟังนายนคร เล่าให้ฟัง ข้อมูลลึกกว่านี้มากเช่น กรณีการสร้างเหตุการณ์ความวุ่นวายในสภา นายนคร เคยเล่าว่า มีการมอบหมายแบ่งงานกันทำ คนนี้ลากเก้าอี้ประธานสภา คนนั้นขว้างแฟ้มเอกสารกลางสภา เหตุความวุ่นวายที่เกิดขึ้น ไม่ได้เกิดอย่างปัจจุบันทันด่วน แต่เป็นเรื่องที่เตี๊ยม เตรียมการกันมาก่อนทั้งสิ้น ถ้าเป็นเช่นนั้นจริง ก็น่าเศร้าใจ ที่เราไม่ร่วมกันรักษาบ้านของเรา
นายชวลิตกล่าวว่า รู้จักนายนคร จากการทำงานในสภา ตั้งแต่ปี 2544 เห็นว่าเป็น ส.ส.หนุ่ม ไฟแรงคนหนึ่ง ที่มีความคิดปกป้องระบอบประชาธิปไตย และต่อต้านเผด็จการ มีโอกาสทำงานร่วมกันเมื่อไม่นานมานี้ จากการที่นายนคร ชี้เบาะแสว่ามีการส่อทุจริตเกิดขึ้นในโครงการขุดลอกคู คลองของอผศ.ในจ.พิษณุโลก ซึ่งขณะนั้นพรรคเพื่อไทยกำลังตรวจสอบอยู่หลายจังหวัด จึงยกคณะลงไปตรวจสอบยังพื้นที่ จ.พิษณุโลก พบว่าส่อว่ามีการทุจริตเกิดขึ้น เมื่อรวมกับหลายๆ เรื่องที่ตรวจสอบ ส่งผลให้ ครม.มีมติยกเลิกสิทธิพิเศษในการขุดลอกคู คลอง แก่ อผศ. และเรื่องการตรวจสอบการทุจริตในการขุดลอกคู คลอง ขององค์กรในการตรวจสอบก็เงียบหายไปในยุคที่การตรวจสอบเลือกปฏิบัติ อย่างไรก็ตาม ประชาชนก็ได้รับรู้ว่าพรคเพื่อไทยได้ทำหน้าที่ปกป้องการใช้งบประมาณซึ่งเป็นภาษีของประชาชนอย่างเต็มกำลัง
"กรณีนายนคร เปิดโปงทฤษฎีสมคบคิดล้มล้างรัฐบาล ดร.ทักษิณ ชินวัตร และ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เป็นเรื่องภายในประชาธิปัตย์ คนที่จะรู้ว่าสมคบคิดกันจริงหรือไม่ คือ นายนครกับคนในประชาธิปัตย์ คนนอกไม่ได้รับรู้ด้วย รู้แต่เพียงว่า ผลเกิดขึ้นจริง ทำให้สังคมคล้อยตามข้อมูลของนายนคร ไม่ใช่น้อย ประการสำคัญ ประชาชนจะได้ประโยชน์อย่างยิ่งในการตัดสินใจทางการเมืองที่จะต้องเลือกระหว่างฝ่ายประชาธิปไตยกับฝ่ายเผด็จการ ในยุคที่โลกเปลี่ยนแปลงไปไวมาก เชื่อว่าประชาชนจะเลือกอนาคตของตนเอง ความมั่นคงของตนเองและครอบครัวเป็นหลัก
นายชวลิตกล่าวว่า สำหรับพรรคเพื่อไทย ในสถานการณ์ปัจจุบัน เราเป็นห่วงเศรษฐกิจ ปากท้อง ของประชาชน และความเชื่อมั่นของชาวโลกที่มีต่อการเมือง การปกครอง และกระบวนการยุติธรรมของไทยเป็นที่สุด ในส่วนของปัญหาเศรษฐกิจ ปากท้อง มั่นใจว่ามีประสบการณ์ในการจัดทำนโยบาย ตลอดจนมีพัฒนาการอยู่ตลอดเวลาให้สอดคล้องทันกับสถานการณ์การเปลี่ยนแปลงของโลก จึงขอให้ประชาชนเชื่อใจว่า มีความพร้อม โดยมีนโยบายให้ประชาชนเป็นศูนย์กลางและมีส่วนร่วมในการจัดทำนโยบายที่เป็นประโยชน์ต่อประชาชนเสมอมา ในส่วนของการเมือง การปกครอง และกระบวนการยุติธรรมทึ่จะได้รับความเชื่อมั่นหรือไม่ เห็นว่า ประชาชนได้เรียนรู้ในชีวิตจริงว่า เมื่ออำนาจมิได้เป็นของประชาชน ส่งผลถึงเศรษฐกิจ ปากท้องของประชาชนเอง ดังนั้น คำตอบสุดท้าย อำนาจอยู่ที่ประชาชนเมื่อการเลือกตั้งทั่วไปมาถึง
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |