28 ก.ค.61 - นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ แกนนำแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) กล่าวว่า หากมองย้อนตั้งแต่ปี 2548 ตอนกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยเริ่มชุมนุมขับไล่รัฐบาลทักษิณ ชินวัตร จนถึงปัจจุบันอย่างยอมรับความจริงจะเห็นว่า สิ่งที่นายนคร มาฉิม อดีต ส.ส.พิษณุโลก พรรคประชาธิปัตย์ พูดคือคำอธิบายที่ตรงไปตรงมาถึงทฤษฎีสมคบคิดทางการเมืองที่ นปช.และอีกหลายคนพูดมาตลอด เมื่อยืนยันโดยอดีต ส.ส.หลายสมัยของพรรคประชาธิปัตย์ ก็ทำให้เรื่องนี้ชัดเจนมากขึ้น บทบาทของพรรคประชาธิปัตย์ต่อการยึดอำนาจทั้ง 2 ครั้งเป็นแบบเดียวกันคือ ร่วมมือกับกลุ่มจัดตั้งเพื่อชุมนุมขับไล่รัฐบาล บอยคอตการเลือกตั้ง เดินเกมเพื่อให้การเลือกตั้งเป็นโมฆะ และรอรับดอกผลจากการเป็นรัฐบาลหลังการเลือกตั้งด้วยกติกาของฝ่ายยึดอำนาจ
"เพียงแต่คราวนี้ คสช.บอกว่า คมช.ทำเสียของ จึงกำหนดให้มีนายกฯ คนนอกได้ และมีแนวโน้มว่าผู้มีอำนาจจะไปต่อ สถานะของพรรคประชาธิปัตย์จึงเปลี่ยนจากชิ้นส่วนหลักเป็นเพียงอะไหล่ แกนนำหลักอย่างนายสุเทพ เทือกสุบรรณ ซึ่งออกตัวมาไกลจึงต้องแปลงสภาพตัวเองเป็นหุ้นส่วนอำนาจกับคณะรัฐประหาร ซึ่งถือเป็นความอัปยศอย่างยิ่งที่นักการเมืองที่ถือกำเนิดจากวิถีทางประชาธิปไตย เป็นไส้ศึกทำลายประชาธิปไตยเสียเอง" นายณัฐวุฒิ กล่าว
นายณัฐวุฒิ กล่าวอีกว่า นอกจากพรรคประชาธิปัตย์แล้ว กลุ่มพลังฝ่ายอนุรักษ์นิยมทั้งหลายที่ถูกพูดถึงก็ควรทบทวนตัวเอง การใช้อำนาจบิดเบือนหลักการต้องยุติ ถ้าวิธีนี้ดีจริงบ้านเมืองคงเจริญไปแล้ว มาตรฐานแบบชื่นชมการเลือกตั้งในมาเลเซีย แต่ประณามคนอยากเลือกตั้งในไทย ไม่ได้อธิบายว่าคนฐานะดี การศึกษาสูง จะมีสำนึกเรื่องประชาธิปไตยมากกว่าชาวบ้านคนธรรมดา ความเชื่อว่าคนเท่ากันและเคารพในความเป็นมนุษย์ต่อกันต่างหาก คืออนาคตที่งดงามของสังคมไทย
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |