ว่าด้วย...การออกจากวัตถุนิยม (11)


เพิ่มเพื่อน    

(1)

        ถึงวันอาทิตย์...ก็ไม่รู้ว่าบรรดา ผู้อ่าน ท่านจะง่วงเหงา หาวนอน กันไปแล้วถึงขั้นไหน กับการที่จะต้องกลับมานั่ง ฟังเทศน์ ชนิดยาวอีเหลนเป๋น ปาเข้าไป 10 ตอน 11 ตอน กันแล้ว...จนถึงบัดนี้ แต่ทำไงได้...ในเมื่อดันตั้งจิต อธิษฐาน ตั้งปณิธาน ว่าจะต้องหาทางสืบสานเจตนารมณ์ของ ท่านพุทธทาสภิกขุ ในเรื่องการหาทาง ออกจากวัตถุนิยม ให้จงได้ แม้ใครจะหลับมั่ง-ไม่หลับมั่ง อ่านมั่ง-ไม่อ่านมั่ง แต่คงต้อง เทศน์ กันต่ออย่างมิอาจหลีกเลี่ยงได้...

(2)

        มาถึงกัณฑ์นี้...ก็คงต้องไปว่ากันถึงหลักฐาน ข้อมูลทางวิทยาศาสตร์ ที่สามารถชี้ชัดให้เห็นว่า วิญญาณมีอยู่จริง โดยสามารถปฏิบัติการในห้องแล็บ ห้องทดลอง ให้เห็นแบบครั้งแล้ว ครั้งเล่า เอาเลยก็ยังได้ นั่นก็คือการค้นพบโดยทีมงานนักวิทยาศาสตร์แห่งมหาวิทยาลัยจอร์จ วอชิงตัน ภายใต้การนำของ ดร. โมฮัมหมัด คูบิซซี (Mohammad Koubeissi) ในช่วงปี ค.ศ.2014 จนกลายเป็นข่าวใหญ่ ข่าวโต ถูกหยิบมารายงานโดยสำนักข่าวต่างประเทศหลายต่อหลายสำนัก ที่อาศัยกรรมวิธีการปล่อยกระแสไฟฟ้าแบบอ่อนๆ แบบที่เรียกว่า Deep Brain Stimulation เข้าไปยังพื้นที่สมองในแต่ละจุด แต่ละพิกัด ของคนไข้โรคลมบ้าหมู จนไปเจอกับสิ่งที่ไม่ต่างอะไรไปจาก สวิตช์ปิด-เปิด การทำงานของระบบสมองทั้งหมด...

(3)

        สวิตช์ที่ว่านั้น...ว่ากันว่าอยู่บริเวณชิ้นส่วนเล็กๆ ที่เรียกกันว่า Claustrum มีลักษณะเป็นแผ่นบางๆ อยู่ในสมองส่วน Neo-Cortex ที่สามารถเปิด-ปิดได้ไม่ต่างไปจากการบิดกุญแจสตาร์ทเครื่องยนต์กลไก สามารถบิดปุ่ม กดปุ่ม ให้คนไข้หลับและตื่นได้แบบฉับพลัน-ทันที แถมยังพบชิ้นส่วนสมองที่สามารถกระตุ้นให้เกิดการ ทำตามคำสั่ง ด้วยกรรมวิธีต่าง ให้ยกแขน ยกขา ยืน-เดิน-นั่ง-นอน ได้ตามที่นักวิทยาศาสตร์ หรือนักทดลองต้องการ การค้นพบเช่นนี้...จึงทำให้เกิดหลักฐาน ข้อพิสูจน์ขึ้นมาว่า มันคงต้องมี อะไรบางอย่าง ภายในร่างกายของผู้คนในแต่ละคน ที่คอยทำหน้าที่แบบเดียวกับนักวิทยาศาสตร์ในห้องทดลองคือเป็นตัวบิดปุ่ม กดปุ่ม สมองส่วนโน้น ส่วนนี้ ให้เป็นไปตามความปรารถนา ความต้องการขึ้นมาได้ ในแต่ละช่วง แต่ละระยะ...

(4)

        อะไรบางอย่าง ที่ว่านั้น...มันจึงไม่ต่างอะไรไปจาก วิญญาณ หรือ soul หรือ mind ก็แล้วแต่จะเรียกขานไปตามรสนิยมของใครก็ของมัน แต่ถ้าจะเรียกว่า mind ดังที่แพทย์ด้านศัลยกรรมประสาทชาวแคนาดา อย่าง ไวเดอร์ เพนฟิลด์ ได้ให้คำเรียกขานเอาไว้ สิ่งที่เรียกว่า mind ตัวนี้นี่แหละ...ที่ท่านเชื่อของท่านว่า มันเป็นสิ่งที่ไม่ได้เสื่อมสลาย หรือไม่ได้สูญหาย แม้ว่าสิ่งที่เรียกว่า สมอง จะหยุดทำงานไปแล้ว แต่จะยังคงดำรงอยู่ และ จะพยายามหาทางเชื่อมโยงกับพลังชีวิตใหม่ๆ ที่มีอยู่ในจักรวาล หรือ ณ ที่แห่งใด แห่งหนึ่ง อันเป็นที่เก็บพลังแห่งชีวิตเหล่านี้เอาไว้...นี่...เรียกว่าเล่นเอาวิทยาศาสตร์ สาขาประสาทวิทยา กับไสยศาสตร์ หรือศาสนศาสตร์ ชักจะกลายเป็น คนละเรื่องเดียวกัน ไปจนได้...

(5)

        จริง-ไม่จริง...เชื่อ-ไม่เชื่อ ก็ลองเอาหัวแม่ตีนตัวเองตรองดูเอาเองก็แล้วกัน แต่จะไปปฏิเสธว่าสิ่งที่บรรดานักประสาทวิทยา หรือนักวิทยาศาสตร์เขาพยายามศึกษา ค้นคว้า ทดลอง ในห้องทดลองทางวิทยาศาสตร์นั้น ไม่ใช่วิทยาศาสตร์ หรือไม่เป็นวิทยาศาสตร์...คงไม่น่าจะถูกเรื่องกันซักเท่าไหร่นัก และถ้าต้องยอมรับว่ามันเป็นวิทยาศาสตร์ นั่นย่อมหมายความว่า...บรรดา ความเชื่อทางวิทยาศาสตร์ แบบเดิมๆ ที่ยึดมั่น ถือมั่น เอาแต่ความจริงทางสสาร วัตถุ มาโดยตลอด ก็มีอันต้องกลายเป็น ความงมงายทางวิทยาศาสตร์ อย่างมิอาจปฏิเสธได้...

(6)

        ด้วยเหตุนี้...บรรดา ทฤษฎี ทางการเมือง เศรษฐกิจ สังคมต่างๆ ที่ก่อกำเนิดเกิดขึ้นมาจากรากฐานแห่ง ความจริงทางวัตถุ เป็นสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นทฤษฎีทุนนิยม สังคมนิยม คอมมิวนิสต์ อนาคิสต์ ฟาสซิสต์ ฯลฯ หรืออะไรต่อมิอะไรก็แล้วแต่ ย่อมต้องถือเป็นทฤษฎีอันมีที่มาจาก ความงมงายทางวิทยาศาสตร์ ไปด้วยอย่างช่วยไม่ได้ หรือเป็นทฤษฎีที่ไม่น่าจะเอามายึดมั่น ถือมั่นใดๆ อีกต่อไป ไม่งั้น...ก็หนีไม่พ้นต้องหาทางปรับเปลี่ยน แก้ไข ทฤษฎีต่างๆ กันใหม่หมด ต้องเอา จิต เอา วิญญาณ หรือเอา soul เอา mind ก็แล้วแต่ เข้าไปสอดแทรก ผนวกรวมกับทฤษฎีต่างๆ อย่างมิอาจหลีกเลี่ยงได้ จะเป็น ทุนนิยมแบบจิตวิญญาณ หรือ สังคมนิยมแบบมีจิตวิญญาณ หรืออนาคิสต์แบบ คริสเตียน อนาคิสต์ ฯลฯ ก็แล้วแต่ มันถึงจะพอเดินหน้าต่อไปได้ ไม่เช่นนั้น...คงต้อง เชยซ์ซ์ซ์ไม่เสร็จ หรือหมดสมัย พ้นสมัย ไปอย่างมิอาจปฏิเสธได้...

(7)

        พูดง่ายๆ ก็คือ...ต้องหาทาง ออกจากวัตถุนิยม กันไปเป็นรายๆ นั่นแหละ มันถึงจะพอสอดคล้องไปกับ ความจริงแห่งยุคสมัย ที่ได้แสดงให้เห็นถึงหลักฐาน ข้อพิสูจน์ ที่ชัดเจน แจ่มแจ้ง ยิ่งขึ้นเรื่อยๆ ถึงความมีอยู่ของ วิญญาณ อันเป็นสิ่งที่สำคัญเอามากๆ ไม่ว่ากับชีวิต ร่างกาย ของแต่ละปัจเจกบุคคล กับสังคม บ้านเมือง ประเทศชาติ ส่วนจะสำคัญมากมายอย่างไรนั้น เอาเป็นว่าอาทิตย์หน้า ลองไปว่ากันต่อ ถือเป็นตอนปิดท้ายของ ชาดก เรื่องนี้...

 


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"